ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ไปกรุงเทพฯ ตอนที่ 24

เดินรอบวัดโพธิ์ทอง ศาลาท่าน้ำทางตะวันออก โรงเรียนทางเหนือ โบสถ์ทางตะวันตก ทางใต้จะมีคลองน้ำ และริมทางวัดเลียบคลองต้นมะม่วงหลายต้นยังยืน ถึงเวลาจะผ่านนาน ความชราก็ย่อมเกิดขึ้น เพียงแต่ต้นไม้ให้ผล ชรามาถึงผลเคยดก ลดลงเหลือไม่มากกิ่งเปราะหักง่ายเมื่อลมมา ไม่รู้ระหว่างวัดกับชาวบ้านเคยคุย ปลูกใหม่แทน พอต้นเจริญค่อยตัดต้นเก่า หลายคนเสนอความคิด ที่จริงถึงจะอายุมาก ปล่อยไว้ให้ร่มเงา เพิ่มบรรยากาศสุขใจ สำหรับลูกเราไม่ค่อยสนใจมากนัก

รอบบริเวณด้านหลังวัด ต้มไม้ยืนต้นมากประเภทคละปนเป ต่างยืนต้นมีความสุข ความเป็นธรรมชาติแตกต่าง ต้นแก้ว ต้นเหนียว กิ่งก้านขยายไม่สูงมากใบเล็กเกือบเรียกได้ว่ากลม ดอกสีขาวเต็มต้น ต้นปีบ ต้นสูงเรียว ดอกปีบสีขาวเล็กยาว ยาวเหมือนไม้จิ้มฟัน วัดนิยมปลูกต้นลั่นทม เดี๋ยวนี้คนเปลี่ยนชื่อเป็นลีลาวดี ครับคนไทย ความรู้สึกกับความเป็นวัฒนธรรม สืบสานส่งต่อจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลาน มาถึงรุ่นเรา กำลังจะผ่านหมดเวลา (ตาย) ถึงลูกหลานเหลน มากสิ่งมากชื่อ ชอบเปลี่ยนชื่อ บอกว่าชื่อเก่าไม่ไพเราะ ชื่อใหม่ไพเราะกว่า แม้แต่ชื่อมากพยางค์ อ่านวุ่นวายไม่สามารถจำได้ง่าย และยิ่งความหมาย ผมส่ายหัว ยากที่จะจดจำ เมื่อก่อนภาษาพระ (บาลี) บอกว่าจำยาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องศึกษา เป็นความปกติของชีวิต ต้องจดจำเพราะเป็นความผูกพันทางปัญญาของชีวิตอย่างคำว่า อิทัปปัจจยตา เป็นกฎธรรมชาติ สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ครับคำว่า อิทัปปัจจยตา ยาว ยากสำหรับการจดจำ แต่เป็นสิ่งที่น่าจดจำ มีคุณและเกิดปัญญา แต่สำหรับชื่อคน ปัจจุบันจำยากยาว ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ ครับกลายเป็นความชอบพอ เชื่อมโยงความคิด คนชื่อไพเราะ มากความหมายดีงาม แต่ชีวิตทำคุณงามความดีไม่เกิดปรากฏ ถึงจะคลุกคลีมีชื่อออกสื่อบ่อย แต่พฤติกรรมดีๆ การแสดงออกมีค่าติดลบ บ๊ะอย่างนี้จะจ้างให้จดจำ เบียดเนื้อที่ของเส้นใยสมอง คงไม่อยากรับรู้ คนเชื่อชื่อดีชีวิตจะจำเริญ เชิญเชื่อไปเถอะ เดินรอบวัดโพธิ์ทอง ความหมายคงจะหมายถึงต้นโพธิ์ คือพระพุทธองค์นั่งพัฒนาความคิดและปัญญาเห็นแจ้ง ชื่อวัดโพธิ์ทองคงจะมีความหมาย คุณความดี ตามหลักปัจจัย คือที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ต้นไม้ในอดีตผมสัมผัส หดหายที่หลุมฝังศพ บริเวณเคยเต็มไปด้วยต้นไม้และกอไผ่ กอไผ่ถือเป็นกอไม้เศรษฐกิจจะนำมาทำบ้าน พื้น ฝา ไม้ไผ่ เอาผิวมาลนไฟ สานเป็นภาชนะ กระบุง บุ้งกี๋ แม้แต่ตะกร้าใส่ของ เดี๋ยวนี้คนคิดว่าเจริญ ทุกอย่างซื้อ กิจกรรมที่ทำจากฝีมือหดตัว กอไม้ไผ่มากบริเวณบ้านหมดเชื้อที่จะปลูก ต้นคูณ เคยมีแทบหาไม่เจอ หน้าออกดอกสีเหลืองเป็นพวง ขวักยาวแก่สีดำยาว เคยทุบแตกกินหวาน ต้นจามจุรียังมี ต้นโต กิ่งก้านเยอะเวลาออกดอกสวย ต้นไม้อีกต้น มากคนไม่เคยเห็น ชื่อต้นโศก ตอนเดือนธันวาคม 2015 ไปกรุงเทพฯ แวะเยี่ยมวัดราชบพิธ ยังเห็นต้นโศก หน้าพระตำหนักอดีตสังฆราชองค์ที่ 18 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ต้นโศกยืนต้น ต้นใหญ่ แตกกิ่งก้าน ใบเขียว ดอกคล้ายดอกเข็ม ครับเก้าอี้ใต้ต้นโศกยังมี ใต้ต้นทั้งสอง พระเณร เด็กวัด แม้แต่ฆราวาส มาวัดก็นั่งพักผ่อน ร่มเย็น เผลอบ่อยหลับ เมื่อตื่นชีวิตจะตื่นตัว สร้างความเจริญ

ครับคนรุ่นเก่า นิยมปลูกต้นไม้นอกจากจะได้กินผล ให้เงา ร่มเย็นชีวิตที่สัมผัสพบกับความสุขใจ ธรรมชาติมีแต่คุณ ชีวิตที่คลุกคลีกับต้นไม้ ย่อมห่างไกลกับปัญหาจิต

เดี๋ยวนี้คนไทยนิยมปลูกต้นยูคาลิปตัส เป็นต้นไม้เศรษฐกิจ โตเร็ว ปลูกแล้วดูแลไม่ยาก ไม่นานตัดขายทำกระดาษ ผมไปที่เมืองซานตาครู๊ซ เมืองที่นายกสามาคมไทยปีนี้และปีก่อนคืนคุณวัลลภ ทำมาหากินเปิดร้านไทย ร่ำรวย ต้นยูคาลิปตัสเมืองนี้จะมีผีเสื้อประเทศทางเซ้าท์อเมริกาอพยพมาอาศัยทุกปี เดินทางหลายพันไมล์อาศัยใบยูคาลิปตัสทำรัง ป้องกันลม ปลอดภัย และเป็นฤดูกาลเลือกคู่ ผีเสื้อพันธุ์ที่ผมกล่าวเรียก “โมนาส” ลายสวย ถ้ามีลูกมีหลาน พาไปเรียนรู้ธรรมชาติ เด็กๆ สัมผัสจะหวงแหน รัก ชีวิตเติบโตนอกจากเข้าใจวงการธรรมชาติ อุปนิสัยจะติดสิ่งดีงาม ไม่ทิ้งขว้างเศษสิ่งของ ทำลายธรรมชาติ

หมดเวลากับการเดินทางรอบๆ ศาลา วัดยังคงไว้ถนนคอนกรีต สร้างเชื่อมระหว่างศาลา กุฏิ โบสถ์ และศาลาท่าน้ำ

วัดต่างจังหวัด ส่วนมากที่เป็นบ้านนอกวัดจะสร้างติดริมฝั่งแม่น้ำ ไปมาทำบุญ เยี่ยมเยียนพระ อาศัยทางน้ำ ด้วยเรือ เรื่องรถยนต์ใช้ถนน เพิ่งเจริญไม่นาน ก่อนโน้นผมไปโรงเรียน ไปวิ่งเล่นที่วัด ก็อาศัยเดิน เลาะถนนทางเท้าเรียบริมแม่น้ำผ่านบ้าน

ถนนริมน้ำถือว่าเป็นความเจริญของชาวบ้าน ถนนเต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติ น้ำ วิวคนพาย เรือลากเรือเป็นแถวยาว แพซุง ไม้ที่ถูกตัด เจาะหัวไม้ เอาเชือกผูกเป็นแพ ลากไปสู่โรงเลื่อย จะที่ตัวเมืองอยุธยาหรือเมืองอื่น ไกลหน่อยกรุงเทพฯ

ครับพอถึงวันนี้ ที่ริมน้ำ เป็นทางเดินเป็นส่วนหย่อม เป็นที่เด็กเล่น ไม่มี โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ริมฝั่งสองฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ชีวิตคนถูกตัดขาดความงาม สาเหตุมาจากผู้บริหารขาดจิตสำนึก มองไม่ออกถึงคุณความจำเป็นของชีวิต แม้ที่หัวหินทางเดินใกล้หาดทรายเต็มไปด้วยถนน รั้ว และเขตของบ้าน ช่างขาดจิตสำนึก

ประเทศที่เจริญทุกชาติ เขาจะกันที่ที่ใกล้กับธรรมชาติ ทะเลสาบ ป่าไม้ ทะเล หาดทราย สองฝั่งริมน้ำ ทุกที่เขาจะสร้างทางเดิน ปาร์ค สวนหย่อม แม้แต่ที่เด็กเล่น เพราะเด็กคือเยาวชนของชาติ เติบโต เมื่อพัฒนาความถูกต้องของธรรมชาติ พวกเขาจะสานต่อเก็บรักษา ดูแลสิ่งที่ควรเป็นของประชาชนทุกคน แต่เมืองไทยเรา คนบริหารมีหน้าที่ ขาดจิตสำนึก และวิสัยทัศน์ แม้แต่การสร้างบ้าน ร้านค้า มากคนสร้างล้ำที่สาธารณะ

วันวิสาขบูชา วันที่ 22 พฤษภาคม 2016 ฟังเทศน์ จากพระราชปริยัติเวที ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ท่านย้ายจากเจ้าอาวาสวัดดาวดึงค์ ท่านเคยมาจำพรรษาและพัฒนาวัดพุทธานุสรณ์ช่วงวัดพุทธานุสรณ์กำลังก่อสร้างบริเวณวัด และพระอุโบสถ ภายในพระอุโบสถ ท่านวาดภาพเทวดาบนเพดานโบสถ์ และประวัติพุทธเจ้า วันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน และช่อฟ้าใบระกา ท่านลงมือหล่อด้วยไฟเบอร์ ขัด ปิดทอง ลงลักษณ์ วันนี้ท่านเทศน์ เรื่องง่ายๆ ฟังเข้าใจและสามารถจดจำได้ ท่านบอกว่าบริเวณรอบตัวโบสถ์ด้านนอกอยากวาดหรือแกะสลัก โดยเฉพาะแกะสลักจะอยู่นาน การซ่อมง่ายเพียงทาลี ท่านบอกว่าจะลงมือทำ จะเดินทางจากเมืองไทย มาดูแล

ท่านเทศน์เน้นสิ่งที่ชาวพุทธสามารถเรียนรู้ และลงมือกระทำง่ายๆ อย่างการเข้าวัด เพื่อพัฒนาจิตใจ วัดเป็นสมบัติของทุกคน ช่วยกันก่อสร้าง พัฒนา และอนุรักษ์ ถ้าชีวิตขาดความสงบสุข วัดช่วยได้ จะมาคุยกับพระ คนมาวัดด้วยกัน หรือเดินรอบบริเวณวัด บรรยากาศรอบวัด สงบ เงียบ กว้าง ถ้ามีทุกข์ก็อย่าเก็บไว้ ผ่อนคลายออก ทุกชีวิตจะมีทุกข์และสุข คนส่วนมากมีทุกข์จะพัฒนาให้ทุกข์เพิ่มขึ้น วิธีที่ถูกมีทุกข์ รู้จักพัฒนาทุกข์ให้เป็นความถูกต้อง

พระราชปริยัติ เล่าว่าที่วัดสุวรรณ ภายในพระอุโบสถ มีภาพวาดตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เก่าแก่ ต้องเก็บรักษาดูแล เด็กเรียนศิลป์ส่วนมากจะมาศึกษาภาพวาดฝาผนังที่วัดสุวรรณ

วัดสุวรรณมีศาลาท่าน้ำ เหมือนวันโพธิ์ทอง คุณประโยชน์ย่อมเหมือนกัน ที่สนทนาธรรมพักผ่อน ท่านเล่ามีคน 6 คนมานอนหลับที่ศาลาท่าน้ำ นอนเรียงหันหัวไปทางเดียวกัน เทวดาลงมาเดินดู เห็นเท้าทั้ง 6 คน สั้นยาวไม่เท่ากัน เทวดาดึงขาให้เท่ากัน ยิ้มกับตัว ทำให้คนทั้ง 6 เท่ากัน พอเดินไปรอบๆ ที่หัวทั้ง 6 ไม่เท่ากัน ดึงหัวให้เท่า เดินดูรอบๆ และเท้าสั้นยาวไม่เท่า

ครับชีวิตคนทุกคน เกิดมาจากแหล่งแตกต่าง จะให้ทัดเทียมเท่ากันคงไม่ได้ ทุกชีวิตจะให้สุขใจ สบายกายก็ต้องยอมรับสภาพธรรมชาติของทุกคน เพียงขยัน มานะ อดทน ทำตามหน้าที่ อย่าคิดให้เท่าเทียม ศาสนาพุทธสอนก็เป็นสุขแล้ว ท่านราชปริยัติเวที กล่าวว่าการทำบุญ มีความคิดเป็นมงคล ผลบุญคือความสุขของใจ ย่อมเสมอ ทัดเทียม ยิ่งถ้าพัฒนาใจให้มีเมตตา เป็นปัจจัยสม่ำเสมอของชีวิต ชีวิตย่อมพบแต่ความสุข ความสุข ความพอใจ คือผลบุญ ก่อนนอน ตื่นนอน คิดแต่สิ่งดีๆ

ชีวิตคนแตกต่างเป็นความดีงามของธรรมชาติ ผมมองดูวัดเจริญ วัดใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดมั่น คนมาวัดนำความแตกต่างมาวัด ต่างพัฒนาตามวิถีของชีวิต หลายคนบวชพราหมณ์ หลายคนดูแลต้นไม้ หลายคนมายืนที่ครัว ดูแลอาหาร ความสะอาด ครับมากคนอุทิศแรงงานสอนเด็ก มากคนนั่งสมาธิ เดินสมาธิ หลายคนเอาหนังสืออ่านแล้วมาให้คนอื่นได้อ่าน ความแตกต่าง แต่ใจอยากเห็นความเจริญย่อมได้