ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
โรงเรียนของแม่ ตอนที่ 29

กราบแม่ ผมต้องเดินทางไปมิชิแกน วันที่ 16 ธันวาคม 2557 พระคุณของพระพุทธ และพระคุณของพ่อแม่จงช่วยคุ้มครองบ้านด้วย หลังจากกราบ ครับทุกเช้าหลังจากตื่นนอน จะกราบทำใจสงบต่อหน้าบุพการี ชีวิตดีๆ ของตัวเอง ลูกและหลานย่อมมาจากพ่อและแม่

ตอนเป็นเด็กช่วงโรงเรียนปิดประถมศึกษาจะติดเรือข้าวไปกับพ่อและแม่ ก๋วยเตี๋ยว น้ำแข็งใส จะพายเรือขาย โดยเฉพาะช่วงหยุดทานอาหารกลางวัน คนแบกข้าวชอบทานก๋วยเตี๋ยว เลยถือโอกาสอ้อนแม่ การเรียน การสอน แม่สั่งสอนตลอดเวลา แม่บอกว่าเห็นคนแบกข้าวไหม สี่ห้าถังข้าวเปลือก ตวัดขึ้นบ่า เดิมงุ้มไปข้างหน้า เพื่อคานน้ำหนัก และให้เกิดความสมดุลย์ เคยคิดตอนมาเรียนมัธยมในกรุงเทพฯ ถ้าคนงานทำหล่นข้าวหกหมด ต้องใช้ไหม คิดเข้าข้างตัวเอง แม่เป็นคนมีเมตตาคงไม่ต้องใช้หรอก เพราะอุบัติเหตุและตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีเหตุการณ์ข้าวหกเกิดขึ้น

แม่สอน เห็นไหมลูก ข้าวที่เรากินทุกวันกว่าจะได้มายากมาก เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจคนปลูกข้าว คนขนข้าว และแม่ถึงจะเป็นคนกลางซื้อข้าว กว่าจะเต็มลำหลายสิบเกวียน เต็มลำต้องจ้างเรือยนต์จูงไปโรงสี สีข้าว การสีข้าวโรงสีข้าวไม่คิดเงิน แต่แกลบคือเปลือกข้าว และรำ คำว่ารำคือเนื้อข้าวสารเวลากระเทาะเปลือก เนื้อข้าวจะแตกออกป่น เม็ดข้าวคงรูปคือข้าวสารที่เราหุงรับประทานทุกวัน และจะมีเมล็ดข้าวสารที่เปราะหักไม่มีรูปร่างเป็นเมล็ดข้าวสารเรียกว่าปลายข้าว คนนิยมมาทำโจ๊ก หลายคนหุงและต้มให้สัตว์ สุดท้ายข้าวจะป่นเรียกว่า “รำ” โรงสีจะเอารำและแกลบ ลูกคงไม่รู้แกลบตอนโน้นมีราคา คนเผาอิฐจะหาซื้อ ไปเผาอิฐ รำอาหารชั้นดีของสัตว์

ปีละหลายครั้งลูกจะไปมิชิแกนดูลูกและหลาน หลายผู้ชายสามคน 4, 6 และ 8 ซนเล่นด้วยกันจะทะเลาะกันตลอด คนเป็นพ่อแม่คนเลี้ยงก็ต้องคอยดูแล สั่งสอน การเล่นการขัดแย้งคือธรรมชาติของเด็ก การอบรมสั่งสอนอยู่ใกล้ชิด และโตขึ้นก็จะหยุดเอง ทุกสิ่งที่เป็นพฤติกรรมของหลานคือการเรียนรู้ ความรักที่ให้กับเด็กคือเกราะป้องกัน การลงโทษ ย่อมมี สำหรับการแกล้ง ขั้นแรกพ่อแม่หาข้อเท็จจริง พอได้ข้อเท็จจริง ก็อบรมสั่งสอน และสุดท้ายลงโทษ ไม่มีการลงโทษโดยการเฆี่ยนตี ถ้าทำถือว่าทำร้ายลูก การลงโทษ คือแยกความผิด ให้นั่งคนเดียว ไม่ให้เล่น เรียกที่นี่ว่า “Time Out” เด็กจะกลัวเพราะไม่ได้เล่น และมีความผิดจึงถูกลงโทษ

ปกติลูกสาวจะจ้างเด็กคนไทย ผู้หญิงจบมหาวิทยาลัย มาอยู่ด้วย ทำงานอาทิตย์ละ 35 ชั่วโมง หยุดเสาร์ครึ่งวัน อาทิตย์ตลอดวัน วันหยุดพักร้อนมี 2 อาทิตย์ อดคิดเหมือนข้าราชการเมืองไทยเลย กินอยู่กับลูกสาว ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูทุกอาทิตย์ และจ่ายเงินก้อน ตอนทำสัญญาลูกสาวคิดที่อยากได้คนไทย เพราะต้องการให้สอนภาษาไทย แต่จริงแล้วเด็กที่มาเลี้ยง ไม่สอนภาษาไทย เพราะต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

เด็กมาเลี้ยงเรียก Au Pair ชาวต่างชาติที่มิชิแกน อาชีพ หมอ ทนาย และนักการค้านิยมจ้าง แต่ตอนหลังเริ่มคลายตัว เพราะคนมาเลี้ยงยังเด็ก การเรียนในสาขาคงจะยังไม่เข้าเป็นส่วนของพฤติกรรม ในอนาคตเด็กพวกนี้คงจะลี้ภัยชีวิตอยู่ในอเมริกา คงเหมือนพระสึกออกมาใช้ชีวิต ครับไม่ว่ากันชีวิตทางไหนดี เจริญ ชอบพอ คนก็ต้องเลือก แต่ระบบตอนแรกหลวม พอเริ่มมีปัญหา ระเบียบ กฎเกณฑ์ ย่อมเข้มงวด มีกรอบมากขึ้น การจะให้อยู่อย่างถาวรกลายเป็นชั่วคราว

ครับกฎเกณฑ์ กฎหมาย และแม้แต่วินัยสงฆ์ มากสิ่งเราตั้งกฎเพิ่มเติมควบคุมมากขึ้น ย่อมเกิดจากช่องโหว่ แต่สำหรับชีวิตครอบครัวกฎเกณฑ์ต่างประยุกต์ตัว พึ่งพา เกื้อกูล คนที่อยู่กันยืดตลอดชีวิต เกิดจากกฎของความสมดุลย์ของการปรับตัว คือกฎของความเมตตา เกื้อกูล ผิดให้อภัย พูดจาดี บางคนมีของติดมือ ถึงไม่บ่อย แต่ก็เข้าช่องพอใจ

ช่วงคริสต์มาส หลายปี ลูกๆ จะมาครบหน้า ก๊อฟฟี่ ตอนนี้อยู่ฮาวาย สอนในมหาวิทยาลัย Manao เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ใหญ่สุดในแปซิฟิค ก๊อฟฟี้จบปริญญาเอกที่นี่ ทางเนื้อหา ก่อนมาได้วิ่งมาราธอน 26.5 ไมล์ วิ่งจนสุดทางเขาถือว่าเป็นความภูมิใจ ก๊อฟฟี้เขาจะสร้างความสนใจให้ลุล่วงได้ตลอด อดภูมิใจ เหมือนพี่สาวเขาอยากเป็นหมอ และสานความฝัน ตอนนี้เปิดคลีนิคมา 2 ปีถือว่ามีความสำเร็จสูง คนไข้เยอะ ให้ 5 ดาว เหตุผล อยากปลูกฝังความคิดให้ลูกชาย ตอนนี้ผมเขียน ก็พาลูกชายคนกลางไปคลีนิคเด็กจะเรียนรู้

หลานคน 4 ขวบ พูดว่าจะเป็นหมอ ผมยิ้ม ทุกอย่างจะสำเร็จ คือการวางแผน และส่วนความฝัน เหมือนผมคิดมาเรียนต่ออเมริกา ติดต่อโรงเรียน ลาออกจากข้าราชการ มาสานความฝัน เคยคิดอยากใช้ชีวิต “ง่าย” เรียกว่าซำเหมา เดินทางในยุโรป ในหลายประเทศใช้เงินประหยัด ครับปี 1973 ผมสานฝัน บินจากแคลิฟอร์เนีย ลงนิวยอร์ก ขับรถเที่ยวขึ้นเหนือสุดตะวันออก เข้าวควีนเบ็ค ลงมาในแองกาล่าฟอล ขึ้นเครื่องบินจากนิวยอร์ก ลงสเปน ครับ 3 เดือนใช้ชีวิตเดินย่ำต๊อก ใช้รถเมล์ ทานอาหารถูก ขนมปัง ผลไม้ ไปมากประเทศ

ชีวิตคนมีความฝัน ถือว่าชีวิตย่อมเปิดโอกาสให้เดินทางได้เสมอ ถ้าชีวิตทำซ้ำไม่มีรางวัล ชีวิตปลายทางคงโทรมเร็ว

ตั๋วเดินทางมามิชิแกน ลูกสาวจ่าย ไปไหนๆ ลูกสาวถือเป็นหน้าที่ รับช่วงจ่ายให้ เท่ากับลูกสาวลูกชายเริ่มมีความรู้สึกอยากดูแล ตอนแทนพ่อแม่ เรียกว่า “กตเวที” ส่วนตัวเคยโอนหนี้เครดิตคาร์ด ลูกสาวกระตือรือร้นดูแล แต่บอกว่า “พ่อต้องดูแลตัวเองด้วย” ปัจจุบันค่าโทรศัพท์ของผมและแม่บ้านเข้าบัญชีลูกมาหลายปี เคยฝันถ้าลูกสองคนจ่ายค่าภาษีบ้านให้ด้วย ชีวิตพ่อและแม่อย่างผมคงจะปริ่มเกือบเต็มขอบของความพอใจ ครับคงไม่มองผมในแง่ร้ายที่ว่าได้น้อย อยากได้มาก ขอโทษพยายามตัดกิเลส แต่ก็เพียงยุบบ้างน้อยนิด ถ้าชีวิตทำดีมากกว่าทำไม่ดี ชีวิตนี้ผมคิดว่า ไม่มีอะไรจะต้องกังวล

ก่อนโน้น ไปมิชิแกน ปีละหลายครั้งอาศัยบริการของสายการบินเดลต้า บินตรงไม่อ้อม ไม่จอดรับผู้โดยสาร หลายปีราคาซื้อขาย ไม่มีตำหนิจะเปิดช่องให้ได้บ่นพูดภาษานักเศรษฐศาสตร์ ราคาต่ำกว่าการบริการ สต๊อกย่อมขึ้น เมื่อสิ่งรอบตัวมากสิ่ง ส่อทางนิยม ครับนิสัยของนายทุน แสดงตัวตนที่แท้ กำไรเคยได้ อยากได้มากขึ้น คงเป็นสูตรเดียว คนรวยอยู่แล้ว ยิ่งอยากรวยมากขึ้น วิ่งเต้น เบียดบังเวลาพักผ่อนหลับนอน คิดเพิ่มเงิน ครับตัวเองไม่ได้ใช้หรอก คิดที่จะสะสมไว้ให้ลูกเมีย แม้แต่บุญทานก็ไม่อยู่ในจิต ซ้ำร้ายส่วนมากจะหลีกหลบภาษี พระท่านจึงสอนว่าคนมีความโลภ ยากที่จะหลุดพ้นความพอดีแห่งชีวิต

ถึงจะขึ้นราคา แต่หลายคนหยวนเพราะสะดวก เวลาออกจากสนามบิน สุดปลายทางเป็นเวลาที่พอใจ และการเดินทางออกจากบ้านสายหน่อย อย่างผมใช้รถ BART สะดวกสบาย เรียกรถแท๊กซี่ มารับจากบ้านไปยังรถ BART ลากกระเป๋าขึ้นเผลอชั่วโมงเดียว ก็ยืนเข้าแถวเช็คตั๋วเครื่องบินแล้ว

ครับตั๋วขึ้นราคา ตามฤดูกาลช่วงเทศกาล คริสต์มาส Thanksgiving โรงเรียนหยุดเข้าพรรษาและออกพรรษา คงไม่เกี่ยว เมื่อคนเยอะ ต้องเดินทาง ถือได้ว่าจำเป็น ถ้าจะเล่นตัว ขึ้นราคา คำอ้างน้ำมันแพง (เดี๋ยวนี้วันที่ผมเขียน น้ำมันลดเหลือ เฉลี่ย 1.90 ไม่เกินสองเหรียญ เหลือเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้) แต่อ่านในเว็บ คนด่า ปตท. ราคาน้ำมันนอกจากไม่ลด ถ้าทรงตัวก็ถือว่ากุศลแล้ว เลยเขยิบราคา บาทสองบาทต่อลิตร อย่างดีถูกต่อว่า คนปากร้ายด่าใส่คนทำมาหากินพูดอย่าไปสนใจ ด่าไม่นานก็หยุด แต่กำไรเพิ่มเกินความคาดคะเน คนด่าจนลง จิตใจยังแย่ หมอครับขอยาคลายเครียด