ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 30 ตุลาคม 2564

นั่งบนเก้าอี้ บนโต๊ะนอกจากจะวางกระดาษ สมุด แม่บ้านวางต้นกล้วยไม้ 8 ต้นบนโต๊ะ มีสองต้นออกดอก ดอกกล้วยไม้เวลาออกดอกจะผิดกับต้นไม้ดอกหรือต้นไม้ยืนต้นทั่วไป ดอกกล้วยไม้จะออกจากก้านดอกไม้ ยาว มีดอกหลายดอก และความสวยงามแตกต่าง ดอกบานอยู่นาน ผมเป็นเพียงเก็บความรู้สึกดีๆ ใส่ไว้ในความรู้สึกของใจ ใจเพียงมองและส่งความรับรู้ว่าสวยทำให้ชีวิตสดชื่น ครับความรู้สึกถ้าเพียงรับรู้ไม่ขยาย เปรียบเทียบกับพฤติกรรมอื่น ความสงบของจิตใจมันก็เป็นเพียง “เท่านั้นเอง” กิเลส โลภ รัก ชอบพอ เมื่อไม่เกิดกับความรู้สึกที่รับรู้ เกิดความรู้สึก หลงใหล ชอบพอ และเปรียบเทียบ โทษภัยให้ใจรุ่มร้อน เป็นอันดับและไม่เกิด

วันนี้อากาศดี แดดร้อน ผมคงหมายแค่แดดทำให้อบอุ่น แม่บ้านเคยบอกผมเสมอ ผมควรนำหนังสือ ไปนั่งโต๊ะ บนเด็ค (Deck) หลังบ้าน แสงแดดอุ่น จะให้ประโยชน์ถ้าจะมองละจากหนังสือ จะเห็นสะพานโกลเด้นเกตชัด

มองลอดกระจก จะเห็นคนมากมายต่างมีกิจกรรมของตัวเอง เดิน จะออกกำลัง พาสุนัขเดิน มือถือถุงหลายคนเข็นรถเด็ก

ครับคนที่เห็นแตกต่าง ผมอยากจะยกพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์ครองราชย์ 2489-2559 เป็นเวลา 70 ปี พระองค์ไปเยียนราษฎรทุกจังหวัด คำพูดที่ว่า ไม่มีแผ่นดินไหนว่างที่พระองค์ เราสามารถ “พูด” ทุกที่ที่เราไป เดินตามรอยเท้าของพระองค์ เดินทางเยียนราษฎร ให้คำแนะนำ ปรับปรุงเปลี่ยนชีวิตให้ “ดีขึ้น” ไม่มี พระองค์รักประชาชนของท่าน คำพูดที่ประชาชนบอกว่าพระองค์เป็นพ่อของแผ่นดิน เพียงพ่อของพวกเราทุกคนก็ยิ่งใหญ่แล้ว ดูแล ทนุถนอมเราตั้งแต่เกิด ค่อยๆ เจริญวัย สั่งสอนดูแลพ่อแม่ของเราทำงานหนัก อดออม ส่งเราเล่าเรียน เพียงความรักที่ว่า เราเติบโตจะเป็นผู้มีความรู้ สามารถมีงานดีๆ ทำ ตามความสามารถที่เล่าเรียนและความชอบพอที่เป็นทางเลือก การศึกษาที่เราเลือก พ่อแม่จะไม่บังคับ จะเลือกเรียนวิชาอะไร พ่อแม่บอกว่า ลูกชอบ สนใจ รักอะไร พ่อแม่มีแต่ส่งเสริม

แต่พ่อของแผ่นดิน พระองค์จะแนะนำ ส่งเสริมให้ข้อเท็จจริงแก่ชีวิต เพื่อความไม่เพียงมีชีวิตอยู่รอด มีงานทำ มีอาหารสำหรับครอบครัว มีความหวังส่งต่อสู่ลูกหลาน มีคำพูดหนึ่ง “เราต้องสร้างความเจริญให้ตัวเราในท้องถิ่น จึงค่อยออกไปยังที่เจริญข้างนอก” ครับคำพูดหมายถึงเราต้องไม่หวังน้ำบ่อหน้า ขยันมานะสู่ในหมู่บ้านของเราก่อน อีกคำพูดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9

“บ้านเมือง มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใคร จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติ “สุข” จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากอยู่ที่ส่งเสริมคนดี ได้ปกครองบ้านเมือง และความคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนและวุ่นวายได้” ย่อมอบอุ่น คำว่าธรรมะ พุทธองค์ที่เป็นศาสดาของศาสนา พระองค์รับรู้หลักเกณฑ์ยึดเอากฎของธรรมชาติเป็นต้นแบบ จึงสรุปได้ว่า เราทุกคนดำเนินชีวิต ยิ่งชีวิตมีความสุข ทุกสิ่งมาจากความเข้าใจ คำว่า “ธรรมะ” คือคำสอนของพุทธองค์ ธรรมะเป็นกฎประมวลมาจากธรรมชาติ เหมือนดวงอาทิตย์ จะให้แสดงแดดทุกวัน กฎของดวงอาทิตย์คือให้ความอบอุ่น สร้างพฤติกรรม ให้ความเจริญงอกงาม ทุกสรรพสิ่งบนโลก หน้าที่ของดวงอาทิตย์ คือ จะหมุนเวียน รอบโลก และสุดท้าย คือ ประโยชน์

สังคมในไทยวันนี้ สังคมของคนเดินขบวนในเมืองไทย เป็นเด็กรุ่นใหม่ มองคนเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เป็นเพียงผู้ชรา ชีวิตหมดพลังทางความคิด แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกท่านผ่านกระบวนการตามพฤติกรรมของธรรมชาติ เรียนรู้ ศึกษารู้จักดูแลตัวเอง ดูแลและใส่ใจลูกหลาน ทุกท่านต่างมีประสบการณ์ดีๆ น่าจะถือได้เป็นแบบอย่างของชีวิต

อาทิตย์อย่างน้อย 5 วัน เลยเที่ยงผมจะเห็นผู้หญิง อายุ คงไม่เกิน 30 ปี จะเดินลงจากหมู่บ้านเหนือบ้านผม เป็นทางลงจากภูเขา เธอจะถือไม้ยาวสีขาว สอดส่ายบนถนน ครับไม้สีขาวยาวคือสัญญาลักษณ์ของคนพิการทางสายตา (ตาบอด) ไม้ยาวสามารถแตะข้างซ้ายขวา หน้า เพื่อความปลอดภัย ครับคนตาบอด เกิดจากสาเหตุ 2 อย่าง 1.จากโรคภัย อาจจะเกิดตอนเกิดเป็นเด็กหรือโต 2.โดยอุบัติเหตุ

ทุกอาทิตย์คนพิการจะมีชายวัยไล่เลี่ย เดินด้วยกกัน ครับคงเป็นชีวิตคู่ การเลือกคู่ของคนพิการ อาจจะเป็นความใกล้ชิด อยู่โรงเรียนเดียวกัน และการพูดคุยซึ่งอาจแตกต่างจากคนตาดี อาจสนใจหน้าตา รูปร่าง การพูดคุย พฤติกรรมใกล้เคียง อาจแตกต่างจากสัตว์ สัตว์จะอาศัยกลิ่นด้วย ครับจะคนสายตาดี สายตาพิการ สิ่งสำคัญเราเชื่อกฎแห่งกรรม คือพฤติกรรมในอดีตชาติ ทำร่วมกัน จะเชื่อผมตามบอกเล่าเรื่องเนื้อคู่ หรือไม่เชื่อน่าจะเป็นไปได้ ผมไม่สามารถอ้างหลักข้อเท็จจริง สามารถจับต้องด้วยมือหรือความรู้สึก (คือจิต)

เหมือนชีวิตเรา อย่างผมทุกเช้า 9:00 AM อาจขาดเกินบ้างจะลงหลังบ้าน กวาดใบไม้ ทำตอนแรกๆ เหมือนออกกำลัง ความคิดวุ่นวายถึงจำเป็น แต่ก็มีข้อทักติงเสมอ ทำทุกวันกลายเป็นความเคยชิน รับรู้พักผ่อนทางจิต ทุกเช้าหลังจากกวาด จะถือโอกาสชิฟกอล์ฟ 10-15 นาที หลายปีหลังจากขายร้านอาหาร ก็ถือโอกาสเลิกเล่นกอล์ฟ คงจะเป็นอายุมาก ขับรถไกล แต่สำคัญเล่นกอล์ฟแต่ละครับ ผมนั่งคิดคือค่าใช้จ่ายตลอดอาทิตย์ ยิ่งช่วงไปออก “รอบ” คือเล่นกอล์ฟต้องซ้อมตีลูกก่อน ผมนั่งคิด ลูกที่ตีแต่ละลูก เกิน 10 เซ็นต์ต่อลูก รายได้จำกัด เริ่มเสียดาย ช่วงมีธุรกิจ ทุกเช้าจะตื่นแต่ตีห้า บอกแม่บ้านไปซื้อของเข้าร้าน ถือโอกาสตี 1 ตะกร้าใหญ่ บางวันเจอเพื่อนออกรอบ 9 หลุม เข้าร้านสายเป็นนิสัย การเล่นกอล์ฟเป็นกีฬาที่ชอบ แข่งขันกับตัวเอง ผมเล่นกับสมาคมกอล์ฟ เคยชนะได้ด้วยหลายใบ ได้กระเป๋าและเซตกอล์ฟ แม้แต่ได้ “พัท” พอเลิกกอล์ฟหันมาอ่านหนังสือทำงานบ้าน ไปวัด ความรู้สึกชีวิตสามารถเอาชนะตัวเองได้ ห่างจากบ้านผมไม่เกินไมล์ มีชอปปิ้ง จะมีโรงเรียนสอนคนสายตาพิการ การเรียนการสอนของคนพิการ แตกต่างจากคนตาดี คนพิการสอนวิธีข้ามถนน คนสอนตาดี จะพาเดินมาหยุดทางสี่แยก ถ้าไฟยังไม่อนุญาตให้ข้าม จะได้ยินเสียงรถทางตรง และได้ยินเสียงคนรอไฟเริ่มเดิน แต่สิ่งที่สำคัญ ครูผู้นำศิษย์ตาพิการ จะให้รับรู้จากเสียงไฟ และอาจจะมีสิ่งบางอย่าง ซึ่งผมสารภาพไม่รู้ พวกครูและคนพิการ ต่างสอน และเรียนรู้

สังคมของเราคนพิการไม่เพียงสายตา บางคนนอนติดเตียง (คือกาย) แต่สมองยังทำงานได้ดี บางคนสมองใช้การไม่ได้ แต่สามารถเดินทำได้สารพัด ยกเว้นความคิด ครับสังคมของคนถ้าช่วยเหลือได้ ควรทำครับ ส่วนตัว ผมศรัทธา คนสายตาพิการ มีจิตมั่น พัฒนาตัวเอง ช่วยตัวเอง ไม่ยอมแพ้ความพิการ ไม่สร้างภาระให้สังคม

ซึ่งต่างกับคนมากมาย สายตาดี ชีวิตปกติ ไม่ทำงานพึ่งรัฐบาล คือภาษี และสังคม ก็ยังจะมีคนประเภท เอาเปรียบสังคม โดยปกติ สังคมก็มีระบบความถูกต้อง และยุติธรรมที่จะอุดหนุนคนที่ขอเงินจากรัฐ แล้วไม่ทำงานถึงรัฐจะมีกฎเกณฑ์ กำลังคน แต่การเอาเปรียบทางสังคมก็ยังจะมีต่อไป แหล่งความคิดบอกว่า คนคิดเอาเปรียบสังคม จะพัฒนากระบวนความคิดและพฤติกรรม หาทางเอาเปรียบมากกว่าระบบกฎหมาย คนไทยพูดไม่ไพเราะ คนพวกนี้นิสัยขี้โกง เหมือนระบบ “ประกันรถ” โดยกฎหมายรถทุกคันน่าจะมีประกัน แต่ความเป็นจริงเวลาเกิดอุบัติเหตุมากมาย ไม่มีประกัน คำอ้างเพิ่งหมดอายุค้ำประกัน คำพูดที่ทำให้ดูดี “ไม่เคยคิดปล่อย” ให้ขาดอายุ แต่เหตุที่เกิดขึ้น คงจะลืม คนเลิกประกันน่าจะเป็นรายได้ มีรายได้น้อย หลายคนมีนิสัย คดโกง ครับถ้าคดโกงระบบก็ยากที่จะแก้ไข