ทุกเช้าผมจะตื่นราวๆ ตี 5 ของทุกวัน เมื่อวานโทรคุยกับเพื่อน เคยเล่นกอล์ฟด้วยกันบ่อย พูดถึงกีฬากอล์ฟ เป็นกีฬาที่ผมโปรดปรานมากที่สุด ทั้งๆที่โปรดปราน ผมยังหยุดเล่น หมดความตื่นเต้นในการออกรอบมาเกิน 10 ปี เหตุผลง่ายๆ การเล่นกีฬากอล์ฟ การจะรักษา มาตรฐานในการตีกอล์ฟ เราต้องหมั่นฝึกซ้อม อาทิตย์ละ 3-4 วัน การไปซ้อนกอล์ฟต้องขับรถไปกลับเกิน 20 ไมล์ เพียงไปซ้อมก็หมดเวลาหลายชั่วโมง ปกติคนเกษียณอย่างผม อายุย่าง 85 ปี นั่งคิดใช้เวลาเดินทางไปซ้อมกอล์ฟ สู้เอาเวลาทำกิจกรรมให้ชีวิตดีกว่า กิจกรรมที่ผมกล่าวมีมากมายที่เป็นส่วนของชีวิตผม
เมื่อตื่นแต่เช้ามืด งานแรกที่ผมทำคือการออกกำลังกาย ปกติผมจะไปออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 5 วัน ที่ YMCA ไกลจากบ้านไมล์กว่าๆ การไปออกกำลังที่ผมกล่าวจะมี “คลาส” ออกกำลังร่วมกัน หญิงและชาย วัยของคนมาเล่น วัยไล่ใกล้เคียงกับผม มีผู้ชายในคลาสทุกครั้งไม่เกิน 5 คน สำหรับผู้หญิงมีเกิน 20 คนทุกครั้ง อดสรุปผู้หญิงดูแลตัวเองและสุขภาพสม่ำเสมอ เวลาออกกำลังเริ่มแต่เช้าเวลาเลิกแล้วแต่พอใจ คลาสมีแตกต่างมากมาย แต่ผมเลือก มี 2 คลาส 1.แชร์ฟิสเนส คือ ออกกำลังนั่งเก้าอี้ ออกขา ขา คอ ลำตัว และก่อนหมดเวลา 15 นาทีหลัง จะยืนออกกำลัง อีกคลาสที่ผม 2.โญระ คลาสนี้คนเยอะ เล่นประมาณชั่วโมงครึ่ง 1:30 ชั่วโมง จะนำแผ่นพลาสติก มาปู และหมอนการออกกำลัง บางตอนจะนอน บางตอนจะนั่ง ครับการออกกำลังจะดีสำหรับสุขภาพ กาย และใจ ครับถึงจะไปออกกำลังที่ YMCA ชีวิตผมก็ยังนิยมออกกำลังทุกวัน เป็นระบบง่ายๆ
ทุกเช้าตื่นจะยกแขนและขาข้างละ 25 ครั้ง งอเข่า ยืดแขน หลังจากเสร็จจะลุกจากเตียง ครับทำกาแฟยี่ห้อเฟร้นสโรส ใส่กาแฟเต็ม 2 ช้อนพูน ใส่เครื่องกรองเล็กๆ เป็นพลาสติก มี 2 ส่วน ใส่น้ำร้อนวางบนแก้ว ไม่นานก็ยกทานได้ ทุกเช้าหลังจากกาแฟเสร็จ เดินซิบกาแฟร้อนๆ เดินมาทานโต๊ะทำงาน หน้าบ้าน ห้องนี้เป็นห้องเล็กๆ กว้าง 6 ฟุต ยาว 12 ฟุต เปิดโล่งกับห้องของบ้าน รอบๆ ห้องเป็นกระจก จะนั่งบนเก้าอี้ มีโต๊ะเขียนหนังสือ ปกติชีวิตผมชอบอ่านหนังสือ แต่ยังเด็ก ตอนอยู่ประถมเกิดต่างจังหวัด ที่จังหวัดอยุธยา บ้านติดริมน้ำ แม่น้ำป่าสัก ช่วงเด็ก พ่อแม่มีแพ เป็นที่ขายของและอาหาร คนซื้อจะพายเรือมาที่แพ แต่ผมชอบนอนบนบ้านมากกว่าแพ เพราะนอนที่แพ มีเรือยนต์วิ่ง จะมีคลื่นแพจะขึ้นลง เคลื่อนตัว
เช้าวันนี้ หลังจากปีใหม่ มองลอดหน้าต่างฝนตก ปกติทุกเช้านั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือเขียนหนังสือบนโต๊ะตัวนี้ หยุดเขียนมองลอดหน้าต่าง ที่บ้านอยู่ที่เนินสูงของภูเขา มองลอดหน้าต่างจะเห็นธรรมชาติงดงาม บนถนนจะมีรถวิ่งขึ้นลง ทุกเช้าจะมีคนเดินออกกำลังมีประมาณ 2 คู่ เดินต่างกัน รอบๆ แถวบ้านจะมีธรรมชาติงดงาม ต้นไม้เยอะ อย่างบ้านผมตรงติดกับโต๊ะเขียนหนังสือ มีต้นมะกรูด สูงเท่ากับห้องผม เป็นพุ่มใบเยอะ มีลูกมากมาย
ต้นมะกรูดเป็นส่วนสำคัญ ที่เป็น “เฮิร์ป” ปรุงอาหาร โดยเฉพาะแกง ต้มยำและต้มข่า ตอนปลูกใหม่ๆ ถอยหลังไป เกิน 40 ปี ผมเปิดร้านอาหารไทย ย่านถนนธุรกิจของเมือง เปิดร้านช่วงลูกเรียนหนังสือครับ ผมมีลูก 2 คน หญิงเป็นคนแรก เดี๋ยวนี้อายุ วัยกลางคน อาชีพ เป็นนายแพทย์ (หมอ) เคยเล่าลูกสาวอยากเรียนหมอแต่เด็ก พูดถึงเรื่องเรียน ผมมียีนส์การเล่าเรียนมาจากพ่อแม่ พ่อแม่กล้าลงทุน ส่งเรียนที่ดีๆ ผมอดคุยไม่ได้ การศึกษากับพฤติกรรมของผม จะอยู่ด้วยกันเสมอ ผมชอบเรียน เคยสอบได้ทุนจากรัฐบาลเรียน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย คิดมาเรียนต่อที่อเมริกา ความคิดอยากมาเรียนต่อ พัฒนาตัวเอง ไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษ นานที่ AUA
หลังจากจบมหาวิทยาลัย ทำงานเป็นครูหัวหน้าหมวดคณิตศาสตร์ ระหว่างนั้นสมัครมาเรียนต่อที่อเมริกา ครับวันหนึ่งได้รับจดหมาย “ตอบรับเข้าเรียนปริญญาโท” ลาออกจากการเป็นครูหัวหน้าหมวดคณิตศาสตร์ เป็นข้าราชการชั้นโท ปี 1968-1969 ลาออก เรียนจบจากออริกอนปี 1970
ครับคงยังไม่เบื่อนะครับที่เล่าเรื่องการเล่าเรียน เหตุผลการศึกษา เป็นส่วนสำคัญต่อชีวิตของคน โดยเฉพาะคนมีครอบครัว มีลูกและหลาน พอพูดถึงการศึกษา คือการลงทุนผมกับแม่บ้าน มีความคิดเหมือนกัน คือ การลงทุนทางการศึกษาให้กับลูก เพราะการศึกษา นอกจะพัฒนาสติปัญญา ความคิดของคน การศึกษาคือ ส่วนสำคัญของการพัฒนาชีวิตทุกชีวิต การศึกษาส่วนสำคัญนอกเหนือจากความรู้โดยตรงที่เราเรียน อีกสิ่งหนึ่ง คือความรู้ที่เรียกว่าประสบการณ์
สำหรับครอบครัวผมกับแม่บ้าน แม้แต่พ่อแม่ ชอบลงทุนทางการศึกษา พ่อแม่บอกกับผมตอนส่งไปเล่าเรียนที่กรุงเทพฯ แม่-พ่อ บอกว่า การศึกษา คือความรู้ทางความคิด และความสามารถในการพัฒนากายและใจ การปรับตัวที่ดี สามารถเข้ากับสังคมได้ แม้แต่การพัฒนา รอบตัวคือสิ่งที่เราเรียกว่า “สิ่งแวดล้อม” การศึกษาจำเป็นเป็นพื้นฐานที่สามารถพิจารณาได้ดี การศึกษาสามารถพัฒนาสิ่งแวดล้อม
นอกจากพ่อแม่ส่งผมมาเรียนกรุงเทพฯ แม่บอกว่า “กรุงเทพฯ” เป็นแหล่งสามารถหาความรู้ด้วยตัวเองได้ คือการพัฒนา ช่วงผมเรียนมัธยม อยู่กับสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ ท่านให้ผมไปเรียนรู้ และรับการอบรมจากสมเด็จพระสังฆราช อาทิตย์ละ 2 คืน สอนให้ขยัน อดทน
ตอนผมสอบได้ทุนเรียนครู ขึ้นไปลาท่าน ท่านจะอบรม “ท่านบอกว่าการเรียนไม่มีที่สิ้นสุดของคน” การอ่านหนังสือ หาความรู้ใหม่ อย่างการเดินทางท่องเที่ยว แม้การเดินทางไปเรียนในที่ใหม่ๆ ช่วงเปิดเทอมปีแรก เพื่อนเลือกผมเป็นหัวหน้าห้อง ปี 2 เลือกเป็นประธาน ผมลาท่านไป อยู่หอ เรียนฟรี พฤติกรรมทางการเรียนอดทน มานะ ผมยึดติดกับตัวตน แม้แต่ลูกชาย และลูกสาวผม
ผมเชื่อมั่นในการศึกษา การศึกษาทางเจริญ คือการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ไม่เป็นเพียงความรู้เท่านั้น สิ่งสำคัญอีกสิ่ง คือการพัฒนาตัวเอง ให้เข้ากับสังคมของชีวิตได้ดี
นอกจากเล่าเรียน ผมยังยึดหลักการหาประสบการณ์ให้ชีวิต คำว่าประสบการณ์ที่ผมพูด คือประสบการณ์ตรง คำว่าประสบการณ์ตรง คือ เราสามารถสัมผัส จับต้องและสัมผัสด้วยกายและใจ
อยากเล่าประสบการณ์ การเดินทางของผม ช่วงเรียนกรุงเทพฯ หลังจากได้ทุน โรงเรียนปิดเทอม จะออกเดินทาง นั่งรถไปที่ต่างๆ ระบบความคิด หาโรงแรมถูกๆ อยู่ กินถูก ตัวอย่าง ปี 1973 ไปเที่ยวยุโรป คนเดียว เกือบ 4 เดือน บินตรงจากนิวยอร์กไปประเทศโปรตุเกส ก่อนไปตั๋วรถไฟที่เรียกว่า EU Rail Pass จะไปได้ทุกประเทศในยุโรป ผมลงที่สนามบินโปรตุเกส ไปแผนกอินฟอร์เมชั่น นั่งรถเมย์เข้าตัวเมือง หาโรงแรมถูกๆ นอน 3-4 เดือน จะตื่นเช้ามืดทุกวัน ไปตลาดวัด ซื้อของกินราคา ไม่แพง หลังจากนั้นท่องเที่ยวโดยรถประจำทางไปตามที่ ที่เราศึกษาและอยากไป
ออกจากโปรตุเกส ไปประเทศมอนาโคเป็นเกาะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงแข่งรถ วิ่งรอบๆเกาะ ครับทุกสิ่งคือประสบการณ์ของชีวิตและที่เกาะ นั่งเรือ ไปดูการตกปลา ทุกที่ๆ ที่ไปหาที่อยู่มา กินถูก ครับอยู่ 2-3 วัน ต่อไปจะไปฝรั่งเศส (ครับฉบับต่อไปจะเล่าเรื่องไปยุโรปตะวันออก)