ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 16 กันยายน 2566

ทุกเช้าจะดื่มกาแฟ 2 แก้ว ภายในแก้วที่ 2 จะเหลือครึ่งแก้วทุกครั้ง หลักเศรษฐศาสตร์ที่เคยอ่านบอกว่าใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่าย คงจะหมายถึงการใชเงินกับสิ่งที่ต้องซื้อมา ครอบครอง ไม่สมเหตุสมผล น่าจะพูดภาษาชาวบ้าน อยากได้ของที่ต้องจ่ายเงินไม่คุ้มค่า ของที่ซื้ออาจเหลือแล้วทิ้ง ตรงกันข้ามกับความ “มัธยัสถ์”

พอสายหน่อยกาแฟหมดความต้องการคุณค่าที่ชอบตอนเช้าหมดค่า บ่อยครั้งเหลือ วางแก้วไว้ขอบหน้าต่าง แม่บ้านไม่เคยบ่น แต่ชี้ให้ดู แก้วกาแฟกินทิ้งกินขว้าง ทุกอย่างได้มาต้องทำงาน ซื้อ รู้จักบริหารตัวเอง “น่าจะดี”

ผมถือกาแฟมานั่งโต๊ะ ติดหน้าต่างทางด้านทิศเหนือ เห็นนกกากำลังจิกของกินริมถนนติดกับขอบถนน ครับของเหลือจากทาน ไม่เคยไร้คุณค่าของมัน เพียงแต่คนกินจะซื้อ หรือทำขึ้น เหลือไว้ไม่ใช่หมดคุณค่า เพียงแต่คนทานรู้สึกอิ่ม โยมแม่เคยบอกผมตลอดเวลา เมื่อผมตักข้าว ราดกับข้าว ทานไม่หมด แม่บอกว่าของทุกอย่างกว่าจะเป็นอาหาร คนทำได้มายากลำบาก คนกินก็ได้มายากลำบาก แม่อธิบายว่าของทุกอย่างเราซื้อ การซื้อเราต้องทำงานวันละอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ต้องเดินทางไปทำงาน ไปกลับถ้าจากบ้านเดินไปทำงาน โสหุ้ยเป็นเงินไม่มี แต่คนเกือบทั้งหมด ต้องจ่ายโสหุ้ยเดินทางไปทำงาน ถ้าไม่บริหารการใช้จ่ายเงิน เงินจะหมดก่อนจะได้รับเงินใหม่ ชีวิตมีแต่ยุ่งยาก ระบบการกู้ยืมจึงเจริญก้าวหน้า คำว่านายทุนจึงเกิด

ปกติทุกเช้าอาหารของผม ง่าย นำครัวซองหนึ่งตัว ผมไม่แน่ใจว่าครัวซองเขาเรียกตัวหรือเปล่า นำครัวซองบิเป็น 4-5 ชิ้น ใส่ถาดที่ทนความร้อน ใส่เตา ใช้เวลา 3-4 นาทีก็ร้อนทานได้ โดยปกติผมจะเปิดไฟประมาณไม่เกิน 5 นาที จะเดินไปมาก่อน 5 นาที ครัวซองก็ร้อนกรอบแล้ว การทานครัวซองกรอบกับเหนียวตามเนื้อ อย่างไหนดีกว่ากัน ครับความชอบของแต่ละคนแตกต่าง ความแตกต่าง คือความเจริญของโลก

เกือบ 2 เดือนผ่านมาราวๆ มิถุนายน ต้นไม้ที่รั้วติดกับหน้าต่างจะมีต้นไม้ออกลูกเป็นพวง ลูกเล็กกว่าองุ่น เดือนนี้ ผลจะเริ่มสุก สีดำ จะมีนกเล็กๆ ส่งเสียงร้องตลอดเวลา เช้ามืด และก็เกาะตามกิ่ง แม้แต่โหนกิ่ง กินผลของลูกต้นไม้ ครับธรรมชาติทุกสิ่งที่เกิดในโลก บางอย่างคนไม่ชอบ มากสิ่งคนชอบ ถึงคนไม่ชอบแต่ทุกสิ่งย่อมมีคุณค่าในตัวของสิ่งของนั้นเสมอ เดือนนี้ผลไม้หมด นกเล็กเคยส่งเสียงร้องเพลง “หยุด”

ทุกวันหลังจากเลิกคลาสเอ็กเซอร์ไซส์ที่วายเอ็มซีเอ จะขับรถกลับบ้าน ครับผมกับแม่บ้านวัยสูงอายุ ที่ว่าโชคดียังสามารถดูแลตัวเองได้ ยังขับรถ เกือบปี ลูกสาวซื้อรถไฟฟ้าเล็กๆ ยี่ห้อเชฟวี่มาให้ใช้ ลูกบอกว่าพ่ออายุ 84 แล้วขับรถใหญ่ Ford Explorer ลำบาก ลูกเลยซื้อรถเล็กให้พ่อแม่ ครับผมกับแม่บ้านอดขอบใจ ลูกชาย ลูกสาว และหลานไม่ได้ เป็นห่วง กลับบ้านมาดูแล โทรมาซักถามความเป็นอยู่

ผมกับแม่บ้านมีความคิดเหมือนกันอยู่อย่าง เกี่ยวกับลูก แม่บ้านบอกว่า เมื่อเรามีลูก ต้องปลูกฝังให้ลูก “รักการเรียน” เหมือนกับแม่พ่อ ส่งผมไปอยู่วัดราชบพิธหลังจากจบ ป.4 ภรรยาผมบอกว่า เราทำงานหนัก รายได้นอกจากเราจะใช้อย่างมีคุณค่า (คุณประโยชน์) จะต้องรวมถึงการลงทุน ส่งลูกเรียน (เอกชนดีๆ) แม่บ้านบอกว่า เอกชนดีๆ นอกจากนักเรียนในห้องจะน้อย ครูดูแล กวดขันได้ดี เด็กในห้องยังมีความกระตือรือร้นในการเรียน ซ้ำวางแผนการศึกษาของตัวเอง ครับการลงทุนกับลูกวันนี้เห็นผล ผมกับแม่บ้านสบายใจ ไม่ห่วงลูกและหลาน ผมเคยเขียนเล่า ความตั้งใจของลูกสาวจะเรียนอะไร วันอาทิตย์ตอนลูกสาวอายุต่ำกว่า 10 ปี ทุกวันอาทิตย์จะพาลูกไปวัดพุทธานุสรณ์ เมืองฟรีม้อนต์ จากบ้านผมขับรถเกินครึ่งชั่วโมง และวันเสาร์-อาทิตย์ โรงเรียนจะสอนภาษา “ไทย” ผมอยากให้ลูกเกิดเติบโตในต่างแดน มีความรู้ภาษาไทย อย่างน้อยพูดภาษาไทยได้ ครับวันอาทิตย์ช่วงหยุดพักกลางวัน ลูกสาวกับเพื่อนเล่นกัน เด็กเพื่อนลูกหกล้ม แขนครูดกับพื้น แขนมีเลือดไหล ลูกสาวเดินไปที่ตู้ยาของวัด ขออนุญาตนำมาใส่แผลเพื่อน และนำกระดาษชุบน้ำ เช็ดแผลก่อนแล้วใส่ยา “หลังจากเหตุการณ์ที่ลูกสาวดูแลเพื่อน ลูกสาวบอกว่า จะเรียน “หมอ”

ครับจากวันที่ลูกบอก พอเรียนไฮสกูลลูกสนใจวิชาวิทยาศาสตร์มากเป็นพิเศษ พอเข้ายูซี (มหาวิทยาลัย) เลือกวิชา ไมโครไบโอโลจี่ พอจบ 4 ปี ลูกสอบเข้าเรียนหมอ เลือกไปเรียนอังกฤษ ความต้องการนอกจากหาความรู้ ยังอยากจะมีประสบการณ์ เลือกไปเรียนหมอที่อังกฤษ กลับมาเป็นหมอฝึกหัดที่ แอนอาร์เบอร์ (รัฐมิชิแกน)

คงเหมือนผมและแม่บ้าน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย คิดตลอดจะมาเรียนต่ออเมริกา ครับ 1969 วิทยาลัย Oregon รับให้เรียน ช่วงโน้นราคาใช้จ่ายไม่แพง ปริญญาโท 164 เหรียญต่อเทอม ระหว่างไปเรียน ออริกอน นอกจากความรู้ผมยัง “สาน” หาประสบการณ์ให้ชีวิต ทุกเทอมปิด 2 อาทิตย์ จะแพ็กกระเป๋า มีกางเกง 2 ตัว เสื้อ 2-3 ตัว ไปตามเมืองต่างๆ อย่างไป “ซีแอตเติ้ล” รัฐวอชิงตันสเตท นั่งเรือไปตามเกาะต่างๆ อย่างเกาะซานฮวน จะเห็นฝูงปลาวาฬเดินทาง การเดินทางของปลาวาฬ เห็นไล่กัน กระทุ้งน้ำ คงเป็น “ความสุข”

ครับตอนอยู่ไทย นั่งรถไฟไปจังหวัดต่างๆ หาโรงแรมถูกๆ และส่วนมาจะอาศัยวัด บ้านคนรู้จักอยู่ฟรี โชคดีตอนปี 2500 เป็นนักเรียนทุนส่วนกลาง เรียนครู เป็นนักเรียทุนรุ่น 2 สิ่งที่ได้นอกจากความรู้ อีกสิ่งมีเพื่อนนักเรียนทุนมาจากจังหวัดต่างๆ เปิดโอกาสให้ผมไปต่างจังหวัด หาความรู้ และประสบการณ์ มีอาหารฟรีที่พักฟรีจากบ้าน ครอบครัวเพื่อนนักเรียนทุกจากจังหวัดต่างๆ

หลักทางจิตวิทยาบอกว่า การชอบท่องเที่ยว การเรียน เกิดจากจิตวิญญาณที่เรียกว่า “พันธุกรรม” หรือ “ยีนส์” ที่ติดมากับตัว จากพ่อและแม่ ความแตกต่างของพันธุกรรมจากแม่และพ่อ ส่งต่อให้ลูกทุกคน รวมทั้งความเฉลียวฉลาดที่เรียกว่า IQ

หยุดพักซิปกาแฟ เริ่มอุ่นค่อนไปทางเย็น ครับปกติกาแฟร้อนน่าจะเป็นความปกติที่คนดื่มกาแฟชอบพอ จึงสังเกตภาชนะที่ใส่กาแฟ เวลาเราซื้อแก้วจะรักษาความร้อน รวมทั้งฝาแก้วด้วย

คงจะเหมือนชีวิคน คุณสมบัติที่เรียกว่า พฤติกรรมแตกต่าง ลูกทุกคนย่อมได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ รวมทั้งปู่ย่าตายาย ไม่ยกเว้นนิสัยใจคอ แต่ความมักง่ายเห็นแก่ตัว ติดมาด้วยหรือเปล่า หรือเกิดเองจากนิสัยของตัวเอง ยังเขียนไม่จบ หยุดหยิบถ้วยกาแฟซิบ ความร้อนคลายตัว หยิบครัวซองเข้าปาก ครับทุกเช้าจะนิยมครัวซองมากกว่าอย่างอื่น ครัวซองสะดวกต่อการทาน ราคาถูกโหลละ $5.95 จากคอสโก้ บางเช้าจะทานผลไม้แทน ครับบ้านผมผลไม้ไม่เคยขาด ช่วงนี้มะม่วงลูกโต ราคาไม่แพง หวาน เนื้อเยอะ กล้วยหอม แต่แม่บ้านชอบ “กล้วยน้ำหว้า” พอสุก แม่บ้านจะปลอกเปลือก ใส่เตาอบ พอสุก บีบจากเครื่องให้แบน เก็บรักษาไว้ในตู้เย็น แม่บ้านทานได้หลายวัน

องุ่นผมชอบ เดินเข้าออก ผ่านถาดองุ่น จะหยิบ 4-5 ลูกติดมือ เข้าปาก รสหวาน น้ำองุ่นสดชื่น

มองลอดหน้าต่าง บนถนน รถน้อยมาก มองดูวิวซานฟรานซิสโก เห็นตึกมากมาย ครับเคยฝันอยากเห็นซานฟรานซิสโก แต่พอมาเห็นเดินเที่ยว จริงอย่างคำกล่าวขาน ซานฟรานซิสโกสวย น้ำทะเลล้อมรอบ มีสะพานโกลเด้นเกตกับสะพานเบย์บริดจ์ เชื่อม คนแตกต่างผิวพรรณ หน้าตา นิสัยใจคอ แต่อยู่กันด้วยความสงบ พึ่งพาและช่วยกันพัฒนาสังคมให้เจริญ ยังมีรถรางวิ่ง