ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 16 กันยายน 2560

ผมนั่งแช่ กับกาแฟจากร้อนค่อยๆ อุ่น และสุดท้ายเย็น ยังเหลือเกินครึ่ง ถ้าพูดถึงคุณภาพไม่เคยเปลี่ยน เพียงแต่เย็นลงเป็นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ธรรมชาติมอบสิ่งที่เรียกว่าความเป็นปกติ ความสมดุลมาให้เรา แต่เกิดจนตายและยังจะดำเนินต่อไป นานเท่าไหร่ดวงอาทิตย์ยังจะขึ้นตะวันออก ให้ความร้อน แสงสว่าง ระงับความเจริญของโรคร้าย สิ่งดีงามเป็นอาหารกายใจของคนจะยังอยู่และงดงามเสมอ เหมือนต้นไม้ที่เมืองเบิร์คเล่ย์ ปลูกมาหลายสิบปี จากเล็กการปลูกตอนแรกเอาไม้กลมแข็งแรงมาปักติดกับต้นแล้วเอาเชือกผูก ความมุ่งหมายให้ต้นไม้เติบโต ยืนต้นตรงออกกิ่งก้าน ใบ และดอก ครอบบริเวณรอบๆ ให้ร่มเงา

คงจะเหมือนชีวิตคุณและผม ถึงแม้เราดื้อด้านตามคำพูดติดปาก ข้าอาบน้ำร้อนมาก่อน คือเติบโตและกินประสบการณ์มามากผ่านการมีชีวิต แต่ถ้ายังไม่มีคุณธรรมกับชีวิต ชีวิตนอกจากจะเอาตัวไม่รอดในทางคุณความดี ชีวิตยังเป็นแบบอย่างไม่ได้

เคยอ่านบทความของด็อกเตอร์ป๋วย อึ้งภากรณ์ ท่านเป็นรัฐบุรุษ คนดีของคนไทย ชีวิตสามารถเอาท่านเป็นแบบได้และยิ่งชีวิตรู้จักคิด พัฒนาคำพูดจากการปฏิบัติและพูดของท่าน ชีวิตของเราย่อมเดินในทางถูก เมื่อทำสิ่งถูกต้อง ย่อมเป็นแบบอย่างของคนทั่วไป

คำพูดของท่านด็อกเตอร์ป๋วย ท่านยึดและเขียนตอนท่านป่วย ไม่สามารถพูดและเขียนได้ แต่ท่านก็ยังคิดและใช้มือซ้ายเขียน

“ประชาธิปไตย เสรีภาพของประชาชน ความสันติสุข และความผาสุกของประชาชนเป็นสิ่งที่ผมปรารถนา”

ท่านได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ให้เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลก

สายหน่อย ผมยังนั่งทำตัวสบายไม่มีงาน หยิบจับ ทำมาหากิน เป็นเงินทองตามที่คนในสังคมให้คำนิยาม เวลานี้ผมใช้สมองด้านขวาเป็นเรื่องของความคิด ปล่อยใจสบายๆ ดูคนเดินมากมาย ยิ่งสายหน่อยรถเริ่มหนาตา คนเดินถนนส่วนมากช่วงนี้โรงเรียนหยุด จะเด็ก พ่อแม่ พี่เลี้ยง และผู้สูงอายุปล่อยชีวิตตามสบาย ไม่รีบเร่ง แปลกแต่เป็นความจริง ปล่อยชีวิตตามสบายไม่เอาเรื่องวุ่นวายมาคิด หลายคนผมมอบสัมผัสเดินผ่านบางร้าน จะหยุดมองรอดกระจกแผ่นโต ดูสินค้าโฆษณา ผมเปล่าเป็นหมอดู เพียงคาดคะเนสิ่งที่มองและสัมผัส จะเก็บตุนสู่ความคิดในคราวหน้าเมื่อต้องการ

คำพูดของท่านด็อกเตอร์ป๋วย นักพัฒนาที่จริงใจเป็นคนหนึ่งของไทยและโลก การที่จะมาหยุดยืนเป็นคนดีที่โลกเอาเป็นแบบอย่าง ชีวิตย่อมดีงามทั้งกายและใจ คือทั้งภายนอกที่สัมผัสได้ ภายในใจคือสิ่งที่มืดทึบมองไม่เห็น แต่สิ่งดีงามและคุณธรรมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ท่านสนับสนุนให้คนมีความคิดอย่างเสรีภาพ ปราศจากการยึดมั่น พันธนาการจากวัฒนธรรม จารีตประเพณี คือความคิดเป็นอิสระ ถึงจะออกนอกลู่นอกทางบ้าง โดยไม่พึงหวาดหวั่น กฎหมายไม่ตั้งข้อหา

ท่านยังกล่าวที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง ถ้าเรายึดปฏิบัติอยู่ก็เลิกเสีย คนไทยนิยมระบบไทยมุง เชื่อและศรัทธาง่าย โดยเหตุผลคุณความดี และความเป็นจริง ตรงกันข้ามกับความถูกต้อง เหมือนคดีหนีศาล เมื่อวันวานก่อนฟังศาลคนหนีคดีความได้บอกประชาชนที่ชอบพอรักใคร่ อาจมองข้ามความถูกต้อง น่าจะเข้าข่ายประเทศไทยมุงแล้วไง คนต้องคดีหนีหายสูญ ไทยมุงเสียเวลาทำมาหากิน ซ้ำร้ายทำลายเศรษฐกิจ คนเป็นพันพอลาโรงของที่เป็นขยะเต็ม

ผมมองสัมผัสจะเช้า สาย บ่าย เย็น ผู้สูงอายุมากมาย เมียผมเป็นสมาชิก วายเอ็มซีเอ คนรุ่นไล่เลี่ยอายุสูงต่ำนิดเกือบทั้งนั้น ผู้สูงอายุของอเมริกาโดยเฉพาะคนใช้ปัญญาทำมาหากิน จะไม่ปล่อยชีวิตให้ผ่านไปโดยไม่พัฒนาตัวเอง จะออกกำลัง เป็นความจริงชีวิตจะอยู่ยาวนาน 80-90 เกิน เผลอ 100 ปี ชีวิตต้องดูแลตัวเองได้ เดิน หยิบจับ อ่านหนังสือ เล่นอินเตอร์เน็ต หรืออีเมล์

คนเดินไปมาอายุเกิน 60 หรือยังไม่ถึง 60 ปี ห่างแค่นิ้วเดียว ถือว่าเป็นคนเกิดในยุคเด็กเกิดเยอะ (Baby Boomers) คนสูงอายุวัยนี้ อายุ 65 – 70 ปี จะอาศัยอินเตอร์เน็ต ฟิ๊กอินคำ ติดต่อธุรกิจ

หลายปีมาอเมริกามีบ่อนกาสิโนเกิดขึ้นมากมาย แถบเมืองซานฟรานซิสโกเหนือขึ้นไป ประมาณ 50 – 100 ไมล์ มีบ่อนมากมาย ใต้ของเมืองซานฟรานซิสโก เพียง 30 - 60 ไมล์ก็มีบ่อน ข้ามสะพานเบย์บริดจ์ประมาณ 10 กว่าไมล์ก็มี 2 บ่อนแล้ว เป็นความจริง คนสูงอายุนิยมไปบ่อน จากการวิจัย การไปบ่อนของผู้สูงอายุ คือความตื่นเต้น ได้เสียถึงจะมีสถิติ แต่เราไม่ถือสา เพียงชีวิตยังมีค่า ฮอร์โมนตื่นเต้นยังทำงาน พัฒนา หู ตา ความคิด และ ไม่ปล่อยให้สมองอ่อนล้า เบื่อหน่าย กังวล อาจะเกิดอาการซึมเศร้า และดูแลให้ชีวิตยังจะมีคุณค่าไม่ได้ หมดกัน

ผู้สูงอายุเหล่านี้ถือได้ว่าสร้างความเจริญให้กับประเทศอเมริกา โดยเฉลี่ย เกือบ 30 % มีความรู้จบปริญญาตรีและสูงขึ้น และประมาณ 45 ล้าน มีพื้นฐานความรู้ประเภท 2 ปีคอลเลจ

เมืองหลายเมืองของแถวนี้ โรงเรียนเด็กๆ ที่เป็นโรงเรียนรัฐบาลมีชื่อเสียงเด็กในชั้นไม่มาก เด็กกระตือรือร้นเรียน มีห้องสมุดดี มีสนามกีฬา ครูเอาใจใส่ อาจแตกต่างจากครูต่างจังหวัดบ้านเรา พอสอนหลายปี สื่อสาร การพัฒนาความรู้ รวมทั้งการให้ความรู้หยุดชะงัก และโรงเรียนเด็กเรียนดีต้องมาจากทางบ้านด้วย

คนสูงอายุรุ่นนี้โดยเฉลี่ยมีสมบัติ (Assets) โดยประมาณ 250,000 เหรียญ ทานอาหารนอกบ้าน อาทิตย์ 2-3 ครั้ง และการซื้อสิ่งของจะอาหาร เครื่องใช้ในบ้าน ในครัว ห้องน้ำ และสำหรับตัวเอง ซื้อร้านรอบๆ บ้าน พูดภาษาปัจจุบัน ช่วยกันดูแลช่วยเหลือคนหมู่บ้านเดียวกัน เหมือนอุดหนุน ซื้อผักจากตลาดสดที่พวกคนปลูกนำมาขาย

75 % คนกลุ่มนี้อยู่บ้านที่ตัวซื้อ และเป็นผู้มีหุ้น การหมุนเวียนของประเทศ 70 %

ครับชีวิตวัยนี้ สุขภาพจำเป็นต้องมีประกันสุขภาพ จะซื้อประกันชีวิตระยะยาวถึง 90 % สุขภาพจ่าย 610 พันล้านเพื่อสุขภาพ ซื้อยาจากใบสั่งของหมอประมาณ 74 % ซื้อตามเค้าน์เตอร์ไม่มีใบสั่ง ป่วยนิดหน่อย ไอ ไปร้านยาหยิบไนท์กั่ว แล้วจ่ายเงิน ถึง 57 % จ่ายค่าเตียงในโรงพยาบาลเกิน 65 % ซื้อรถใหม่ผู้สูงอายุนิยมซื้อรถโอ่โถง คงจะเป็นความปลอดภัย ป้ายแดงแบบคนไทยในความคิดและยกย่องของสังคม คงจะคนละขั้วน่า คนยุค Baby Boom ชอบท่องเที่ยวซื้อทัวร์โอ่โถง

ครับกลุ่มโต๊ะข้างๆ วัยคงเกิน 70 หญิงชายดื่มกาแฟ มีเค้ก หัวเราะยิ้ม ชุดสวมใส่เพิ่งออกจากยิมส์ จะเล่นโยคะหรือเต้นแล้วตะโกน สุดเสียงพร้อมกัน “ฉันรักเธอ” จนสิ้นการกลั้นหายใจ การเดินของอากาศ เลือด ความรู้สึก ขับไล่ความกังวล เติมเต็มพลังชีวิต ครับถ้าทำได้ คือสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ฟรี คงจะไม่เล่นตัว