ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 10 กุมภาพันธ์ 2561

กลับมากรุงเทพฯ เดือนธันวา อากาศสบายไม่ร้อนมาก ปกติเดือนกลางๆ ของปี อากาศจะร้อน เหงื่อออกเหนียวตัว สำหรับผมความรู้สึกคุ้นกับอากาศที่ร้อนแล้วเหงื่อไม่ออก แต่คนไทยบอกว่าชอบอากาศร้อนแล้วเหงื่อออก ถึงจะวุ่นวายบ้าง เช็ดหน้า แต่เหตุผลฟังแล้วงดพยักหน้าไม่ได้ ร้อนเหงื่อออก ภายในร่างกายหมุนเวียน เวลาเหงื่อออกทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน สามารถถ่ายเทและปรับปรุงร่างกายได้ดี คนพูดยกตัวอย่างเหมือนกับมีเรื่องทุกข์ใจ อยากได้ของที่อยากได้ แต่ปัจจัยคือเงิน รายได้ไม่มีพอ พอได้พูดคุย ได้รับความเห็นใจรอเดี๋ยวทำงานมากหน่อย อยากได้เร็วขึ้น หางานอีกแห่งทำ เมื่อความอึดอัดได้บอกกล่าว ความรู้สึกโล่ง มีทุกข์ได้ฟัง ปากกว้าง ยิ้มเห็นฟัน หน้าระรื่น เออเป็นความจริง คนยิ้มคนอยู่ใกล้พลอยสุขไปด้วย

สายหน่อย ผมขออนุญาตลูกเมียและญาติ อยากท่องกรุงเทพฯ แบบเคยมีชีวิตในอดีต ระยะไกลใกล้ถ้าเดินได้จะทำ ความรู้สึกความเป็นปัจจุบัน หลังจากอายุเพิ่มขึ้น ร่างกายเปลี่ยนไปเยอะ โดยเฉพาะเข่าและขา ขืนยันเกียจคร้านไม่ออกกำลัง อยู่บ้านยืดเส้นสาย มีเวลาแวบไปเดินรอบๆ ภายในบ้าน ถ้าทำเป็นประจำ ไม่ผลัดความรู้สึก ความรู้สึกความเสื่อมจะเลื่อนเวลา แทนที่จะติดรถ ขอเดินออกมาหน้าปากซอย เปิดประตูรั้วแล้วไม่ลืมปิด อดเหลียวมองรอบๆ ทางเดินริมฝั่งถนน ภายในซอยสะอาดตา คนทิ้งของเหลืออย่างขวดน้ำ แก้วกาแฟ กระดาษ เริ่มหดตัว คนมีระเบียบมากขึ้น การสร้างวินัยต้องประกอบด้วยปัจจัยแรกเทศบาลควรจะมีที่ทิ้งขยะเยอะหน่อย และเราต้องอบรมประชากรให้รู้จักช่วยกันรักษาความสะอาด จะพึ่งการศึกษาทางโรงเรียนอย่างเดียวไม่พอ เริ่มต้องมาจากบ้าน แม้แต่ข่าวสาร ถ้าปรารถนาจะสร้างพฤติกรรมดีๆ ก็ต้องเสนอข่าวบ่อยหน่อย

เหมือนข่าวคนเก็บเงินได้แล้วคืน หลายรายเจ้าของได้เงินแล้วไม่ให้รางวัลคนทำความดี ผิดนะครับ กฎหมายบอกว่าถ้าเก็บได้แล้วคืนเงินเป็นหลายหมื่น ต้องให้คนคืน 10 เปอร์เซ็นต์ ผมยอมรับกฎหมายออกมาเข้าท่า สร้างพฤติกรรมดีๆ ให้กับคนเก็บได้เจ้าของเงินหลายคนไม่ให้รางวัลหรือให้ก็น้อย โดยกฎหมายสามารถฟ้องร้อง รับเงินตามส่วนที่ควรได้ ผมคิดว่าการให้รางวัลคือ สร้างพฤติกรรมรับผิดชอบดีงาม ระบบการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเมืองไทยระบบดีๆ อย่างนี้ยังเดินไม่ถึง

เดินออกมาถึงปากซอย ยืนเก้ๆ กังๆ จะเรียกแท็กซี่ ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ หรือนั่งรถสองแถว แม้แต่รถตู้ แต่ถ้าอยากนั่งรถเมล์ ถนนหน้าบ้านรถเมล์ไม่วิ่ง ทั้งๆ ที่เป็นถนนใหญ่ เรื่องรถเมล์ การให้บริการต่างกับประเทศพัฒนา ถนนที่มีคนไปมาขวักไขว่ มีมหาวิทยาลัย มีโรงเรียน รถเมล์พยายามคิดหาวิธี รับส่งผู้โดยสาร แม้แต่รถเมล์วิ่งใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้า รถเมล์ทุกสายที่เห็นจะแวะเข้าออกสถานี

การพัฒนาการเดินสายรถเมล์ แวะอ้อมรับส่ง ส่วนมากจะมาจากประชาชน มีมติเสนอจิตสำนึกสำหรับ “การให้บริการสาธารณะ” ทุกคนมีโอกาสได้รับความสะดวกสบาย

ผมนั่งรถสองแถวไปลงที่สถานีรถไฟฟ้า (BTS) ซอยอุดมสุข ครับเมืองไทย ระบบการคมนาคมสาธารณะ จะลดราคาสำหรับผู้สูงอายุ ครับคนไทยเกษียณ 60 ปี สำหรับอเมริกา 65 จะเริ่มขยายอายุเพิ่มขึ้น จากเหตุผลพลเมืองอายุยืนขึ้น และสุขภาพยังดี สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และจากการวิจัย คนถึงเวลาเกษียณ “ประสิทธิภาพคือความสามารถทำงานยังเป็นเลิศอยู่” มากเปอร์เซ็นต์คนเกษียณที่ต้องอยู่คนเดียว หรือกับพ่อบ้านหรือแม่บ้าน รายจ่ายยังเท่าเดิม แต่พอเกษียณเงินลด หลายคนพอหมดงานรู้สึกเหงา ถ้าจะเพิ่มให้ได้ทำงานต่ออีกนิดขึ้นอยู่กับความสมัครใจก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำได้ลงมือเถอะขอรับ

ผมนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ห้างเซ็นทรัล หน้าศาลเจ้าโรงแรมเอราวัณ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อผมแวะไปยืนที่ศาลเจ้า ครับคนมากมายมีคนเก็บพวงมาลัย คนขาย มีว่าจ้างฟ้อนรำ ครับคนที่มาแก้บนย่อมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมหมายถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่ออ้อนวอนขอพระเมตตา ขอให้สิ่งของ ขอให้ได้ เมื่อได้ ย่อมมีของมาแก้บน จะพวงมาลัย จ้างคนรำ หรือถวายอาหาร อีกมากมาย เคยมีคนความิดสัปดน ขอพรถ้าสำเร็จจะมาแก้ผ้ารำถวาย ช่วงมืดครึ้มเลยเที่ยวคืน อายน่ะแต่เมื่อเอ่ยวาจาก็ต้องถือสัตย์ ผมสาบานไม่เคยเจอ เพียงแต่ฟังคนเล่า ขนาดฟังยังตื่นเต้น ตอนโน้นคงสลัดความอับอาย ทำในสิ่งสัญญา เออที่จริงถ้าทุกคนมีจิตสำนึก ซื่อสัตย์ รักษาวาจา เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ ความผาสุกย่อมเป็นส่วนของสังคม ไม่มีปัญหา คนเข้ามาบริหารประเทศ โกงเงินภาษีจะหดหาย ถึงไม่หายหมด แต่คนดีก็เพิ่มมากขึ้น

เคยคิดโกงเงินจากภาษีที่เก็บจากราษฎร และเงินที่ได้จะนำไปพัฒนาประเทศ เจตนาย่อมยิ่งใหญ่ ถ้าถามว่าบาปมากน้อย แน่นอนเมื่อภาษีคือปัจจัยไปพัฒนาเพื่อความเจริญ ความสุข ถ้าโกงบาปกรรมย่อมมาก

กับเงินยืมจากเพื่อน แล้วโกง ผู้ถูกถามนั่งคิด บาปกรรมไม่น่าจะมากนัก แต่เพื่อนให้ยืมเงินที่ถูกโกงจำเป็นเกี่ยวกับชีวิต บาปกรรมน่าจะมากขึ้น ครับหลายคนไม่เชื่อเหตุและผลมองไม่เห็น มากสิ่งถ้าเชื่อผลดีงามบังเกิดก็ถือได้ว่า “มันคือสิ่งถูกต้อง”

ผมเดินเข้าร้านกาแฟ ร้านธรรมดาของคนไทย ไม่ใช่ร้าน “อิมพอร์ต” กาแฟที่ใช้บอกว่า เป็นกาแฟพันธุ์ “อลาบิก้า” ปลูกที่ดอยตุง ผมสั่งกาแฟเย็น ความเชื่อถ้าสั่งกาแฟเย็น หวาน มัน รสเข้ม คนไทยพื้นเพย่อมถนัดปรุง ถ้าจะทานกาแฟที่เรียกว่าวิวัฒนาการ การค้นพบ การปรุง รสนิยมย่อมแตกต่าง ครับสังคมไทย ความชอบพอ สิ่งของมากมายเป็นไปตามรสนิยม คนมีสตังค์ หลายคนพูด อยากใช้เงินน่ะ เงินหาง่าย ความเป็นจริงผมยอมรับ ทุกชีวิตเติบโต แต่ละเวลาแตกต่างตามพฤติกรรมที่ได้รับแต่ละวันมากกว่า

ผมถือกาแฟเย็นมานั่งโต๊ะเปิดกว้างริมถนน ครับสังคมร้านริมถนน มีมากมาย อาหารแตกต่าง วันหนึ่งผมลงจากรถไฟฟ้าแต่เช้า ตรงริมถนนมีรถทำไข่ทอดสดและใหม่ ออเดอร์หนึ่งไข่ 3 ฟอง ตอกใส่ในถ้วยและเติมซอส ตีไข่ด้วยส้อมกระทะร้อน เทไข่ลงกระทะ เสียงฟู่ ครับคนขายเอาตะหลิวกลับไข่ ตักข้าว 3 ทัพพีลงในกล่องพลาสติก มีฝาปิด ตักไข่วางบนข้าว ใส่กล่อง มีช้อน ผมลืมสังเกตมีกระดาษแน็ปคิ้นไหม แล้วซอสล่ะ อย่างซอยซอสและพริก

ครับชีวิตคนไทย แต่ละวันการเดินทางไปทำงาน จากบ้านกว่าจะถึงที่ทำงาน แล้วไปถึงก่อนเวลา ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาอย่างที่เราคิด รถกรุงเทพฯ นอกจากคนจะเยอะ รถประจำทางยังต่อรถ และสุดท้ายยังแถมเดินด้วยเท้า จะอ้อยอิ่ง ทำตัวสบายๆ หุงข้าว ผัดผัก ถึงจะคิดว่าทันงานเข้า แต่มีบ้างถึงที่ทำงานสาย สู้ซื้ออาหารข้างทาง สะดวกสบาย คนโสดชีวิตฝากท้องตลอดวันกับอาหารนอกบ้าน จะริมทางหรือร้านในมอลล์เล็ก เข้าออกสะดวก ไม่มีแอร์ ไม่ต้องซื้อบัตร อยากกินอะไรเดินไปที่ร้านมีมากมาย ราคาไม่ผ่านคนกลาง ต้นทุนไปหาซื้อของจากตลาดเอง ขายแรงงาน คนขายคนซื้อบริการต่างมีความคิดเหมือนกัน เพื่อความอยู่รอดต้องอยู่ให้ได้กับสังคมของวัตถุที่ทะลักเข้ามา ทำให้คนของสังคมแตกต่างตามของที่ใช้ จะเรียกว่า “วรรณะ” ก็ไม่น่าจะผิด