ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 19 เมษายน 2568

8:24 AM เช้าของวันพฤหัสบดี 20 มีนาคม ยกกาแฟมานั่งโต๊ะทำงานที่หน้าบ้าน โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะไม้สักแกะสลักสวยงาม แม่บ้านซื้อมาจากเจ้าของร้านคนไทยในเมืองซานฟรานซิสโก เครื่องใช้ภายในบ้านเป็นไม้สักแกะสลักหลายชิ้น แม่บ้านซื้อโต๊ะไม้สัก เตียงไม้สัก แม้แต่โต๊ะบูชาพระพุทธรูป และอีกหลายอย่างแม่บ้านชอบสะสม สินค้าไทย ยิ่งวันนี้ลวดลายแกะสลักหาได้ยาก

ที่บ้านมีอุปกรณ์ไม้สักหลายประเภท โต๊ะพระพุทธรูปที่ห้องพระมีโต๊ะหมู่ ทำด้วยไม้สักแกะสลัก เป็นที่กราบไหว้ของผมและแม่บ้าน เวลาลูกสาวแพทย์หญิงสุภัคร สุขกสิกร (MD) เป็นแพทย์ เคยเล่าตอนลูกสาว ลูกชายยังเล็ก ทุกอาทิตย์จะขับรถเกิน 20 ไมล์ พาลูกไปวัด ผมเชื่อ วัดเป็นสถานที่อบรมพฤติกรรมของเด็กๆได้ดี อย่างน้อยเด็กไปวัด เรียนภาษาไทย อ่าน-เขียน และสังคมเติบโตกับเพื่อนคนไทย

การเติบโต กับการใช้ชีวิตในสังคมไทยกับลูกๆ จะเห็นได้ชัด ลูกสาวผมเป็นคนโต ลูกสาวเรียนจบหมอจากเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ การเรียนหมอในอเมริกาใช้เวลาเรียนหลังจากจบไฮสกูล เป็นเวลา 11 ปี หลังจากจบไฮสกูล อยากเรียนทางหมอ สอบเข้าโรงเรียนเตรียมแพทย์ 4 ปี หลังจากจบ 4 ปี สอบเข้ามหาวิทยลัย สอบเรียนหมอ อีก 4 ปี ลูกสาวเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหมอ “เคมบริดจ์” ที่อังกฤษ 4 ปี ก่อนสอบเข้าหมอ เรียนเตรียมแพทย์ 4 ปี จากยูซีเดวิส

ระบบยูซี ตัวเต็มเว่า University of California มหาวิทยาลัยของรัฐจะมีคำว่า ยูซีนำหน้า อย่างเบย์แอเรียมียูซีเบิร์คเล่ย์ เหนือขึ้นไปประมาณ 60 ไมล์ มียูซีเดวิส ลูกสาวสอบเข้าเรียนหมอ หลังจากจบไฮสกูล เป็นไฮสกูลเอกชนชื่อ College Preparatory เป็นเอกชนมีชื่อของเบย์แอเรีย

หลังจากปริญญาตรี สาขาเตรียมแพทย์ 4 ปี สอบเข้าเรียนหมอที่มหาวิทยาลัย เคมบริดจ์ ที่อังกฤษ อีก 4 ปี เป็นเวลา 8 ปี จบหมอ แต่ยังทำงาน หาเงินไม่ได้ ต้องฝึกหัดอาชีพหมออีก 3 ปี เรียก เรสซิเดนซี่ อีก 3 ปี รวมเป็นเวลา หลังจากจบไฮสกูลใช้เวลาอีก 11 ปี

พูดถึงเรื่องเรียน เป็นความจำเป็นของชีวิต ลูกชายอายุน้อยกว่าพี่สาว 9 ปี พอจบไฮสกูล ตั้งใจจะเรียนให้จบด็อกเตอร์ ในสาขาที่ตัวเองชอบ ลูกชายจบ PhD ที่ฮาวาย หลังจากจบปริญญาเอกก็ทำงานที่ซานดิเอโก เป็นที่ปรึกษานักศึกษาในมหาวิทยาลัย

ส่วนตัวผมเรียนจบ กศ.บ. บางแสน ระหว่างเรียน ตั้งใจจะมาอเมริกา เรียนต่อ ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ AUA อยู่หลายปี 1969 มหาวิทยาลัยออริกอน ตอบรับส่ง I-20 ให้ไปเรียนปริญญาโท 1969 ที่ Eastern Oregon College (เมือง La Grands)

ครอบครัวผม ชอบเรียนหนังสือ ภรรยาผมได้ทุนมาเรียนที่อเมริกา ก่อนผมมา

หยิบถ้วยกาแฟซิบ หยุดพักความคิดเขียนหนังสือ สำหรับกาแฟ ทุกเช้าตื่นราวๆ ก่อน 5:00 AM จะออกกำลังบนเตียง บีบมือ นอนนวดแขนขา ฝึกการยกแขน โดยเฉพาะแขนขวา ผมเคยเกิดอุบัติเหตุ ไหล่ขวาหลุด นานมาก แต่ถึงวันนี้ไหล่ไม่เจ็บ ทำสารพัดกิจกรรมได้ แต่ถ้ายกแขน อาจมีความรู้สึกไม่ปกติ ผมจึงคิดเสมอเวลายกแขนขวา เหนือหัวต้องไม่นาน

สำหรับผมวันนี้วัย 85 ปี ยังใช้ชีวิตปกติ ตื่นตี 5:00 AM ออกกำลังบนเตียงเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ทุกวันผมจะทาครีมกับร่างกาย ครับผู้สูงอายุทุกท่าน ร่างกายก็ชราไปตามวัย คำว่าร่างกายชรา อาจจะมีส่วนพฤติกรรมของใช้งานเริ่มลดประสิทธิภาพ อาจเจ็บ ปวดเมื่อย

ครับผมดูแลตัวเองอย่างไร สำหรับวัยหลังจากออกกำลังบนเตียง ลุกจากที่นอน ล้างหน้า แปรงฟัน ทาครีมที่ตัวบ้าง เพื่อระบบสุขภาพที่ดีของผิวหนัง อาทิตย์ละอย่างน้อย 5 วัน ผมจะขับรถไป YMCA อยู่เมืองอัลบานี่ ผมอยู่เมืองเอลเซอริโต้ จากบ้านไปออกกำลัง ขับรถไม่เกินไมล์ ครับบริเวณออกกำลัง เมืองอัลบานี่ ที่จอดบนถนนมีเยอะ จอดไม่ต้องหยอดเงิน ป้ายบอกจอดได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง จะมีรถของเจ้าหน้าที่มาขีดล้อรถทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารถให้ตั๋วมา รถถูกขีดที่ล้อ แสดงว่าจอดเกิน 2 ชั่วโมง ย่อมได้ตั๋ว

ช่วงมาออกกำลัง ผมจะมาช่วยงออกกำลังโดยมีครูสอน เรียกโยคะ ครับผู้มาออกกำลังอายุไล่เลี่ยกับผม ผมจะมาอยู่ YMCA ไม่เกิน 2 ชั่วโมง คลาสออกกำลังมีครูสอน เวลาออกกำลังประมาณชั่วโมง หรือชั่วโมง 15 นาที ผมนิยมไปก่อน จะไปออกกำลังด้วยตัวเอง อันแรกผมจะนั่งถีบแป้น ครับประมาณ 50 ครั้ง ช่วยเข่าและขา หลังจากนั้นผมจะไปดึงช่วยไหล่และแขน มีการดึงด้วยแขน 2 ประเภท ประเภทหนึ่งนั่งดึงระนาบเดียวกับตัว อีกอย่างที่ดึงอยู่เหนือหัว นั่งลงดึงขึ้นลง มีจักรยาน ผมจะไปเล่น 50 ครั้ง ที่ยกน้ำหนัก และมีอีกหลายประเภทออกกำลัง ครับแล้วแต่ความชอบพอของแต่ละคน และอีกอย่างผมจะไปซ้อมตีกอล์ฟ มีตาข่าย กวาดพื้น ผมมีศาลาไทย เคยเป็นที่อาบน้ำ ต้อนนี้เป็นอาร์ทแกลลอรี่ หลังจากออกจากที่ออกกำลัง จะยังไม่กลับบ้าน ยังชอบไปเดินเล่น แถวๆที่ออกกำลัง และใกล้บ้านมีช็อปปิ้งขายของ บ่อยครั้งจะเดิน ชอบเข้าร้านหนังสือ ชอบนั่งร้านกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ มีบ้างหลังจากออกจากที่ YMCA เวลาบ่ายจะแวะร้านประเภทร้านอาหาร อย่างแม็กโดนัล ร้านกาแฟ จะซื้อแฮมเบอเกอร์ ติดมือขึ้นรถ ขับไม่เกินไมล์ ไปจอดริมทะเลภายใน ออกจากรถติดมือแฮมเบอเกอร์เดินกัด มองดูวิวทะเลภายใน ไม่ไกลทางซ้ายมือเป็นเมืองซานฟรานซิสโก มีสะพานเบย์บริดจ์ (Bay Bridge)

มองตรงจากจุดเดินบนสะพาน ยื่นไปในทะเลภายใน ปากเคี้ยวยแฮมเบอเกอร์ ยืนมองธรรมชาติ รอบตัวสวยงาม แดดจ้า ลุมทะเลภายในสดชื่นเย็น รอบๆ อ่าว มีเรือแล่นบ้าง ตรงหน้าระหว่างเมืองซานฟรานซิสโก กับเมืองเซ้าท์ซาริโต้มีสะพานสีแดง ชั้นเดียว ทางวิ่งไปกลับ ระหว่างเมืองซานฟรานซิสโก กับเมืองเซ้าท์ซาริโต้ สะพานชื่อ สะพานโกลเด้นเกจ เป็นสะพานที่นักท่องเที่ยงชอบไปเดิน ตีนสะพานสองฝั่ง สวยงามด้วยวิวธรรมชาติ ไม่นานแฮมเบอเกอร์หมด ผมกำกระดาษห่อแฮมเบอเกอร์ให้เล็ก ยัดใส่ถุง ม้วนถุงใส่กระเป๋าเสื้อ “ครับจำได้อย่าทิ้งกระดาษลงในทะเล หรือบนถนน บนสะพาน” ยื่นออกนอกฝั่ง เป็นทางเดินหลายร้อยเมตร ยื่นออกนอกฝั่ง เป็นที่เดินพักผ่อน ดูวิว สูดอากาศ มีหลายคนยืนตกปลา เดินผ่านถังขยะ หยิบกระดาษหย่อนในถัง การฝึกการมีชีวิตที่ถูกต้องเริ่มแรกทำบ่อย กลายเป็นความเคยชิน ครับมากสิ่ง ชีวิตเราเติบโตขึ้นทุกวัน เราต้องเรียนรู้สิ่งถูกต้อง คือความดีงาม อย่างกระดาษ ถุงใส่อาหาร ไม่ใช่กำแล้วทิ้งในทะเลผิดกฎหมาย และถูกลงโทษ

ในอเมริกา สิ่งหนึ่งที่ในอเมริกา คนจะสนใจ คือพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง อย่างโยนกระดาษลงในทะเล และเป็นความเจริญของระบบที่นี่ แม้แต่สะพานยาว ยื่นไปในทะเลภายใน จะมีถังใส่ขยะ

ครับพวกเราอดขอบคุณ “สังคม” อยู่รอบๆตัวเรา มีกฎระเบียบให้ทุกคนดูแล สิ่งที่เรียกว่าสมบัติส่วนรวม

ครับระบบที่เรียกว่า พื้นที่เป็นส่วนรวมที่เรียกว่า “สาธารณะ” เราต้องให้ความร่วมมือ กฎเกณฑ์ คือข้อเตือนพฤติกรรม เราทำบ่อย กลายเป็นความเคยชิน ไม่เพียงทิ้งสิ่งไม่ใช้ลงในถังขยะ สิ่งที่ได้ คือพฤติกรรมดีงาม ถูกต้อง จะติดตัวเราไปตลอด “มันคือแบบอย่างดีงามของชีวิต”