ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 25 มีนาคม 2566

วันนี้เข้าคลาส ออกกำลังที่วายเอ็มซีเอ ชีวิตของทุกคน โดยเฉพาะช่วงอายุปลายทาง การออกกำลังถือว่าเป็นความสำคัญ หยุดแล้วหายหน้าจากออกกำลัง ย่อมเดือดร้อน เพราะอายุมากทุกอย่าง “อ่อนล้า” การออกกำลังพยุงสุขภาพให้คงสภาพดูแลตัวเองได้ ถนนจอดรถหน้าวายเอ็มซีเอ ผมไปเป็นสมาชิกเกือบปี ได้ที่จอดตรงข้ามกับวายเอ็มซีเอ “สองครั้ง” เหตุผลถนนนั้นเป็นบ้านคน เจ้าของบ้านย่อมจอด และมีมากส่วนของถนน คือทางรถเข้าบ้านคนจอดไม่ได้ โอกาสจอดถนนนี้ได้ ก็ตรงหน้าที่ออกกำลังเท่านั้น

สำหรับผม ไม่สนใจที่จะเลี้ยงไปหาที่จอดนิยมชอบจอดถนนใหญ่ (Solano Ave) มากกว่าเป็นถนนธุรกิจ และตรงหัวมุมของวาย เป็นร้านกาแฟ เสื้อผ้า ร้านข้าวแกง ครับแม้แต่ตัดผมและนวดตัว

หลังจากออกจากที่ออกกำลังกาย ความรู้สึกยังตื่นตัว ไม่อยากขับรถ ความรู้สึกอยากเดิน เรียกประสบการณ์เก่าๆ กลับมาผมเลี้ยวขวา ขึ้นถนน Solano Ave ตรงผมยืนเมือง “อัลบานี่” เมืองนี้ โรงเรียนรัฐบาลมีชื่อเสียงประถมถึงมัธยม โดยเฉพาะมัธยม ถ้าถามผมว่า ความดีของโรงเรียนเอาอะไรมาวัด สิ่งต้นคือผู้ปกครองและเด็กดูแลต่อกัน สถิติเข้ามหาวิทยาลัยเบิร์คเล่ย์ และดีๆ ได้มากกว่าโรงเรียนท้องถิ่นที่อยู่ติดกัน เป็นเรื่องจากสถิติผมรับมาจากผู้ปกครอง น่าจะคล้ายกับมัธยมปลายในไทย การบอกว่าเป็นโรงเรียนดี นอกจากเด็กไม่เกเรคลาสเล่าเรียน เด็กไม่ล้นชั้น โรงเรียนมีห้องสมุดดี ที่อเมริกา รวมกับกีฬาดีด้วย หลายคนบอกว่า เด็กและผู้ปกครองใส่ใจ

ส่วนตัว ผมเชื่อมั่นในระบบโรงเรียน ช่วงผมมีลูกสาวลูกชาย แม่บ้านคุยกับผม เราลงทุนการศึกษาให้ลูกนะ ส่งโรงเรียนเอกชน ผมคล้อยตามแม่บ้านประหยัด เงินเก็บได้ ส่งเป็นค่าเทอมช่วงลูกสาวเรียนค่าเทอม หมื่นครึ่งต่อปี เลยมา 30 ปี เดี๋ยวนี้เกิน 4 หมื่นเหรียญ

ครับ ถ้าพูดถึง 4 หมื่นเหรียญ หาร (/) ด้วย 12 เดือน ตกเดือนละ 1,265 เหรียญ โดยประมาณก่อน 30 ปี ครับหนักมาก อดออม เงินสะสมเกือบเป็น “ศูนย์” ครับคนมีลูก หลานทุกคน ก็มีจุดความคิด อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ จะได้มีความรู้ความสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ ครับทุกโรงเรียนต่างมีคุณภาพให้ความรู้ ผู้ปกครองสามารถช่วยความว่างของความแตกต่างได้ ผมยังเดินไปเรื่อย ถนนสายนี้เป็นถนนธุรกิจมีร้านมากมาย เป็นถนนรถวิ่งคันเดียวสวนกัน แต่ส่วนติดถนน รถสามารถจอดได้ การจอดรถที่เมืองออกกำลัง จะจอดรถโดยไม่หยอดมิเตอร์ได้ 90 นาที ได้นานขนาดนี้ ยังมีคนได้ตั๋วอีก คนให้ตั๋วคงจะมาไม่บ่อย ดูเครื่องหมาย ขีดไว้ที่ยางด้านนอกท้ายรถ ผมเดินมองรอบถนน ตัวตึก การชื่อร้าน และโฆษณา คือสินค้า ร้านแรกตรงหัวมุมจากสถานที่ออกกำลัง เป็นร้านแบบ “ซาเวชั่นอามี่” ขายของที่ประชาชนใช้แล้ว แต่ยังอยู่ในสภาพ 60-70 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ยังเต็มไปด้วยคุณภาพเจ้าของซักพับใส่ถุง ถ้ามีของใช้อย่างอื่น แม้แต่รูปภาพ แก้วน้ำ กระเป๋า รองเท้า สารพัดก็มา “บริจาค” ร้านจะทำความสะอาด แล้วขายตอนมาใหม่ๆ ขึ้นไปเรียนมหาวิทยาลัยออริกอน ศิษย์โรงเรียนคนไทย มาเรียนก่อน พาไปดูเสื้อ กางเกง แก้วน้ำ ที่ร้านประเภท “มือสอง”

ครับวันนี้ผมตั้งใจจะเข้าร้าน ชอบเดินดู ผมยอมรับเป็นคนประเภท มอง จับต้อง แต่ออกด้วยมือเปล่าของทุกประเภท ยังเต็มไปด้วยคุณภาพ เดินออกจากร้าน ความรู้สึกมาร้านเก่าของสินค้า เหมือน คำพูดที่ร้านไวน์ เขียนว่า ลองชิมไวน์เย็นสักแก้ว อย่ารีบร้อนซิบไวน์ มองรอบๆ อาจสนทนากับเพื่อนโต๊ะใกล้ คำพูดต่อไป ความรู้สึกสงบ สบาย พักผ่อน สำหรับคนดื่มมาก จนเกิดภาวะ ความคิดเคยสุภาพ กลายเป็นโกรธง่ายครับอย่าดื่มเกินแก้ว ดื่มแต่น้อย อาจทำให้เรามองดูสิ่งที่สัมผัส สามารถต่อเติม สิ่งดีงามย่อมยิ้มและสุขใจ ความสงบย่อมสู่กายใจ

ผมออกจากร้านเดินหยุดหน้าร้าน ตัดผมผู้หญิงครับ สำหรับผู้ชาย เจ้าของร้าน จะยิ้ม เอ่ยคำเชิญคะ พาไปนั่งโต๊ะ ครับส่วนตัวผม เลิกไปตัดผมที่ร้านหลายปีแล้ว อดีตเคยตัดเดือนละครั้ง เดี๋ยวนี้ตัดผมเกิน 15 เหรียญต่อครั้ง ครับร้านนี้เป็นร้านคนนิยม มีนวดตัว อบไอน้ำด้วย ผมเคยคิดอยากไปนวดตัว แต่ค่านวด ค่าทิป เป็นค่าใช้จ่ายผมอาทิตย์เต็ม ร้านเน็คคอร์ เป็นร้านอาหารอินเดีย กว้างขวาง และมี 6 โต๊ะ ตั้งบนถนนหน้าร้าน มีเต้นท์ และรั้ว กั้นเพื่อความปลอดภัย พูดถึงร้านริมถนน บางท้องที่จะมีหมาคอยนั่ง ตามองคนทานอาหาร ถ้าพูดได้ “นายครับ อาหารเหลือ นายอย่าเพิ่งให้เด็กเก็บ” เทอาหาร ใส่กระดาษ แล้วติดมือมาวางริมถนนที่ผมยืนมองอยู่ ครับปัจจุบันคนนิยมอาหารอินเดีย ไทย และร้านต่างชาติ ครับปกติ ชีวิติตอนเป็นเด็ก อยู่อยุธยาเลี้ยงหมาไว้ 4 ตัว อาหารสุนัข 3 เวลา เช้ากลางวันเย็น ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอกครับ ข้าวเย็นผสมน้ำข้าว ใส่อาหารเหลือที่เก็บไว้ให้สุนัข หัวปลาทู หัวปลา ผัด แม้แต่แกง ผสมปนเป วางไว้ 2 อ่าง 4 ตัว ครับต่างยืนกินอาหาร ไม่ทะเลาะ ไม่แยกเขี้ยว ไม่มีเสียงทำนอง “เอ็งเลือกกินของดี” ครับสุนัข 4 ตัว เป็นหูเป็นตา คนแปลกหน้าจะเห่าแยกเขี้ยว เดินมาถึงสี่แยก ถนนใหญ่อีกถนน ชื่อ San Pablo ตรงทางแยก มีร้านแม็กโดนัล ถนนฝังตรงข้าม มีร้านอาหารฝรั่ง ครับทั้ง 2 ร้านผมเคยเป็นลูกค้า สำหรับแม็กโดนัล นานมากไม่ได้ไปอุดหนุน ส่งร้านตรงข้าม แฮมเบอเกอร์ใส่เบค่อน เนื้อสับก้อนหนา มีเฟร้นฟราย หลานผม 3 คน มาหาผมทุกปี อย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละเกิน 2 อาทิตย์หลานจะชอบร้านนี้ ไม่แวะมาทาน ก็ซื้อติดมือ

ตรงหัวมุม ตรงข้ามกับร้าน เป็นสี่แยก จะมีอยู่คนละฝั่ง ทั้งคู่ ยื่นขอเงิน ครับสังคมของคนไม่เพียงคนไทย แม้แต่อเมริกา ถือว่าเป็นชาติเจริญ ร่ำรวย มีคนขอทาน และคนไร้บ้าน โฮมเลสเยอะ วันนี้ผมฟังข่าว San Sose สร้างบ้านแบบห้องแถว ห้องเล็กๆ ให้คนไร้บ้าน นอนริมถนนอยู่อาศัย เรื่องการตกลง ผมไม่รู้ว่าข่าวบนทีวี ถือว่าดี ครับพวกไร้บ้านคนนอนริมถนน ไม่รู้สาเหตว่ามาถึงจุดของการพัฒนาชีวิตได้อย่างไร คนขอเงินยืนถนนกลางถนนใหญ่ เวลารถหยุดก็ขอเงิน คนนี้แต่งตัวธรรมดา แต่ถนนตรงข้ามขอเงินเหมือนกัน แต่แต่งตัวแบบ Spider Man นั่งยองๆบนถัง ขอเงินเหมือนกัน บางครั้งยืนกระโดดท่าทางป่ายปีน ครับชีวิตผมเห็นมานาน คงมีชีวิตอยู่ได้จากคนเมตตา ครับคนในโลกทุกเมืองจะเล็กหรือใหญ่จะเจริญมากน้อย ชีวิตคนย่อมผสมปนเป ร่ำรวย ยากจน บางคนสุภาพ มากคนก้าวร้าว มีเพิ่มไร้บ้านนอน

ครับถ้าผ่านมีเงิน ครับองค์ของความคิด คือ เมตตา จะยื่นเงินให้บ้าง ก็อดที่จะสาธุไม่ได้ การมีเมตตา ทำสิ่งดี รับรู้ได้พลันสุข ผมผ่านร้านเติมแก๊ส รถยังเต็ม ทั้งที่ราคาเกินแกลลอนละ 5 เหรียญ ครับสักวันน้ำมันคงแห้งบ่อ รถเพิ่มขึ้น ปัจจุบันใช้รถไฟฟ้าปีกว่า ลูกสาว ด็อกเตอร์สุภัคร ซื้อให้ สำหรับลูกชาย ด็อกเตอร์พหล ทำงานบริษัทหนังพาราเม้าส์ ช่วงผมไปเที่ยวเรือ (ครูซ) ลูกมาเฝ้าบ้าน ทำงานที่บ้าน และแถมเงินเป็นสิ่งที่พ่อยิ้มสุขใจ

ครับโลกยุคนี้ เจริญเกินคนวัย 83 อย่างผมจะตามทัน อย่างไรก็ตามเป็นข้อคิด ถึงความเจริญจะก้าวเร็วขนาดไหน สำหรับผมเป็นเพียงแค่คน “ผสมโรง” ยิ้มใช้สิ่งที่สังคมพัฒนา ถึงจะด้อยค่าบ้าง ตามคำพูดของเด็กยโส ข้าไม่สมใจ ขอเพียงคำพูดของหลวงพี่ อาตมาขออนิสงของโยมด้วย เหมือนนายกับหมา นายจูงหมาตัวโต แต่สุภาพ ผมหมายถึงไม่แยกเขี้ยวเห่า จะเดินเข้าคลุกคลีกับคนแปลกหน้า และคำพูดไม่ใช่นาย นายพาไปร้าน แม็กโดนัล นายหันหน้ามาสั่งสุนัข แกนั่งรอฉันอยู่นี่ นายเข้าร้าน เดินออกมือถือถุง แฮมเบอเกอร์ และเฟร้นฟราย นายกัดแฮมเบอเกอร์ ดึงเชือกเสียงพูด “โก” หมาลุกเดินตาม นายกัดแฮมเบอเกอร์ หมาเอาแก้มลูบขานาย เงยหน้า ตาละห้อย นายกัดแฮมเบอเกอร์เหลือ 1 ใน 4 หยุดเดิน ยื่น ¼ ให้หมา ไม่พูด ไม่มอง สนใจอย่างเดียวแฮมเบอเกอร์ นายยังหยิบเฟร้นฟรายใส่ปาก ยังยืน สุนัขงับหมดอัน ยืนเคี้ยว ทั้งคนและหมา ผมจอดรถดู ต่างหมดความสนใจต่อกัน แต่สิ่งที่เชื่อมความรัก ความผูกพันที่นายมีต่อสุนัข ส่วนเจ้าสุนัขก็มองนาย ครับทุกวัน ทั้งสองจะเดินออกกำลัง ส่วนมากสุนัขจะแวะตามพุ่มไม้ข้างถนน นายก็หยุดปล่อยให้กระทำตามความพอใจ ครับความรัก ความผูกพัน พุทธศาสนาบอกว่า เป็นเรื่องของเมตตา