เกือบ 7:00 AM เป็นเช้าก่อนจากเบย์เอเรียไปมิชิแกน นำกาแฟ เค้กชิ้นบางๆ และกล้วยหอม โดยเฉพาะประเภทผลไม้ แม่บ้านและหมอลูกสาว บอกควรทานทุกวัน อย่างน้อยช่วยระบบขับถ่าย
ทุกวันเช้าและเย็น จะมานั่งห้องชั้น 2 ของบ้าน บ้านของลูกสาวมี 4 ชั้น ทุกชั้นเต็มไปด้วยกระจก กระจกรอบบ้าน กว้างยาวจากเพดานถึงพื้น เหตุผลบ้านล้อมรอบด้วยธรรมชาติ อย่างห้องที่ผมชอบมานั่งเขียนหนังสือ อ่านหนังสือเป็นห้องยื่นจากตัวบ้าน เป็นห้องกระจก 3 ด้าน มีโซฟาร์ด้านฝาติดบ้าน มีหนังสือวางด้านข้างโซฟาร์ยาวตัวที่ผมนั่ง มีกระถางต้นไม้ 6-7 กระถาง ต้นไม้แตกต่างประเภท ครับความแตกต่างประเภทของต้นไม้ ลำต้น ใบ และกิ่งก้าน ความเจริญงอกงาม ต้นไม้เป็นส่วนของชีวิตคน
ซิบกาแฟ ทุกเมืองที่ผมไปท่องเที่ยวจะดื่มกาแฟประเภท “เฟร้นส์โรส” ชอบรสและกลิ่น เคยถามตัวเองติดกาแฟไหม คงไม่คิด คำว่าติดถ้ายังไม่ได้ดื่ม ย่อมหาดื่มทุกวัน ช่วงเช้าถึงจะดื่มกาแฟประมาณแก้วเดียว ถ้าไม่มีกาแฟ ความรู้สึกก็ยังธรรมดา หลายคนบอกตื่นเช้า ถ้าขาดกาแฟความรู้สึก “วุ่นวาย” ความคิด อดลงความเห็นคุณติดกาแฟ
ช่วงดื่มกาแฟ เช้านี้นำกระดาษ ปากกามานั่งเขียนบทความให้หนังสือพิมพ์ ไทยแอลเอ. ผมอดขอบคุณหนังสือพิมพ์ไทยแอลเอ ที่ให้โอกาสผมเขียนบทความ นอกจากนี้ผมยังได้รับรู้การเคลื่อนไหวของสังคม ครับนอกจากการอ่านหนังสือพิมพ์ และการเขียนหนังสือ ทำให้ชีวิตย่าง 86 ปีของผมตื่นตัว ยังสามารถพัฒนาชีวิตได้ คำว่าตื่นตัวขับรถไปคลาสออกกำลังที่ YMCA อ่าน เขียนบทความและท่องเที่ยว ปลายเดือนพฤศจิกายน เดินทางมามิชิแกน เมื่อ 2 วันก่อนนั่นไปแคนาดา แวนคูเวอร์ เคยมาอยู่เป็นอาทิตย์และนอนหลายวัน ติกับไนแอการาฟอล
คำว่าตื่นตัวของร่างกาย ย่อมประกอบด้วยร่างกาย วัยสูงอายุอย่างตัวผม ยังตื่น 5:30 AM ทุกวัน การตื่นเช้าเป็นพฤติกรรม คือการกระทำเป็นประจำ ช่วงวัยเด็กเกิดอยุธยาบ้านมีแพ ยังขาดไฟฟ้า การอ่านหนังสือเขียนหนังสือใช้ตะเกียง ตะเกียงมีควัน หลักวิทยาศาสตร์บอกว่าควันไฟเราสูดจากปากสู่ปอด จะสะสมควันในปอด สามารถทำให้เป็นมะเร็งได้
พ่อแม่และครูบอกเสมอ หัดตื่นแต่เช้า แสงอาทิตย์เริ่มทำให้สามารถมองเห็นอ่านหนังสือได้ สิ่งที่ตื่นแต่เช้า จะเป็นอุปนิสัยที่ดีด้วย สงบ เงียบ ธรรมชาติ ช่วงดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นทางตะวันออก ก่อนเห็นดวงอาทิตย์ แสงจากดวงอาทิตย์จะส่องให้มองเห็นและความงามธรรมชาติ
ผมหยุดเขียน เงยหน้าจากกระดาษ หยิบแก้วกาแฟซิบ วางกาแฟ มองตรงลอดหน้าต่าง ห้องติดกันเป็นพื้นกว้าง ไม่มีหลังคาตรงมุมห้องที่รั้วเหล็กกั้นรอบๆ มีกระถางต้นตะใคร้ เป็นกอพุ่มใหญ่ ใส่กระถางวางบนขอนไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้า 12”x16” สูง 20“ พื้นลูกสาวนำพระพุทธรูปนั่งสมาธิ สูง 12 นิ้ว นั่งหลังพุทธองค์พิงขอนไม้
เช้าของวันนี้เป็นเช้าวันแรกของวันแท้งค์กิ๊ฟวิ่ง รอบๆบ้านลูกสาวมีเนื้อที่กว้างและยาวเหมือนสนามฟุตบอล ต่ำจากพื้นบ้านตรงทางลงจากบ้านจะมีสระวงกลมกว้าง ตรงกลางมีน้ำผุดตลอดเวลา มีกอบัว ก้านและใบ ดูสวยงาม ปกติสระจะมีปลา นำมาปล่อยเลี้ยง แต่สระนี้ ลูกสาวไม่นำปลามาปล่อย เหตุผล ถ้าปล่อยปลา จะมีสัตว์ อย่าง “รากูล” มาหาปลากิน
รอบๆ พื้นที่กว้างและยาว ช่วงต้นปีผมมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นไพน์ (Pine) และต้นสน รอบๆ เนื้อที่ของบ้าน นอกจากจะมีใบ ต้นไม้เล็กๆยังปกคลุม แต่วันนี้ป่าสามารถมองผ่านได้ มองเห็นบ้าน ของเพื่อนบ้านอยู่เนินเขา 2 บ้านอยู่ห่างประมาณ 100 เมตร ครับเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงใบจากเขียว เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลใบจะร่วง
หยุดเขียน หยิบแก้วกาแฟซิบ รสกาแฟหมดความร้อน เป็นความจริงของนักดื่มกาแฟบอกว่า กาแฟยังร้อนรถของกาแฟจะพัฒนาความรับรู้ของความชอบพอรสกาแฟได้ดีกว่ากาแฟหมดความร้อน ใจผมตอบรับรับ “เยส”
หันมองรอบๆ บ้านที่กว้างใหญ่ กลางวันหลานชาย 2 คนกับเพื่อน เตะบอลกัน รอบๆ ที่ราบกว้างยาวของสนามมีต้นไพน์ (Pine) ยืนต้นหนาแน่น ใบหล่นหมดต้น สามารถมองผ่านได้ดี
ช่วงเช้านี้หลังวันแท้งค์กิ๊ฟวิ่ง เมื่อคืน กลางคืนอากาศหนาว พอเวลานนี้ผมมองลอดหน้าต่าง จะเห็นหิมะเริ่มตกทั่ว หิมะเริ่มตก เหมือนนุ่นเล็กๆ เบาๆ ลอยตัว ขาว สวยงาม พื้นสนามกว้าง มีหิมะเริ่มเกาะดูสวยงามขาว แต่เป็นเพียงเริ่มตก ยังไม่สามารถปกคลุมพื้นสนามหญ้าให้ขาวได้ตลอดด้วยหิมะ
อดนึกย้อนหลังปี 1969 ไปเรียนปริญญาโทที่วิทยาลัย Eastern Oregon College อยู่เมือง La Grande เป็นเมืองวิทยาลัยอยู่ทางตะวันออก เหนือสุดทางเหนือของรัฐ ติดกับรัฐ วอชิงตันสเตท
หิมะครั้งแรกของชีวิต ยังหนุ่ม ตื่นเต้น เพื่อนนักเรียนและอาจารย์ แนะให้ใส่เสื้อผ้าป้องกันหนาว มีขายที่ร้านของมหาวิทยาลัย รองเท้าก็ต้องเปลี่ยน พื้นจับสโนว์ไม่ลื่น และป้องกันเท้าและข้อเท้าได้
นั่งห้องเขียนหนังสือ ล้อมรอบด้วยกระจก เป็นห้องยื่นจากตัวบ้าน เหมือนกับบ้านที่อยู่อาศัยของผม จะมีห้องยื่น จากบ้านมีกระจกล้อมรอบ ห้องที่ผมกำลังเขียนหนังสือ บ้านลูกสาว บ้านล้อมรอบด้วยต้นไม้ มีหิมะตก หิมะเหมือนนุ่ม เบา ขาว ปลิวลอยทั่ว สวยงาม แต่ห้องบ้านผมยื่นออกจากบ้าน ติดถนน 2 ด้าน ผมเวลาเขียนหนังสือ จ่ายบิลล์ อ่านหนังสือ จะมานั่งโต๊ะ ห้องหน้าบ้านตรงหน้องนี้ของบ้าน หยุดพฤติกรรม มองลอดหน้าต่างของห้องที่บ้าน จะเห็นรถวิ่งขึ้นลง คนเดินตลอดเวลาเพื่อออกกำลังประมาณบล๊อกที่บ้าน เห็นร้าน 7-11 อดขอบคุณร้าน ขาด-เหลือ สะดวกสบาย ผมมองไกล มองเห็นสะพาน เบย์บริดจ์ บางช่วงของสะพานเป็น 2 ชั้น สะพานมีเกาะตรงกลางสะพานมองเห็นตัวเมืองซานฟรานซิสโก
อีกสะพานที่ผมนั่งโต๊ะ ตรงห้องของบ้านเห็น คือ สะพาน โกลเด้นเกจ เป็นสะพานทาสีแดง ชั้นเดียว รถวิ่งไปกลับ เชื่อมระหว่างเมืองเซ้าท์ซาริโต้ กับเมืองซานฟรานซิสโก สะพานนี้สูง เรือสินค้าสามารถวิ่งเข้าออกได้
00:18 AM หยุดเขียนหนังสือ หยิบแก้วกาแฟซิบ มองลอดหน้าต่าง สโนว์ตกหนาตัว เหลือเชื่อ รอบห้องเป็นกระจก ห้องติดกับต้นไม้ใหญ่ เหมือนกับ ลมหมุน สโนว์หนาตัว หมุนเป็นวงกลม ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งๆที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเมืองสโนว์ อดพึมพำกับตัว ธรรมชาติบันดาลสิ่งมากมายที่แตกต่างจากความสามารถของมนุษย์ กระทำให้บังเกิดขึ้นได้
ครับชีวิตคนกับธรรมชาติ อยู่ด้วยกันเกื้อกูล เติบโต เป็นพื้นฐานของชีวิต คนรุ่นพ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อนมีความรู้ ได้สอน ได้เตือนให้เรียนรู้ กับการมีชีวิตอยู่กับธรรมชาติ คำพูดที่ผมได้รับจากพ่อแม่ สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ สอนเรียนรู้ธรรมชาติ การเรียนรู้จำเป็น เหมือนวันนี้ 29 เดือน 11 2024 ผมนั่งอยู่ในห้องล้อมรอบด้วยกระจกชั้น 2 รอบๆ บ้านเป็นป่าไม้ Pine หิมะตกเบา ลอยตั้วคล้ายนุ่น เห็นกระรอกสีดำวิ่งไปมา บนพื้นเต็มไปด้วยสโนว์ คงหาอาหาร อาหารธรรมชาติ และหนาว หิมะตก คงหายาก
แต่สิ่งหนึ่ง สิ่งมีชีวิต คน สัตว์ ต้อมพัฒนาตัว เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากไม่เพียงเก็บมาใช้ ต้องรู้จักขยายพันธุ์
ผมจำคำพูดของพ่อและแม่ ช่วงเด็กไปเรือซื้อข้าวกับแม่ ระหว่างคนหาบข้าวลงเรือ แม่สอนโตขึ้นเริ่มเรียนมัธยม จะส่งลูกไปเรียนกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ มีโรงเรียนมัธยมดีๆ มหาวิทยาลัย แม่ยังทำมาหากินได้ สามารถส่งลูกไปเรียนไกลๆ อย่างกรุงเทพฯ และอเมริกาได้
โดยเฉพาะด้านการศึกษา การสอนของพ่อแม่ ผมนำติดตัว ฝังในความทรงจำ แม้แต่ลูก 2 คนผมก็ส่งให้จบสูงๆ อย่างด็อกเตอร์ได้ทั้งคู่ เป็นคำสอนของพ่อและแม่