ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 6 มิถุนายน 2563

ตู้ปันสุข

ครับช่วงนี้ โรคโควิด 19 ทำให้คนต้องออกจากงาน อยู่กับบ้าน คนส่วนมากถ้าให้นั่งนอนอยู่แต่ในบ้าน ยิ่งช่วงหนุ่มสาวต้องมีรายได้ จากงานดูแลชีวิต แล้วช่วงโรคภัย ไม่มียารักษา การติดต่อโรคติดต่อจากคนด้วยกัน กับคนที่มีโรค โดยการคุยกัน อยู่ใกล้กัน กอดรัด

ครับโรคนี้น่ากลัว แต่มากคนบอกว่าโรคน่ากลัวก็จริง แต่ถ้าดูแลตัวก็ปลอดภัยขณะหนึ่ง แต่เมื่ออยู่บ้าน อาหารต้องมาจากเงิน จากการทำงาน อยากออกจากบ้านไปทำมาหากิน

ประเทศไทยมี 77 จังหวัด คนเกิน 70 ล้านคน คนเกินครึ่ง อยู่ในฐานะยากจน และเป็นความจริง คนสูงอายุแม้แต่คนวัยงาน พิการนอนติดเตียงเยอะ คนเหล่านี้ความเป็นอยู่ต้องพึ่งพาครอบครัว จะรอเงินชรา เงินคนพิการ ครับได้ไม่ถึงพันบาท ค่ารองชีพ คือการมีชีวิต ถ้าจะอยู่คนเดียวคงไม่ได้ เพราะโสหุ้ยเยอะ ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเช่า ก็ไม่พอแล้ว ยิ่งคิดถึงอาหารจะมีกินแต่ละมื้อ มองกระจกดูหน้าแหย หมองคล้ำ ความกังวล ออกมาทางสายตา น้ำตาไหล เอ่ยปาก เรามีกรรม ไม่รู้ว่าทำไม่ดี ผิดกฎแห่งความถูกต้องแต่ชาติไหน

จริงแล้วความถูกต้องเกิดช่วงเราเติบโต ทำงาน หลายคนอดทน ขยันเพิ่มความสามารถให้ตัวเองทำงานคนประเภทนี้ ชีวิตจะพัฒนา ไม่อดอยาก เปิดตู้เย็นก็ยังเห็นอาหาร ไม่น่าห่วง แต่เป็นความจริง คนไทย อยากทำงาน แต่ปัจจัยรอบตัวกดทับ

คุณศุภกิจชื่อของคนมีความคิดริเริ่ม “นำตู้ปันสุข”” ไปตั้งตามย่านคนยากจน ภายในตู้มีอาหารประจำวัน อย่างไข่ ข้าว น้ำปลา ปลากระป๋อง ผลไม้ ดูข่าวคนมีเงิน แม้แต่คนมีพอมีกินมีใช้ เมื่อมีเมตตา ต่างก็ช่วยกัน คนละไม้ละมือ น้ำของจำเป็นวนเวียนมาใส่ตู้ แม้แต่ผลไม้ ทุเรียน เงาะ มีบ้างให้เงิน

เสียงเงียบ เชิญเถอะครับ ญาติร่วมชาติมาเข้าคิว หยิบของในตู้ไปทานได้ เป็นกฎนะครับ หยิบแต่พอประมาณไม่ต้องหยิบไปสะสม เพราะเพื่อนเราอีกหลายคน ต่อแถว ต้องการสิ่งของเพื่อชีวิตเหมือนกัน มีคนรอที่บ้านหิวรอ ของจากตู้ปันสุขนำกลับไปต่อชีวิตที่บ้าน

ครับเมื่อคือนผมดูข่าวของเนชั่น คนพูด อัญชลี กับ สันติสุข ผมชอบดูเขา พูดเก่งตรงกับสิ่งที่ผมชอบ แม้แต่ช่วยโฆษณาขายของ ฟรีให้คนช่วงโควิด อย่างปลากุเลาเค็มของทางภาคใต้ พอโฆษณา ปลาขายหมด ขายดี จากบอก การทำเค็ม ประกอบด้วยสิ่งสะอาดดี เวลาตากแดด ตากภายในมุ้ง กันแมลงวัน

คำบอกเล่า เป็นคำพูดตลก ในตู้ปันสุข ไม่เห็นมีกระป๋องเบียร์เลย คำพูดทุกวัน กระตุ้นการดูแล ช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งต่อกันได้

ครับพอเริ่มมีตู้ปันสุข ข่าวกระจายไปทั่วประเทศ ทุกจังหวัด คนมากมาอาชีพที่มีชีวิตที่จะหยิบยื่นอาหารมาวางไว้ในตู้ เพื่อให้กับเพื่อนคนไทยด้วยกัน ในช่วงของเวลาต้องอยู่กับบ้านไม่มีรายได้ หลายคนในบ้านหัวหน้าครอบครัวคลำกระเป๋า อาจจะมีแค่ไข่แพ็คเดียว คิดไปถึงอาหารพรุ่งนี้ วันต่อไป สิ้นเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า พอคิดเหมือนอะไรมาติดที่คอ ต่อมน้ำตาซึม ครับคนเป็นพ่อแม่ ระหว่างตัวเองกับลูกหลาน ปู่ย่า ชีวิตคนไทยเกือบทั้งชาติ เลือกเป็นห่วงลูกหลานมากกว่าตัวเราเอง

ผมอดขอบพระคุณ คำสอนของศาสนา คือสอนเรื่อง “นามธรรม” สิ่งที่มองไม่เห็น ต่างกับวิทยาศาสตร์มองเห็น วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดสูงสุด ก็ถึงทางอยู่กับที่ คือทางต้น แต่คนก็นิยมชอบพอ เพราะความสามารถ ทำให้ชีวิตสะดวกสบาย ยิ่งเพิ่มความหลงใหล ชีวิตก็ย่อมต้องทุ่มเงิน ความคิดหลงใหลในตัวมากขึ้น และความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งไหลมาอยู่กับตัวตน

ซึ่งต่างกับจิตเข้าใจ เกี่ยวกับศาสนา (นามธรรม) เป็นเรื่องของการมองคนอื่น ด้วยความรู้สึกมีเมตตา พึ่งพาช่วยเหลือ ยิ่งช่วงนี้ พึ่งทางจิตใจมีเมตตา จำเป็น

ยิ่งช่วงโควิด ไม่มีงาน การนำตู้ไปตั้ง เติมสิ่งจำเป็น “สำหรับชีวิตประจำวัน” ใครอยากนำไปประกอบอาหาร เชิญเถอะขอรับ คนให้จิตเจตนา อยากเห็นคนมาหยิบสิ่งของ หยิบแต่พอดี สองสามอย่าง “คิดถึงคนข้างหลัง”

ครับช่วงแรกๆ มีบ้างคนพาลูกหลาน ถือถุงคนละใบ หยิบกวาดสิ่งของในตู้เต็มถุง พอมองดูตัว สิ่งของสำหรับคนท้องหิวซึ่งลูกหลาน รอที่บ้าน สิ่งของคนเมตตานำมาบริจาค บางคนกวาดไปหมด มีบ้างหลายคนเอาไปขาย

เคยมีนักข่าว ถามคนนำตู้และเติมสิ่งของเติมทุกชั้นในตู้ นม น้ำ แม้แต่แกงใส่ถุง เห็นคนที่มากวาดใส่ถุงนักข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เห็นคนบางคนเอาใส่ถุงเกินความจำเป็น เห็นแก่ตัว

ครับ ผมถึงแม้จะไม่ชอบการกระทำ ซึ่งผิดกับความตั้งใจนำอาหารมาเอาแต่พอเพียงแบ่งบัน คนที่สามารถช่วยได้ก็สามารถ นำของมาเติมในตู้ “คำตอบใจผมปรารถนาจะให้เพื่อนคนไทยที่หิวไม่มีอาหาร แต่เมื่อมีบางคน เอาใส่ถุงเต็มครับ” เมื่อใจผมตั้งใจ จะแบ่งปันความหิว เห็นคนเอาไปเกินความจำเป็นก็ต้องทำใจครับ

เสียงคุณงามความดี ความถูกต้อง รวมอยู่ในทุกอณูของชีวิต กล่าวคำ “สาธุ” ชีวิตประกอบด้วยจิต ก้าวล่วงไปอยู่กับความถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เกิดกับใคร ครับ ถึงจะมีจุดของทุกข์ ความว่างของสิ่งของที่จำเป็น ชีวิตก็ยังมี ทุนของคุณความดีอยู่ จากทุกข์จะเปลี่ยนเป็นสุขเสมอ

ครับชีวิตของทุกคน จะมีแสงออกจากตัว เกิดจากจิตอยู่ในส่วนลึกของกายแสงที่ออกเรียก “ออร่า” แสงจะมีสีต่างกัน สีส้มความรู้สึกกับจิตจะโกรธ สีเขียวความรู้สึกจะอิจฉา ถ้าเป็นสีม่วง จิตจะสงบ สีเงินจะมีธรรมะในใจ ครับแสงออร่า จึงทำให้คนแตกต่างได้ เพราะพฤติกรรม

ครับตู้ปันสุข นำคนมากมายนำสิ่งของมาใส่ตู้ แบ่งปัน ครับคนรวยบางคนซื้อปลาเป็นตันมาแจก บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ เดินแจกเงินคนละ 500 บาท หลายหมู่บ้านในกรุงเทพฯ เหลือเชื่อคนยากจนเยอะ จะเห็นบ้านอยู่กันเพียงกันแดด มากบ้านเวลาฝนตกรั่ว น้ำไม่มีใช้ จะกระทบกับส้วมด้วย ครับหลายตรอกซอก มากคนนอนติดเตียง ครับขอให้ยึดหลักกายเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่จิตต้องยึดความถูกต้องนะครับ แล้วนำมาใส่ตู้แจก หลายวัดพระปรุงอาหาร วัตถุดิบจากญาติโยมที่เคยนำมาถวาย ช่วงห่างจากโรคภัย พระท่านนำมาปรุงเป็นอาหารใส่ถุงใส่ตู้ พร้อมกับอวยพรไปกับสิ่งของ จะพ้นทุกข์นะโยม

ครับช่วงเหล่านี้ จะเห็นคนมากมากโดยเฉพาะผู้มารับบริการ รู้จักหยิบของบแต่พอดี คนให้สิ่งของ ถ้ามีกำลังทางเงินเป็นโอกาสดี ที่จะช่วยเหลือเพื่อนในชาติ หลักการของชีวิตจะเป็นผู้ให้ หรือผู้รับ จะใช้กฎข้อไหน หรือประยุค หรือละเลย

1.อยู่ในสังคมคนดี

2.คิดดี

3.มีคุณความดีเป็นพื้นชีวิต

ครับความแตกต่างของคนช่วยกันยามทุกข์ยาก การไปเอาของรู้จักคิดถึงคนอื่นด้วย ท่านอาจารย์ไพศาล วัดสุษิต บอกว่าโรคโควิด ทำให้คนรู้จักพัฒนาตนต่อสู้กับความลำบากเป็นพื้นฐานต่อไป