ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
โรงเรียนของแม่ ตอนที่ 4

ก่อน 7 โมงเช้าเล็กน้อย เพื่อนบ้าน 2-3 คน บ้านอยู่หลังๆ แม่น้ำออกไป มายืนคุยกันที่ใต้ถุนซึ่งแม่เรียกว่าโรงเรียน คำว่าโรงเรียนไม่จำเป็นต้องมีห้อง คนมาต่างทำตัวเป็นนักเรียน และผันตัวเองเป็นคนขยายประสบการณ์ของตัวให้เพื่อนๆ มีความรู้ ทุกคนต่างมีขันข้าวสวย และปิ่นโตอาหาร บางคนมีผลไม้ เกิน 7 โมงราวๆ ครึ่ง พระ 5 รูป จะเดินชักแถว ผู้อาวุโสเดินหน้า อาวุโสของพระคือการบวชเรียนนาน ถ้าจะพูดว่าสมัครใจ เข้ามาใช้ชีวิตอาศัยศีล และธรรมกำกับชีวิต มุ่งชีวิตสู่ความสงบ จริยะวัฒนของพระเพียงสำรวม ยึดความถูกต้อง เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ชีวิตก็รับรู้ว่าท่านมีความขลัง ในสายของการละทุกข์

เคยมีคนถามแม่ ชอบเวลาไหนมากที่สุดของวัน เช้า กลางวัน หรือเย็น แม่เอ่ย ทุกเวลาชีวิตประจำวันแตกต่าง แต่ก็ชอบช่วงเช้ามืดที่สุด งานประจำเป็นหน้าที่ของคนเป็นแม่ของคนต่างจังหวัด อาชีพทำนา จะตื่นแต่เช้า หุงข้าว ทำอาหาร แบ่งของตักบาตร และอาหารใส่เถาปิ่นโต ให้ลูกๆ ไปทานมื้อกลางวันร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียน แม่จำได้ดี ทุกเช้าเด็กตามหมู่บ้านจะเดินเป็นแถว บนถนนซึ่งชาวบ้าน หรือหลวงท่านสร้าง หน้าถนนเป็นเพียงดินปนทราย ฝนตกหนาเม็ดยังมีบางที่แฉะ เวลาเดินต้องระวัง อาจหกล้มลื่น แขนขาหัก

เรื่องสุขภาพต้องดูแลเข้ม ไม่ประมาทชีวิต ถึงจะระวังแต่อุบัติเหตุก็เกิด คนทำมาหากิน ทำนา เกษตรกร คิดเสมอ พวกเขาไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาล เหมือนกับพวกเขาคือประชาชนชั้นสองของประเทศ ทั้งๆ ที่พวกเขาผลิตอาหาร เลี้ยงดูคนของชาติ และส่งขายยังต่างประเทศ พวกเขามีชีวิตสุขสบาย มั่งมี เกิดจากแรงงานพวกชาวนา และเกษตร แต่ชีวิตกลับไม่ได้รับการดูแล ถ้าสุขภาพไม่ดี ซวบซ้ำซ้อน เสียเงิน และโรงพยาบาลอยู่ไกล ไม่ได้รับการรักษาที่ดี เคยมีคนมากมายไปรักษาโรค พยาบาลในเมือง เสีย 30 บาท รอหมอหลายชั่วโมง กว่าจะได้รับการรักษา ความรู้สึกรู้และสัมผัส ทำนองเสีย 30 บาทจะเรียกร้องอะไร พูดในใจ เรียกร้องความเป็นคน ความยุติธรรม ถึงจะต้อยต่ำก็เสียภาษี และสำคัญชาวนาไม่เคยโกงเงินชาติ

เด็กนักเรียน ใส่แบบฟอร์ม เด็กชายนุ่งกางเกงขาสั้นเหนือเข่า สีกากี ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาว คาดเข็มขัด รองเท้าถ้ามีสีน้ำตาล เด็กหญิงกระโปรงสีน้ำเงิน เสื้อแขนสั้นสีขาว โคนแขนเสื้อทำจีบ

แม่ชอบแบบฟอร์มของเด็กๆ ของลูกหลาน ดูแล้วรู้สึกเป็นระเบียบ คล้ายกับความเป็นคนมีวัฒนธรรม วัฒนธรรมในสายตาแม่ คือสิ่งที่จรรโลงชีวิต เติบโต รับรู้ และสัมผัส เป็นสิ่งสร้างขึ้นและสานต่อ อย่างความอ่อนน้อมของเด็กมีต่อผู้ใหญ่ เรียนรู้ พุทธศาสนาในเชิงปฏิบัติ ลิเก วงมโหรี และแม่ชอบรำวง รำวง เป็นความใกล้ชิดของหนุ่มสาว ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ สานความสัมพันธ์

แม่เติบโตในหมู่บ้าน ถึงความเจริญของคนกรุงจะยังมาไม่ถึง ชีวิตคนต่างจังหวัดก็มีความสุข แม่ชอบการศึกษา เพราะโรงเรียน แม่สามารถมีเพื่อนมากมาย มีกิจกรรมหลากหลาย ได้เล่นกีฬา เคยคิดว่าโรงเรียนคือที่ปลอดภัย แต่ปัจจุบัน มากโรงเรียนมีเด็กเกเร ทำร้าย ทางจังหวัดเคยเสนอทุนให้แม่เรียนครู เรียนจบจะได้มาสอนเด็กในหมู่บ้าน แต่พ่อและแม่ปฏิเสธ ยังมองไม่เห็นคุณค่าของลูกผู้หญิง คิดว่าครอบครัว มีไร่นา มีการค้าเล็กๆ ลูกสามารถสืบต่ออาชีพ ไม่นานแต่งงาน อาชีพดูแลครอบครัว ก็มีตลอดวันอยู่แล้ว

แม่ชอบดูแม่น้ำ ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นสูงเหนือต้นไม้ อากาศจะเย็น มองเห็นทุกสิ่งเหมือนภายใต้ร่มเงา กระแสน้ำตอนเช้ามืด สงบ น้ำไหลลงปากน้ำ ถึงจะมีวัชพืชลอยปะปนกับกระแสน้ำ ความรู้สึกไม่สกปรก สายน้ำคือเลือดเนื้อของชาวไร่ ชาวนา น้ำช่วยพืชผัก คนอาบ ดื่ม ใช้ปรุงอาหาร วัวควายใช้อาบและดื่ม ที่จริงคนรู้จักคุณค่าของแม่น้ำช่วยกันรับผิดชอบ ไม่ทิ้งสิ่งของลงในแม่น้ำ

ชาวบ้านเห็นพระเดินเป็นแถว ต่างมายืนรอตักบาตร ข้าวตักใส่บาตร แกง ของแห้งให้เด็กวัด พอตักบาตรเสร็จ นั่งรับพร พระจะถามทุกข์สุข วัดมีกิจกรรม จะบอกกล่าว ชีวิตชาวบ้าน และวัด จึงพึ่งพา เกื้อกูล วัดพึ่งชาวบ้านเรื่องอาหาร พิธีกรรม ชาวบ้านพึ่งวัดทางจิตใจ พุทธศาสนาสอนให้ละทุกข์กระทำสิ่งที่ถูกต้องคือสุข

หลังตักบาตร แยกย้าย บ้านใครบ้านมัน พอ 3-4 โมงเช้า มากคนเริ่มทำงาน มาทำกันที่ใต้ถุน โรงเรียนของแม่ เพียงเพื่อนบ้านมาสนทนา หัวเราะ คุยเรื่องลูกหลาน หลายคนนำเรื่องคนอื่นมาคุย เสริมต่อ ถ้าเป็นทางไม่ดีงามก็น่าจะเรียกว่านินทา ถ้าเรื่องดีงามที่ทุกคนได้รับประโยชน์ในการฟัง เอาเป็นแบบอย่าง ก็น่าจะเรียกการพูดคุยว่าการให้ความรู้

โรงเรียนในความคิดของแม่ คือการพัฒนาความคิด การรับรู้ให้เป็นบรรยากาศของชีวิตที่ดีงามต่อไป ผู้ใหญ่คำว่าโรงเรียน เรียนอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ บวก ลบ คุณหาร มันไม่ใช่แล้ว คำพูดที่ว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ตรงกับเจตนารมย์ที่เป็นโรงเรียนของแม่ ทุกสิ่งเสริมต่อชีวิต “คือการเรียน”

ปีนี้น้ำท่วมนาน น้ำลด ปลาตัวคลักอยู่ในนา ในบึง ในหนองเยอะ ชาวนาปลาที่ได้ส่วนมากจะเก็บไว้ทานนาน ทำปลาเค็ม ปลาย่าง น้ำปลา และปลาร้า ตอนเป็นเด็ก น้ำลดใหม่ๆ จะมีปลาสร้อยว่ายมามากมาย คุย ส่งเสียงลั่น น้ำกระเซ็น มองเห็นโดดขึ้น-ลง เหมือนกับบอกชาวบ้าน จะมาจับไปทำอาหารเชิญ ครับปลาสร้อยตัวเล็ก ขนาดเดียวกับซาดีน อยู่น้ำตื้น กินอาหารริมฝั่ง เป็นอาหารของปลาใหญ่ วงการอาหารบอกว่าคนขาดแคลเซี่ยม กินปลาพวกนี้ กินทั้งเนื้อและกระดูกจะบำรุงกระดูก ปลาสร้อยเขาทำน้ำปลาอร่อย ส่วนตัวชอบให้แม่ต้มเค็ม แม่จะทอดปลาก่อน น้ำใส่น้ำตาลปีบ น้ำส้มมะขาม กระเทียม แม่ชอบขิง เคี่ยวจนน้ำงวด ชิมรส หวาน เปรี้ยว เนื้อปลาแข็ง แต่นุ่มทั้งตัว เดี๋ยวนี้ปลาธรรมชาติมากมายสูญพันธุ์ ลดปริมาณ แม้แต่ยังพอมี แต่น้ำในแม่น้ำมีสารพิษ เกิดจากโรงงานเทน้ำที่มีสารพิษลงในน้ำ ถึงจะรู้ว่าผิดกฎหมาย แต่คนก็ยังกระทำอยู่ เพราะไม่ต้องเสียเงิน บำบัดน้ำเสียให้ดีก่อน จึงค่อยปล่อยน้ำลงคลอง

ชีวิตคนไทย ยิ่งมองถอยหลัง ไทยเราอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในป่ามีต้นไม้มีค่า มีสัตว์ป่า ทุกสิ่งที่เกิดเติบโตตามธรรมชาติ คือเพื่อนชีวิตของคนไทยเรา ชีวิตอยู่ใกล้ ผูกพันกับธรรมชาติ ชีวิตจะลดความฟั่นเฟือนทางจิต แต่พอถึงปัจจุบันความเป็นธรรมชาติลดลง ถึงมีก็เป็นอันตรายต่อชีวิต เราจึงเห็นว่า “คนไทยมีโรคสากลเข้ามาคุกคามชีวิตมากขึ้น” โรคสากลคือ มะเร็ง โรคจิต โรคเศรษฐกิจ และเป็นปัญหาหนัก “ภูมิความคิดทางปัญญาตกต่ำ” สถาบันดูแลความเจริญของโลก กำลังวิตกชีวิตคนมากประเทศ จะรับภัยจากตัวเองสร้างขึ้นอย่างสังคมไทย “เราติดวัตถุ เราต้องหาเงินมาชดใช้”

ก่อนพ่อจะตาย เรียกลูก พ่อดีใจที่เลี้ยงลูกเติบใหญ่เป็นคนดี พ่อเสียใจในส่วนที่พ่อไม่ได้สะสมสมบัติไว้ให้ลูก แต่ที่พ่อกำลังจะตาย อยากให้คติกับลูก ควรใช้มัน

คืออย่าสะสม คำว่าสะสม จะเหมือนกับคำเตือนสติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง” หลักศาสนาจะสอนเกี่ยวกับความโลภ การใช้เงิน และทุกอย่างควรมีสติ แม้แต่หลักเศรษฐศาสตร์ คำสอนรู้จักเพิ่มเงินทุน รู้จักใช้เงินให้คุ้มค่า รู้จักบริหารเวลา แม้แต่หลักการศึกษา รู้จักใช้ปัญญาคือความรู้ใคร่ครวญถึงผลได้ผลเสีย คงจะเหมือนหลักพุทธศาสนาที่บอกว่า มีเหตุ ย่อมมีผล ซื้อของมาก ใช้ไม่คุ้มค่า ยิ่งรัก หวง ห่วงสมบัติ ความรักวัตถุเพิ่มมากมาย และคนที่ติดวัตถุ สุดท้ายวัตถุจะเป็นนายตัว เจ้าของเหมือนเลี้ยงหมา หมาเจ็บ ป่วย บางครั้งเป็นโรคร้าย อย่างมะเร็ง ต้องเสียเงิน ผ่าตัดรักษา และผลของการผ่าตัด เราไม่สามารถรับรู้ความเป็นปกติของหมาได้ หมาอยู่ได้ 16-18 ปี เต็มที่ก็ตาย แต่เงินที่ลงทุนมากมาย หลายคนรักหมามาก หายตายร้องไห้ เสียใจ นี่คือลักษณะวัตถุเป็นนายเจ้าของ

สิ่งที่พ่อสอน เพื่อต้องการให้เติบโตทางความคิด เมื่อมีความคิด ย่อมเชื่อมั่นในสิ่งถูกต้อง ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกต้อง สิ่งที่ไม่ถูกต้องเราตอบกับตัวเองคือการเรียนรู้ เพื่อสู่ปลายทางของความสำเร็จ

ไม้ไผ่ สำหรับนั่งพักผ่อน คุย แม้แต่ทำงาน แคร่ไม้ไผ่เป็นสารพัดประโยชน์ บ่อยครั้งแม่จะมาเอน งีบ ช่วงอากาศร้อนตอนกลางวัน แคร่ใต้ถุน แดดส่องไม่ถึง ลมเย็นตลอดเวลา แม่เอากระดานดำมาแขวนที่เสา แม่เอาไว้เขียนมากสิ่งเตือนกันลืม และที่ใต้ถุนบ้าน แม่เรียกว่าโรงเรียน จะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ สามารถถ่ายเทความรู้กันได้ที่นี่ ความคิดของแม่ โรงเรียนไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่โรงเรียน หลวงตั้งกฎเกณฑ์ แม่เคยคิดว่าความรู้ที่เด็กได้รับถึงจะเจริญดีงามทัดเทียมโลกภายนอก แต่มากสิ่งความรู้ก็ไม่เป็นตามความต้องการของชาวบ้าน ชาวบ้านสอนลูกหลานเองน่าจะตรงจุดกว่า