ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 28 เมษายน 2561

กางมือนับนิ้วมือ เกิน 10 วันที่อยู่กรุงเทพฯ หลับสบายทุกคืน แปลกอยู่อเมริกา ชอบดูละครไทย เมียชอบฟังข่าวไทย เมียบอกถึงจะมาอยู่อเมริกานาน แต่ข่าวและความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยควรรับรู้ไว้ สำหรับละครไม่เคยเปิดดู

จะกี่วันกรุงเทพฯยิ้มแย้ม ต้อนรับ ไม่เคยหน้าบึ้ง ไม่เพียงผม คนกรุงเทพฯ มากมาย ทุกถนนจะซอยเลยย่านธุรกิจ หรือถนนสายหัวใจธุรกิจ คนเดินขวักไขว่มากมาย คนพูดกับตัวเองคนเยอะแยะไม่เวียนหัวบ้างหรือ คำตอบน่าจะได้รับ มีถึงจะรำคาญ เวียนหัว แต่ถ้ายังขืนนั่งคู้ที่บ้านไม่ทำมาหากิน แล้วจะมีอะไรกินล่ะ ก็ต้องรีบลุกแต่เช้าไปหาเงินทอง หลายคนบอกชอบเดินปะปน

คนมากมายแตกต่าง การแต่งกายราคาเครื่องแต่งกาย หน้าที่การงาน อุปกรณ์ชีวิต บ่งถึงความแตกต่าง จะพอใจหรือไม่ถึงอยากยกระดับ แต่เมื่อทำไม่ได้ ก็น่าจะพอใจจริงไหมเหมือนคนพูดจ้องหน้า ลามากระทบความรู้สึกเกิด จริงจ๊ะ เพียงอยากรู้ถึงความรู้สึก

กรุงเทพฯ คงจะมีคนไม่มีบ้าน แต่อาจต่างจากอเมริกา อเมริกาคนไม่มีบ้านเพิ่มตลอดเวลา หลายวันผมขับรถไปเมืองโอ๊คแลนด์ ผู้บริหารเมืองเป็นผู้หญิง ความคิดทันสมัยถึงตัวเองจะเป็นพวกมีเงิน มีสติปัญญา ชีวิตคลุกคลีกับความสบาย แต่ความคิด และการปฏิบัติต่อคนด้อยโอกาส เสมอ ทัดเทียม และมองคนนอนตามริมถนนด้วยความสงสาร คงจะคิดที่ว่าคนเหล่านั้น นอนตากแดด ตากฝน เสื้อผ้าไม่ซัก น้ำไม่อาบ จะเข้าส้วมฉี่หรือปวดท้องหนัก ยุ่งยากลำบาก ชีวิตก่อนมาถึงวันนี้ อาจเคยมีครอบครัว มีลูก มีหลาน ครอบครัวเคยอบอุ่น แต่พอวันหนึ่งเศรษฐกิจตกต่ำ บ้านถูกยึด ถูกปลดงาน จิตเคยใส เริ่มขุ่นมัว กังวล ความสมบูรณ์ของชีวิตขาดวิ่น หมดความละอายต่อตัวเอง คืออดทนหางานทำ ขยันมานะ แม้แต่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม

แมร์ของโอ๊คแลนด์ มีจิตเวทนาถึงคนไม่มีบ้าน จะทำให้บ้านเมืองสกปรก อยู่ที่ไหน จะนำกองขยะทิ้งเรี่ยราด ผมขับรถผ่านเมื่อวาน ย่านคนไม่มีบ้าน ซิตี้เอาส้วมที่เรียกว่า “พอร์ทเทเบิ้ล” มาวางไว้ใกล้ๆ เชิญใช้ตามความต้องการ ความสะอาดซิตี้ไม่บอกว่าช่วยกันดูแล เพราะเข้าใจถึงความรับผิดชอบของเขา ความคิด “ทำตามจิตใจพออำนวยก็แล้วกัน” เมืองโอ๊คแลนด์คนต่างชาติเยอะ คนจีนเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเวียดนาม คนผิว และเม็กซิกัน รัฐบาลเคยบอกให้ดูแล ตรวจขันคนอยู่ไม่ถูกต้องด้วย แมร์โอ๊คแลนด์ พูดว่าคนต่างชาติ ถึงจะอยู่โดยไม่ถูกต้อง ต่างก็ดูแลตัวเอง และครอบครัว หนีมาจากบ้านตัวเอง เพื่อเริ่มชีวิตใหม่จากคนรักใคร่ และสำคัญงานหนัก คนท้องถิ่นคือคนของชาติไม่ทำ อย่างเก็บผัก แบกดิน แบกปูน จ้างทำไม่ครบ 8 ชั่วโมง พวกเขาสร้างความเจริญให้เมือง สามารถเก็บภาษี จะประเภทซื้อของใช้ ซิตี้เงินหมุนเวียนเกิดจากคนเหล่านี้ น่าจะขอบคุณเขามากกว่า พอถึงวันหนึ่งพวกเขาก็เปลี่ยนเจริญขึ้น

เดือนธันวา กรุงเทพฯ เคยหนาว แต่คืนนี้ วันนี้ หลายๆ วันผ่านมา อากาศกำลังดี มีฝนตกมาวันหนึ่งจี๊ดเดียว คนตากผ้า ตากปลา และมีความคิดจะออกนอกบ้าน หยุดชะงัก เผลอเดี๋ยวแดดจ้า ฝนหยุด ฝนตกเพียงชั่วขณะ ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ก็ชูใบกิ่งดอก ใบเคยเต็มไปด้วยฝุ่น ถูกชะล้าง ถ้าใบพูดได้ คงบอกของคุณฝน ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นทุกวัน เคยคิดกลัว สักวันจะสำลัก ฝุ่นเกาะตามใบ ระบบถ่ายเทอากาศและน้ำติดขัด ถึงจะยังไม่ตาย ชีวิตก็เฉา

สำหรับผมต้นไม้พูดก็สามารถปรับตัวได้ แต่กลัวพวกคุณไร้สุข เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับกรุงเทพฯ คือไทยนั่นเอง คนไทยมองเห็นความสำคัญตัวเองมากกว่าระบบสังคม เขาบอกว่าสังคมทำลายธรรมชาติ อีกไม่นาน น้ำสะอาดคงจะไม่มีกิน เพราะน้ำประปาก็หาแหล่งน้ำที่สามารถเก็บรักษาให้ปราศจากสารพิษคงจะไม่ได้ เพราะแหล่งน้ำที่สกปรกจะไหลรวมกับแหล่งน้ำที่เราใช้ประจำวัน

คนกรุงเทพฯ เคยมองผม ทำปากคิกคัก เธอเป็นคนแปลกหน้า มาได้อย่างไร ผมอยากรู้ว่าคิดอย่างไรผมคือคนแปลกหน้า รู้ซิ กลิ่น รสนิยม แม้แต่ของติดตัว ผมยิ้ม ผมคือคนกรุงเทพฯ ยังชอบข้าวขาหมู ข้าวหมกไก่ และผัดไทย อ้อผมมองหน้าคนสงสัย ผมชอบบะหมี่น้ำ เส้นบะหมี่เหนียว รสต้มยำ แต่ผมนิยมนั่งกินในร้านมากกว่า เพราะเครื่องปรุง อย่างลูกชิ้น หมูต้ม คุณภาพยังรู้สึกว่า รสยังปกติ คือสะอาด

ผมถึงจะไม่มากรุงเทพฯ บ่อย เหมือนเพื่อนบางคน แต่ทุกครั้ง จะไปถิ่นที่เติบโต เรียนหนังสือ อยู่อาศัย คิดเสมอ เพื่อนตอนเรียนเป็นคนแถวนี้ ถึงบ้านเมืองเจริญก็น่าจะมีหลงเหลือให้เจอกัน อยากเจอเพื่อนเก่า อยากรู้ชีวิตช่วงเกษียณ ผมเดินเบียดเสียด บางเวลาว่างคน เคยเดินเข้าร้านกาแฟ “อุ้ยหลีฮะกี่” อยู่บนถนนเฟื่องนคร เลยคลองหลอดครึ่งบล็อก ร้านนี้โอเลี้ยงตั้งแต่กินมา รสยังเป็นเลิศ รสความอร่อยถูกจิตใต้สำนึก เก็บไว้ดื่มโอเลี้ยงที่ไหนจิตใต้สำนึกจะส่งรสของโอเลี้ยง มาเปรียบตอนจิตสำนึก กำลังดื่ม เสียงความคิดเห็นรสเดิมยังนำหน้าอยู่

วันนี้ผมก็แวะมาสั่งโอเลี้ยง มีคนนั่งหลายโต๊ะ อาจเป็นไปได้ คนวัยเดียวหลายคน อาจเคยเรียนห้องเดียวกัน ห่างหน่อยโรงเรียนและรุ่นเดียวกัน แต่จำไม่ได้เหตุผลกาลเวลาทำให้คนเจริญ เสื่อมไม่มีอะไรคงเดิม เหมือนกับคำที่พุทธองค์บอก ทุกสิ่ง เกิด ตั้งอยู่ และดับไป ปัจจัย คือความเปลี่ยนแปลงทางกายที่เราเห็นผิวหนังเหี่ยว ฟันปลอมหลายซี่ ใส่แว่นตา ผมขาว เสียงไม่ใสเหมือนเก่า ความคิดย่อมออกจากปากเหมือนคิด และกลั่นกรอง

ผมเคยไปโรงเรียนมัธยม ถามว่าโรงเรียนมีสารบันรุ่นไหม คำตอบไม่มี โอกาสเป็นไปได้ เจอะเจอ เดือนตุลาซีมีงานรุ่นของโรงเรียน ครับผมจดบันทึกไว้กับจิตใจสำนึกอีกเช่นเคย ถ้ามีโอกาสคือเงินซื้อตั๋ว สุขภาพนั่งนานไม่ขัดกล้ามเนื้อ จะหาโอกาสมา

กรุงเทพฯ ไม่เคยรังเกียจ คนที่ต่างชั้นวรรณะ คนรวยกรุงเทพฯ จะบอกว่ารักมากพิเศษ แต่ไม่กล้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนรวยสามารถสร้างรายได้ให้กรุงเทพฯ การแข่งขันกรุงเทพฯ ขึ้นติดอันดับในรายได้ ความบันเทิงในกรุงเทพฯติดความเจริญใจของคนมักมาก จะคร่ำครวญ เคยมีคนบอกว่า ที่มืด ที่อับ กรุงเทพฯ ทำให้ชีวิตไม่เคยหยุดความเหงา ความพอใจที่เรียกภาษาคนเคร่งศาสนาคือ กิเลส ตัณหา สามารถหาได้เสมอ คนทำงานหนัก ที่อาชีพแบกหาม งานทุกอย่างมีรายได้ ถึงไม่คุ้ม แต่ก็ยินดีทำ คนต่างจังหวัด ลาพ่อแม่ครอบครัวมาหางานทำในกรุงเทพฯ พอเริ่มมีงาน มีลูกเอาลูกกลับไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง

6 โมงเย็น ผมหยุดมองเห็นบ้านคนทำงานก่อสร้าง ยืนโพงน้ำอาบในก๊อก นุ่งผ้าขาวม้า ครับคงหมดงานวันนี้ ควันไฟรอดออกจากเพิงสังกะสี แม่บ้านคงเตรียมอาหาร ตกเย็น อาหารวางตรงหน้า มีเหล้าสักกัก ความเหนื่อยล้า ความเหลื่อมล้ำสังคม ความสงบเล็กน้อยเกิดขึ้น ถึงจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป กรุงเทพฯ อ้าแขนกว้างต้อนรับคนทำงานหนัก และพูดเอาใจ ถ้าขาดเพื่อนคนเหล่านี้ช่วยแบกหาม กรุงเทพฯ คงไม่มีตึกสูงๆ ไม่มีงานให้คนขายแรงงานทำ คนรวยย่อมหยุด