ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 25 พฤษภาคม 2562

ฝนหายหน้า หลังจากตกมานาน พอฝนหายถนนหลายสายแตกเป็นกลุ่มเป็นบ่อ คนเสียภาษีอย่างคุณอย่างผม อดที่จะแสดงความรู้สึก เวลาขับรถกระแทกหลุม อันตรายย่อมบังเกิดได้ ครับเมืองที่รับผิดชอบก็ไม่ทำตัวเฉยเมย ถ้าจะแสดงความไม่เดือดร้อนคงไม่ได้ เมื่อรายได้ของตัวมาจากภาษีชาวบ้าน ซิตี้ก็ต้องดูแลรับผิดชอบ จะนั่งบนเก้าอี้นวม ยกเท้าพาดกระดิกไปมา ไม่สนใจความเดือดร้อนที่ต้องใส่ใจ เดี๋ยวเถอะ ผมดูข่าวตอนไปอยู่กรุงเทพฯ จำไม่ได้ ท้องถิ่นของหมู่บ้าน จังหวัดไหน ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ประชาชนเดือดร้อน แม้แต่ฝาท่อ เอาคอนกรีตปิดไว้ สูงกว่าพื้นถนน นานวันไม่เคยดูแล รอให้ร้องเรียน จึงค่อยเริ่มลงมือทำ เสร็จเร็วเสร็จช้า ครับก็ต้องอดใจรอ ผมไม่เชื่อว่าคนกินเงินภาษีเฉยเมยได้ ตอนนี้ ผมจะเห็นคนดูแลท้องถนนเริ่มงาน แม้แต่ฝนตกก็ยังทำงาน เหตุผล เสื้อกางเกง หมวก ป้องกันฝนได้ และเครื่องมือการขุด กลบถนนทันสมัย สำหรับบ้านเรา การใช้แรงงานคนผมเห็นด้วยจะได้มีรายได้ ตรงข้ามกับบ้านผม เจ้าของบ้าน ลูกหลานซึ่งได้รับมรดกจากแม่ เสียชีวิตมาประมาณ 5 ปีแล้ว ทิ้งมรดกบ้านไว้ให้ลูกหลาน กำลังปรับปรุงได้จะอยู่เองหรือขายแม้แต่เช่า เสียงพูดไม่ได้ยิน “ขอบพระคุณครับพ่อแม่” ครับชีวิตคนที่เรียกว่าเป็นพ่อแม่ รู้จักหน้าที่ รับผิดชอบลูก เมื่อเต็มใจให้เขาเกิด ย่อมก็ต้อมมีเมตตาต่อลูก เลี้ยงดูใกล้ชิด พอถึงเวลาควรได้รับการศึกษา ก็ส่งเล่าเรียน ครับในโลกชีวิตของคน ถ้ามีการศึกษา ก็ย่อมรู้จักใช้ความรู้ทำงาน รับผิดชอบชีวิต และลึกไปไกลในอนาคต คือเป็นคนดีของสังคม

พ่อแม่มากคน นอกจากส่งเรียน ยังดูแลสมบัติส่งต่อให้ลูก ยิ่งอนาคต บ้านอยู่อาศัยราคาแพง และยิ่งบ้านตั้งอยู่ในท้องถิ่นเจริญ คนดีอยู่รอบๆโรงเรียน เรียนฟรี จากเด็กเล็ก จนจบไฮสกูล เป็นโรงเรียนดี ครูเอาใจใส่สอน ตราจการบ้าน และเป็นที่ปรึกษาเมื่อเรียนจบไฮสกูล เข้ามหาวิทยาลัยแนะความถนัด ความถนัดก็คือความพอใจในวิชา และเนื้อหาที่ชีวิตและจิตวิญญาณชอบ และมีความถนัด เรียนจบ ทำงานตามความชอบพอ ย่อมตรงกับหลักธรรมะ หน้าตาร่าเริง ยิ้มแย้ม ขยันทำงาน มีความรับผิดชอบ สุดท้ายย่อมมีความเมตตา ต่อผู้ตกทุกข์ลำบากยากเข็ญ ถ้าวัยมีครอบครัว ย่อมมีอำนาจในการเลือก อดคิดเดินผ่านคนไม่มีบ้าน นั่งมุมถนนแบมือขอเงิน อาจเป็นของกิน ผมกับแม่บ้านสาบานทำบ่อย พอส่งถุงมีขนมปังแฮม กล้วยหอม น้ำขวดหนึ่ง เปิดบิขนมปังกินลดความหิว ครับความหิวคนยากจนเป็นปัจจัยที่ทำให้ชีวิต อาจไม่คล่องตัวในการหางาน ปรับปรุงชีวิตยิ่งตัดสินใจนอนตามริมถนน ชีวิตย่อมสู่ทางตันในการมีงานหาเงิน อดคิด ชีวิตคนในโลก เกียจคร้าน ขยัน ย่อมมีเป็นความแตกต่าง คงจะเหมือนความรู้สึกดีชั่ว เป็นเรื่องของฮอร์โมน ครับปัดออกจากตัวเอง ที่จริงคงจะมีส่วนประกอบมากมาย หลายคนโวยผมไม่ใช่คนขี้เกียจ เผอิญเติบโตกับสลัมเลยชอบชีวิตง่ายๆ ผมขับรถผ่าน ที่อยู่พวกไม่มีบ้านบ่อย แถวบ้านผมไม่มี เหตุผล คนไม่มีบ้านจะไม่อยู่แถบบ้านคน ศูนย์กลางการค้า และย่านจอแจ เพราะจิตสำนึกน่าจะคิดว่า คนรังเกียจ ถ้าทำให้คนเดือดร้อนอย่างย่านธุรกิจ คนไม่อยากมาซื้อของเพราะพวกเขา ชีวิตพวกเขาย่อมถูกซิตี้ขับไล่ และเมตตาที่คนเคยให้ ก็สิ้นสุด มีวันหนึ่งแม่บ้านเดินเข้าไปซื้อแซนวิช มีผู้หญิงโฮมเลส ยื่นเงินบอกให้แม่บ้านช่วยซื้อแซนวิชให้ เพราะถ้าเขาเดินเข้าไปซื้อ คนยืนแถวและเจ้าของร้านรังเกียจ เคยบอกว่าสกปรก เสื้อผ้าเหม็น จริงที่เขาบอกคะ

นั่งมองลอดหน้าต่าง รถพีจีแอนด์อีมาจอดตรงเสาไฟฟ้า มีคนงานยืนรอข้างนอก 3 คน อีกคนยืนบน กระเช้าเลื่อนขึ้นลง ติดกับเสาไฟกำลังเปลี่ยนสายไฟใหม่ เข้าบ้านตรงข้าม บ้านของคนญี่ปุ่น ผมย้ายมาอยู่ 35 ปี บ้านคนญี่ปุ่นอยู่มานานประมาณ 10 ปี เจ้าของบ้านคือแม่อยู่กับลูก สามีเสียชีวิตไปนานแล้ว ครับระบบธรรมชาติ ผู้ชาย (สามี) แต่งงานคนรุ่นเดียวกัน ผมหมายถึงวัย เน้นอายุน่ะ โดยความเป็นปกติสามีจะเสียชีวิตก่อน ช่วงหลังผู้หญิงพวกความคิดสมัยใหม่ เมื่อธรรมชาติเป็นอย่างที่พูด แต่งงานกันในวัยเดียว พอถึงวันสามีตายก่อน พวกผู้หญิงความคิดปฏิวัติ พูดว่า พวกเราน่าจะเลือกสามีเด็กกว่าเล็กน้อย เหตุผลไม่ได้เกี่ยวกับข่าวที่พูดกัน ว่ากินเด็ก แต่หมายถึงเวลาตายจากกันจะได้ไม่ทิ้งช่วงให้อยู่เฝ้าบ้านคนเดียวนานปี เกิดความสมดุล

บ้านตรงข้ามลูกหลานแยกย้าย ตกลงขายให้หลาน ครับบ้านกำลังปรับปรุง เปลี่ยนหน้าต่างทุกบาน ภายในทุบส่วนที่ชำรุด เปลี่ยนรางน้ำใหม่ ประตูทางเข้าปกติกว้าง แต่ส่วนขวาและซ้ายเกิดฟุต ติดกระจกประตูเข้าออกกว้างตามประตูทั่วไป เมืองผมอยู่มา 35 ปี บ้านโดยเฉลี่ยชั้นเดียว เหตุผลเพราะด้านหลังเป็นภูเขา บ้านสร้างลาดลง ถ้าซิตี้อนุญาตให้สร้างบ้านสองชั้นจะบังวิวทะเลภายในซานฟรานซิสโกและสะพาน สำหรับเมืองไทย การสร้างตึกสูง บ้านอาจบังวิวแม่น้ำ ทะเลและสำคัญถ้าคนอนุญาตให้สร้างขาดจิตสำนึกเรื่องการถ่ายเทของอากาศ ครับก็แย่ เพราะโดยปกติกรุเทพฯแออัด เคยมีคลองเป็นที่ว่าง มีลม อากาศถ่ายเท และบรรยากาศเพื่อสุขภาพจิตของคนกรุงเทพฯ อย่างน้อยเวลาเดินไปทำงาน หรือตอนเย็น อาจตอนเช้าจะมอนิ่งวอล์คน่าจะสดชื่น

ประเทศชาติที่เจริญ กฎหมายคุ้มครองระบบผังเมือง ประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนจะได้มีที่เดิน อย่างพาร์ค เมืองผมที่ติดชายทะเลจะเก็บไว้ สร้างทางเดิน บางที่สร้างสนามเทนนิส สนามฟุตบอล มีพาร์คติดทะเลภายใน ซิตี้ออกกฎหมายเป็นที่ของสุนัข จะวิ่งเล่นปล่อยฟรี ไม่มีเชือกดึง จะอึหรือฉี่เชิญเถอะ แต่เจ้าของหมาต้องเก็บกวาด เกิดหมาดุ กัดหมาอื่น หรือทำร้ายคน ครับเจ้าของย่อมมีความผิด ขึ้นศาลเกือบทุกวัน จ่ายสูงสุด 5,000 เหรียญ เหตุผลเพราะศาลที่เรียกว่า People Court ปรับให้คู่กรณีที่ทำผิดไม่เกิน 5,000 เหรียญ และบวกค่าศาลอีก 150 เหรียญ คนแพ้ต้องจ่าย

บ้านที่ผมมองดู ลูกหลานย้ายไปรัฐเท็กซัส ครับเงินที่ขายได้ ล้านกว่า คงไม่มีหนี้ แต่เสียภาษี ผมหมายถึงภาษีที่เรียกว่า Sale Tax แต่เงินไม่ต้องรวมกับรายได้จากทำงาน ซิตี้ยกเว้น ถ้าเป็นบ้านอยู่อาศัยและอยู่เกินเวลาที่ระบุ เท็กซัสค่าครองชีพต่ำ เงินจากขายบ้าน ถ้าหางานไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน

บ้านที่ผมบอก ชั้นล่างเคยเป็นที่เก็บรถ แต่ไม่ใช้นาน เป็นที่สะสมสมบัติที่เรียกว่า Junk และมีหมา 2 ตัว เมื่อปรับปรุงบ้าน รื้อฝาใส่ไม้ใหม่ ทำหน้าต่าง ทาสี เจ้าของยิ้ม สามารถให้เช่าเดือนละหลายสตังค์ หมาส่งคืนซิตี้ ผมหมดปัญญาเลี้ยง ครับหลายคนเพิ่งจะเริ่มผันตัวเป็น Land Lord ควรศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคนเช่า เพราะมีหนีออกก่อนหมดเวลาสัญญาเช่า และยิ่งมีลูกหลายคน พ่อแม่อะไรก็ไม่ว่ากล่าวลูก ครับพอย้ายออกปวดหัวสกปรก ฝาเป็นรู ของใช้เตาน้ำมันเกาะหนา ของไม่เอาไปด้วย กองเกลื่อน มีบ้างท่อน้ำตัน ครับย่อมต้องมีเงิน “มัดจำ” และคนเช่าถ้ารักหมา รักแมว ดูแลมากกว่าเด็กๆ ข้อผูกมัดก็ต้องชัดเจน ขอให้มีโชค หลวงพี่ที่ให้คำแนะ ทุกสิ่งต้องอาศัยสติปัญญาพิจารณา