เวลา 2:30 PM เดินออกจากคลาสออกกำลังกาย สถานที่ YMCA อยู่เมือง “อัลบานี่” เป็นสถานที่ออกกำลัง ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังด้วยตัวเองมากมาย เดินผ่าน “ออฟฟิศ” ของสถานที่ออกกำลัง ดึงบัตรออกจากกระเป๋า ทาบหน้าบัตร เสียงดัง เท่ากับตอบรับ ลงทะเบียนแล้วยังไม่หมดอายุ
การเข้าไปออกกำลังต้องจ่ายเงิน คำพูดในยุค “ปัจจุบัน” ของฟรีหมดยุคแล้ว ผมยิ้มกับตัวเองรับเสียงก้องอยู่ในความคิด “จริงครับ” เงินที่ได้มาทุกวันของผม และทุกคนเกิดจากการทำงานระบบการทำงานเป็นระบบที่ “ดีงาม” ระหว่างทำงานเกิดป่วย ไม่สามารถทำงานได้ ก็ยังได้เงิน ดูแลตัวพอหายจะได้กลับมาทำงานใหม่
วันนี้ วัยผม 86 ปี ย่าง ระบบกวาดรวม ผมเป็นผู้สูงอายุ ผมหันมองตัวเอง ที่กำลังนั่งอยู่บนแป้น ขายืดตรง วางบนแป้น ถีบเข้าออก ครับวัยอย่างผม ขา เข่า เท้า มีค่าต่อชีวิตมาก ต้องดูแล รักษา ออกกำลัง จะได้เดินได้
ที่ออกกำลังอยู่เหมือน “อัลบานี่” ผมอยู่เมือง เอลเซอริโต้ ติดกันจากบ้านผมไปออกกำลังระยะทาง ราวๆ ไมล์เดียว ไม่ไกล แต่ถ้าเดิน “วัย” สูงอายุอย่างผม การเดินคงใช้เวลา และอดคิดยิ้มกับตัวเอง คงหยุดหลายครั้ง “พักขา”
พูดถึงการเดิน ทุกวันผมจะเห็น ผู้หญิงหน้าตาชาวต่างชาติ จะเดินผ่านบ้านผมทุกวัน บ้านเธอคงอยู่บนเนินเขา หลังบ้านผม เธอจะเดินลงและขึ้นทุกวัน อดภูมิใจกับเธอ เกี่ยวกับระบบการดูแลสุขภาพตัวเธอเอง คือมี “วินัย” เดินทุกวัน เธอจากท้วมหลายปีผ่าน วันนี้เธอดู “สมส่วน” เสียงสาธุ อนุโมทนา ต่อชีวิตขยันเพียรดูแล ชีวิตผมอยู่ในวัยดูแลตัวเอง อยู่กันสองคนกับแม่บ้าน
ชีวิตผมตอนเป็นเด็ก อยู่บ้านกับพ่อแม่ คงเหมือนกับทุกคน พอโตขึ้นอย่างผมพอเข้ามัธยม ผมเกิดอยุธยา พ่อแม่พาผมไปอยู่อาศัยที่กรุงเทพฯ อยู่เป็นศิษย์วัดราชบพิธ อยู่กับสมเด็จพระสังฆราช
สังฆราชท่านเป็นคนอยุธยา บ้านติดกับผม ลูกหลานท่านที่อยุธยา เหมือน หลายรุ่น ไปอาศัยอยู่วัด เป็นศิษย์วัดอยู่กับท่าน ตอนอยู่กับสังฆราช นอกจากอยู่ฟรี น้ำไฟไม่ต้องจ่าย อย่างผมอาทิตย์ละ 2 คืน ท่านจะเรียกผมไปสั่งสอน ส่วนมากจะสอนการขยันเรียน “ท่านบอกว่า การศึกษาคือความรู้ เป็นแหล่งของปัญญา สามารถพัฒนาตัวเอง แม้แต่การมีงานดีๆทำ ตามคุณสมบัติของความสามารถของพื้นภูมิปัญญาของเรา
ตอนผมเป็นลูกศิษย์ สมเด็จพระสังฆราชมีศิษย์ ด้ายกัน 4 คน ทุกคนเป็นญาติ สมเด็จพระสังฆราช แต่ผม สังฆราชจะเรียกไปคุย ซักความสนใจในการเรียน คะแนนที่ได้ กิจกรรม ช่วงเรียน วางแผนชีวิตเรียนอะไร
ผมอดจะคุย ความคุ้นเคยที่ สมเด็จ พระสังฆราช มีต่อผม ตอนผมเรียนประถมศึกษาที่ อยุธยา เป็นโรงเรียนที่สมเด็จพระสังฆราชท่านสนับสนุนทุกปี ปลายเทอมหลังจากการสอบสิ้นสุด โดยเฉพาะหลังประถมที่ 4 ท่านจะไป แจกประกาศนียบัตร
ผมได้รางวัลเรียนได้ที่หนึ่ง จากชั้นประถมหนึ่งถึงประถมสี่
เหตุผลที่เล่าเพราะพอจบประถม แม่นำผมไปฝากอยู่กับสังฆราช สอบเข้าเรียนมัธยม วัดราชบพิธในวัด ผมสอบได้ อาศัยวัดหลับนอน กินอาหาร ได้รับการอบรมจากจากสมเด็จพระสังฆราช
ช่างโน้น เด็กวัดมีมาก ทุกวันอาทิตย์ ช่วง 4:00 PM เด็กวัดต้องเข้าโบสถ์ สวดมนต์ รับการอบรม
ผมเป็นศิษย์วัด อยู่ 6 ปี เต็ม อยู่กับเด็กวัดเป็นญาติ รวมมี 4 คน ทุกคนเรียนและออกจากวัดหลังจากจบ ม.6 รุ่นผม มีหลาน เข้าโรงเรียนนายร้อยได้ แวะมาเรียนต่อโรงเรียน “เวสป้อย”
พูดถึงการอยู่วัด ผมชอบ มีเด็กวัยเดียวกันหลายคน ทุกเช้าเสาร์-อาทิตย์ จะลุกราวๆ 5:00 AM เจอกันหน้ากุฏิสมเด็จพระสังฆราช หน้ากุฏิเป็นลานกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น มีโต๊ะนั่งร่มเย็น สงบ หลังจากนั้นพวกเราจะเดินคุยกันไปสนามหลวง ไปวิ่งรอบสนามหลวง หลังจากนั้นเดินไป หาอาหารทานท่าพระจันทร์ ทางข้ามเรือไปฝั่งธนและโรงพยาบาลศิริราช
ผมชอบนั่งร้านกาแฟ ดูเรือ โดยเฉพาะเรือพ่วง คำว่าเรือพ่วง คือมีเรือยนต์เป็นเรือ วิ่งโดยเครื่องยนต์ ชักลากเรือพ่วง เรือพ่วง คือ เรือลำโตภายในบรรจุข้าวมากมาย ไปโรงสี ช่วงไปโรงสี ข้าวที่นำไปเรียกว่าข้าวเปลือก พ่อค้าคือ เจ้าของเรือข้าว ไปซื้อข้าวที่เรียกว่า ข้าวเปลือก คือข้าวสาร แต่มีเปลือกหุ้ม หลังจากซื้อข้าวจนเต็มเรือ หลายสิบเกวียน “คำว่าเกวียน คือ หนึ่งเกวียนต่อข้าว 100 ถัง”
ตอนเป็นเด็กประถม ผมได้รับการเรียนรู้เรื่องค้าขายข้าวจากพ่อแม่ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยเฉพาะช่วงปิดภาคเรียน พ่อแม่จะอนุญาตให้ไปเรือข้าวกับพ่อแม่ได้ เมื่อซื้อข้าวเต็มลำเรือหลายสิบเกวียน คำว่าเกวียน คือ 100 ถัง พ่อแม่จะนำข้าวหลายสิบเกวียนไปโรงสี คำว่าโรงสี คือที่เอาเปลือกข้าวออกจากเมล็ดข้าว “ข้าวที่ออกจากเปลือกเรียกข้าวสาร” โรงสีจะคัดข้าว ช่วงเป็นข้าวเปลือก แยกด้วยเครื่อง เมล็ดข้าวแยกจากโรงสีข้าว ส่วนแรกเป็นเปลือกข้าว ส่วนสองเป็นข้าวสาร ข้าวสารแยกเป็น ข้าวแตกไม่เป็นเมล็ดข้าว เรียกว่า ปลายข้าว แยกต่างหากจากเมล็ดข้าว
ครับผมพูดเรื่องเก่า ช่วงอายุราวๆ ต่ำกว่า 10 ปี และสูงกว่านิดหน่อย ก่อนถึงเริ่มเรียนมัธยม
โลกยุควันนี้ เจริญและพัฒนาไปมาก เหมือนตอนนี้ เวลา 7:30 AM ของวันจันทร์ การมีชีวิต และการใช้ชีวิตที่ต่างวัยแตกต่าง อย่างช่วงวัยเรียนมัธยม วัดราชบพิธ ทุกเช้าวันเสาร์และอาทิตย์ จะตื่นราวๆ ตี 5:00 AM เหมือนศิษย์วัด หลายคนมาปลุก “รอ” หลังจากนั้นจ๊อกกิ้งจากวัดราชบพิธ ข้ามสะพาน คลองหลอด จ๊อกกิ้งหรือเดินผ่านสนามชัยไปจ๊อกกิ้ง 1 รอบ สนามหลวง พอวิ่งเสร็จเดินไปท่าพระจันทร์ เป็นท่าเรือข้ามฟากไปโรงพยาบาลศิริราช หรือเมืองธนบุรี
ไปเดินเล่น หาอาหารทาน ครับการท่องเที่ยววัยมัธยม ส่วนมากจะอาศัยเดิน วัยมัธยม ชอบไปเดินเล่นหลายที่ สลับกัน บางอาทิตย์หลังจากวิ่งไปบางลำพู หาโจ๊ก หรือปลาท่องโก๋ทาน บางวันเสร็จไปท่าพระจันทร์ นั่งทานอาหารง่าย บางเช้าชอบทานโดนัท บางวันชอบร้านข้าวแกงริมถนน
ตอนเป็นเด็กมัธยมยุคผมชอบไปย่านบางลำพู ย่านวังบูรพา ย่านท่าพระจันทร์ บ่อยครั้ง เดินไปสะพานพุธ และไปเดินเล่น แถววังบูรพา
ครับวัย วัน เวลา ต่างกัน ช่วงผมเรียน วิทยาลัยครูบางแสน วันหยุดชอบเดินไปชายหาด หรือไปหาของกินตลาด
ช่วงเรียน วิทยาลัยออริกอน วันหยุด ชอบไปซ้อมกอล์ฟ
ช่วงทำงานจะตื่นแต่ตี 5:00 AM ไปซ้อมกอล์ฟ พอถึงวันนี้ ตื่น 5:00 AM ทุกวันลืมตาบนเตียง ยกเท้า แขน บิดตัว ลุกจากเตียงออกไปหลังบ้าน เดินรอบหลังบ้าน เป็นพื้นต่างระดับ บันได 4 ขั้น บางวันซ้อมกอล์ฟใต้ต้นไม้ ตีใส่ตาข่ายรอบรั้วบ้าน บางวันจะนำกาแฟร้อนๆ มานั่งโต๊ะที่ศาลาบ่อ บ่อน้ำร้อนมองวิว ซานฟรานซิสโก เมืองเซ้าท์ซาริโต้ วันหยุดแดดจ้ามองดูเรือใบ อดนึกถึงช่วงเด็กพายเรือเล่นในแม่น้ำ