ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ตามหลานไปเรียนภาษาไทยที่วัดมงคลรัตนาราม ตอนที่ 6

โรงเรียนสอนภาษาไทย วัดมงคลรัตนาราม เริ่มกลางเดือนมิถุนายน ถึงกลางเดือนสิงหาคม เรียนอาทิตย์ละ 4 วัน วันอังคารถึงวันศุกร์ เวลา 10.00 AM ถึง 3.30 PM ถ้าเรียนภาษาไทยอย่างเดียว 100 เหรียญ ถ้าเรียนเพิ่มดนตรีไทยและนาฏศิลป์ เพิ่มอีก 100 เหรียญ คงคิดว่าไม่แพงเลยใช่ไหมล่ะ เด็กเรียนภายในวัด นอกจากปลอดภัย ยังสะสมคุณธรรมของชีวิต

ทางจิตวิทยา บอกเสียงดังว่า เด็กทุกคนเกิดมาย่อมสะอาด บริสุทธิ์ เด็กทุกคนเป็นแบบอย่างของสังคมเป็นคนดี เขาบอกว่า มาจากปัจจัยดีๆ สองอย่าง พันธุกรรม สีผม หน้าตา อุปนิสัย ความเฉลียวฉลาดได้มาจากพ่อแม่ และมองลึกปู่ย่าตายาย มีส่วนทั้งนั้น ถ้าพ่อแม่รักและอบรมสั่งสอน ครับแน่นอนลูกย่อมเกิดเติบโตไม่มีสิ่งไม่ดีต้องกังวล อีกอย่างสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน บ้านล้อมรอบด้วยเด็กเกเร ลูกเรายากที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพราะพฤติกรรมไม่ดีงาม ถึงเราไม่ร่วมวง แต่เห็นทุกวัน ย่อมหยั่งลงในจิตใจ โรงเรียนสำหรับผมถือว่าสำคัญมาก เพราะการเริ่มการศึกษานอกบ้าน คือโรงเรียน ถ้าเด็กในโรงเรียน เด็กกระตือรือร้น ลูกหลานเราก็คงมีพฤติกรรมอย่างนั้น ยิ่งมีครูดีเอาใจใส่ รัก ดูแล ครับนอนหลับสบายหมดห่วง เคยคิดไหม อาชีพครูเป็นอาชีพพิเศษ คนเรียนครูย่อมรักที่จะสอนเด็ก เด็ก 20-30 คนแตกต่างทุกอย่าง แต่ครูสามารถหลอมให้เป็นเด็กดี ขยัน มานะ เติบโตเป็นพลังดีของสังคมต่อไปของประเทศชาติ

ผมคุยกับผู้ปกครองหลายคน ชอบโรงเรียนเอกชนมากกว่าโรงเรียนรัฐบาล เหตุผลตัวครูเอาใจใส่ โรงเรียนคัดครูมีความสามารถ ตัวเด็กเองถือเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะเป็นคนเรียนมองเห็นความจำเป็นของการเรียน และชีวิตมีจุดหมาย "มหาวิทยาลัย" โรงเรียนเอกชน สิ่งที่เหมือน เด็กขยันเรียน เรียนดี พ่อแม่มีจุดยืนหนึ่งเดียว ลูกต้องเรียนจนจบ พ่อแม่พูดว่าถึงค่าเทอมจะแพง จะทำคนสองจ๊อบ จะรอให้ตายก่อนค่อยให้สมบัติ แล้วไม่สนับสนุนการเรียนกลัวว่าจะสายเกินไป โรงเรียนเอกชนดีๆ มีหลายแห่งไม่ไกลจากวัดมงคงรัตนาราม เป็นโรงเรียนที่พ่อแม่กล่าวถึง อย่างโรงเรียนไฮสคูล คอลเลจพร็อบพอราทอรี่ รับเกรด 9-12 แต่ละห้องเด็กน้อย สอบเข้าแข่งขันสูง โรงเรียนเฮ็ดลอย รับจนถึงเกรด 12 โรงเรียนเบนเล่ย์ โรงเรียนพวกนี้ เข้ายากค่าเล่าเรียนแพง คงอยากรู้เท่าไหร่ ที่ว่าแพง ปีละเฉลี่ย 28,000 เหรียญ แพงกว่าค่าเทอมมหาวิทยาลัย

ถ้าถามผมคุ้มไหม ครับโรงเรียนดีๆ คือพื้นฐานไม่ใช่การศึกษาที่ได้เท่านั้น การสร้างความมานะให้กับจิตใจ จำเป็นด้วย เด็กพวกนี้จบแล้วเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ

ผมถามพระว่าความแตกต่างของเด็กที่เรียกว่าโอกาส คืออะไร โยมคือบุญกุศลที่แต่ละคนสะสมมา โยมลองดูรอบๆ ชีวิต ที่รู้จักและสัมผัสคนมากมาย ทำไมแตกต่าง ก็เพราะการสะสมคุณความดี ผมคุยกับเพื่อนเพิ่งเดินออกจากโบสถ์ หน้ายิ้มบอกว่าได้ทำบุญเอาเงินใส่กล่องต่อหน้าหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อมงคล และเจ้าแม่กวนอิม เงินที่ใส่ระบุบำรุงวัด ค่ารักษาพยาบาลพระ มีความรู้สึกสุข ลดความเห็นแก่ตัว และเป็นส่วนเล็กๆ บำรุงพุทธศาสนา

ดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย ผมยอมรับว่าจำเป็น เคยอ่านหนังสือ คนสนับสนุนให้ลูกเรียนดนตรี นานวันใจจดจ่อต่อการเล่น มีสมาธิเวลาว่างจะหยิบดนตรีมาเล่น ก่อนโน้นวันว่าง มีเวลาหยุดจะถามพ่อแม่ออกไปกับเพื่อน แต่พอเล่นดนตรี ว่างมีเวลา จะขลุกอยู่กับการเล่นดนตรี มีความรู้สึกว่าลูกเล่นได้ดีขึ้น มีสมาธิ ผลการเรียนก้าวหน้า อ่านผลการวิจัย เกี่ยวกับเด็กๆ เล่นดนตรี เมื่อจิตมีหนึ่งเดียว และฝึกจนเป็นความเคยชิน จะเรียนหรือเล่น จะทำได้ดี นักวิจัยบอกว่าเส้นสมองจะแตกตัว คนฉลาดรากฝอยจะแผ่ ขยายอาณาเขตกว้าง คงเหมือนต้นวัชพืชปลูก เติบโตง่าย ถ้าถอนรากฝอยจะเยอะ ขยายหาอาหาร ถ้าเป็นคนด้วยแล้วจะหลั่งสารความสุข ถ้าสังเกตลูกๆ จะเป็นคนเรียบร้อย มั่นใจตัวเอง ยิ้ม ไม่ฉุนง่าย และกล่าวเตือนง่ายต่อการอธิบายเหตุผล ครับถ้าลูกคุณมีปัญหา ลองดู ดนตรีให้สิ่งดีๆ มากมายกับชีวิต โดยเฉพาะดนตรีไทย อยู่ต่างประเทศ ย่อมเพิ่มเอกลักษณ์ พระที่วัดบอกว่า เด็กเมื่อชอบ เกิดความมั่นใจจะมีมานะ การคบเพื่อนง่าย เล่น สนุก แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา มีบ้างเด็กทะเลาะกัน อาตมาคิดว่า เป็นเรื่องปกติของเด็ก เพราะเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปมาที่วัด จะเห็นจับกลุ่ม วิ่ง เล่น เมื่อเล่นมีบ้างละอาจไม่เป็นดังใจ อาจโกรธ นี่ดีนะ เด็กๆ มีคุณครูคอยดูแล และเด็กก็เชื่อการตักเตือนของครู เดี๋ยวเดียวพอออกจากการตัดสินของครู ก็เล่นกันอีก เด็กอะไรๆ ที่เป็นพฤติกรรม เป็นการะบวนการพัฒนาความเจริญเติบโตของเด็กทั้งนั้น ขออย่างเดียว พ่อแม่อย่าถือท้ายลูก ผิดถูกพูดด้วยเหตุผล

หลวงพี่ท่านอธิบายต่อไป เด็กๆ ทุกคนเกิดในครอบครัวที่แตกต่าง อาจมีส่วนเล็กๆ ที่ครอบครัวสอน อบรม เหมือนการแบ่งของเล่น ให้อภัยเพื่อน พฤติกรรมของเด็กแต่ละคน พระท่านบอกว่า ทางพุทธศาสนา เรียกว่า "จริต" คือพฤติกรรมนั่นเอง จริตมีหลายอย่าง อย่างคนเรียบร้อย ตั้งใจทำงาน ชอบของสวยงาม เรียกราคะจริต ตรงข้ามทำงานเร็ว ใจร้อน เอาใจตัวเอง ไม่เรียบร้อยพระท่านเรียกว่าโทสะจริต แต่เด็กๆ ได้รับการสอน และมีความตั้งใจปฏิบัติดีงาม เข้าใจและรับรู้ มีความรับผิดชอบ จะเรียกว่า พุทธจริต ครับยังมีอีกหลายอย่าง

หลวงพี่พูดต่อว่า ดีใจนะโยม เมื่อมาส่งลูก โยมก็เข้ากลุ่มกับพ่อแม่เด็กๆ อยู่วัดทำประโยชน์ให้วัด เหมือนกับโยมบางคน มีความรู้ทางภาษาอังกฤษเกิดและเติบโตที่นี่ จบมหาวิทยาลัย รับอาสาสอนพระ โยมเรณู บ้านอยู่เลยแฟร์ฟีล นั่งรถมาอยู่วัด อุทิศกายใจ ดูแลเกี่ยวกับอาหาร เช้ากลางวัน ให้กับพระ มีคุณลุงใหม่ เจริญพร สามีภรรยาชาวเขมร มาช่วยวัดตั้งแต่เริ่มสร้างจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมา อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันพุธพาพระไปซื้อของที่คอสโก้ และรับอาหารที่ร้านดานังส์ (เจ้าของตุ๊กแก) วันศุกร์มารับพระไปซื้อของ เพื่อเตรียมอาหารขายวันอาทิตย์ วันอาทิตย์ มาช่วยวัด เคยถามลุงใหม่ 30 ปีมาช่วยวัดตลอด มีความรู้สึกอย่างไร สุขกาย และสุขใจ

การทำคุณงามความดี ที่โยมกระทำเป็นบุญ บุญจะตกสู่ลูกหลาน อาตมาหมายถึง ลูกหลานมองเห็น รับรู้ความดีก็ค่อยซึมเข้าสู่จิตของลูกหลาน เมื่อเติบโตคุณความดี คือจริตของลูกหลาน โยมก็สบายใจหมดกังวล

เด็กมาเรียนภาษาไทย จากสิ่งที่ผมเห็นทุกวันเด็กมีความสุข มีเพื่อน ความรู้สึกของผม คนไทยเรานับถือพุทธศาสนา และหลักของศาสนา โยมมีเมตตาต่อกัน ถ้าผิดขอโทษ เขาผิดให้อภัย พระท่านสอนคนทุกคนมีประโยชน์ต่อสังคมเราทุกคน เราควรขอบคุณสิ่งดีๆ ที่ทุกคนอุทิศชีวิต แรงงานให้กับสังคม

แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ แม้แต่ความเชื่อตัวบุคคล ของนักการเมือง เราก็แยกกัน ทะเลาะ ทำร้ายกัน ทำไมเพียงแต่เรา ศรัทธาในความเชื่อของเรา และไม่ก้าวก่ายความศรัทธาของคนอื่น ความผาสุขก็ย่อมเกิด คงจะเหมือนเราทุ่มเทกับพุทธศาสนาอุทิศแรงงาน กายใจ มากมาย แต่ใครพูดไม่ถูกใจก็โกรธโมโห และสังคมไทยก็ยังชอบนินทาและสำคัญฟังความข้างเดียว กรรมแท้ ผมคุยกับพระท่านบอก รู้จักคิด พิจารณา เหมือนคำสอนของพุทธองค์ ฟังอย่าเชื่อทันที รู้จักคิด สิ่งไหนถูกน้อมรับ ชีวิตเราแม้แต่ผม เราศรัทธาเพียงฟัง "แต่เราไม่เคยน้อมใจ ใช้จิตพิจารณา"

ปัญหาต่างๆ ของชีวิต ความดี กับความไม่ดี ความทุกข์จะอยู่กับความสุข ความพอไม่พอดีของชีวิตจะอยู่กับความไม่ดี อาตมาสรุปได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ด้วยกันเสมอ เพียงแต่เรารู้จักพิจารณาเอาสิ่งดีมาเก็บไว้ ก็สุขใจแล้ว

คำตรัสของพระพุทธองค์ ความพอใจของมนุษย์ไม่มีคนไหน ได้รับเป็นความพอใจสูงสุดหรอก เพราะความอยากไม่มีสิ้นสุด วิธีแก้ โดยปฏิบัติตามคำสอน ค่อยเลิก ค่อยละ

อีกเรื่องหนึ่ง ที่อาตมาอยากคุยด้วย ชีวิตคน ปัจจุบัน ติดอยู่กับสื่อ อย่างอินเตอร์เน็ต ไอแพด คอมพิวเตอร์ เกมส์ โทรศัพท์ สิ่งเหล่านี้นับวันจะดึงเวลา ที่เราจะอยู่กับชีวิตจริงๆ หมดไป และสิ่งเหล่านี้ จะต่อท่อเข้ามาทำลายความเป็นตัวตน แม้แต่เวลาเราอยู่คนเดียวในห้อง จะหลับนอนและต้องการความสงบ

อาตมาสังเกต คนต่างจังหวัด เดี๋ยวนี้ชีวิตเขายังเหลือสิ่งดีๆ เป็นชีวิตประจำวัน อย่างอยู่กับพ่อแม่ พ่อแม่คือคลังความดีงามที่สร้างความรู้สึกให้กับเรา เขายังมีความสุขกับธรรมชาติยังมีสังคมที่เป็นธรรมชาติ

เพียงแต่อาตมา ให้ข้อคิด เตือนสติอย่าหลงวัตถุมากเกินไป แม้แต่อาตมาเองก็ยังใช้สิ่งเหล่านี้ เหมือนกับ ทำหนังสือวัด ข้อความ รูปเล่ม ต้องการแรงงานโยมมาช่วย อุปกรณ์ความสะดวกช่วยทั้งนั้น แต่อาตมาก็เตือนสติตัวเองตลอดเวลา ต้องมีเวลา ทำจิตให้มีสติ และสงบ ว่างให้ตัวเองเพื่อปฏิบัติธรรม

สำหรับอาตมาความมีสติ จะอยู่กับความสงบ ชีวิตพระมีกิจวัตร ที่เป็นชีวิตให้ตัดภาวะกิเลสได้ พระไม่ยึดติดสมบัติ มีเพียงเพื่ออยู่ พระต้องอยู่ร่วมกัน ต้องฝึกกับความแตกต่าง จิตอาจขุ่นมัวบ้างตอนใหม่ๆ นานไปเป็นความเคยชิน กลายเป็นประโยชน์ เรียนรู้ความอดทน ข่มใจ การสวดมนต์พระจะปฏิบัติร่วมกัน ความหมายของคำสวด บรรจุด้วยคุณธรรม ความดี ความเป็นมงคล ชาวบ้านอาจคิดว่า เป็นคำสวดที่นำโชคลาภมาให้ก็ได้ การกระทำ ปฏิบัติตาม ถ้ารับรู้ความดีได้ ย่อมเป็นสิ่งถูกต้องควรปฏิบัติ

โยม วัดมีที่สงบหลายที่ ความสงบของวัด โยมย่อมใช้เป็นที่สงบทางจิตใจ ถ้ามีปัญหาทางความคิดสามารถระบายได้ มากคนไม่สามารถระบายด้วยตนเอง แต่มากคนอาศัยปัจจัย จะเป็นความเป็นธรรมชาติ หรือตัวบุคคล เชิญครับวัดมงคลรัตนาราม เรามีทั้งตัวบุคคล คือพระสงฆ์ ทุกรูปมีความรู้ทั้งทางโลก คือจบมหาวิทยาลัยสงฆ์ สอนความรู้ทางโลก เพื่อการปรับตัวและสอนคนทั่วไป และเน้นการสอนทางธรรม พระพุทธองค์สอนโดยบอกเล่า สอนและอธิบายการแก้ปัญหา และสุดท้ายคือหนทางปฏิบัติ หลังจากหมดปัญหา ปฏิบัติเพื่อเป็นทางแก้ทุกข์ สร้างสุข

นอกจากตัวบุคคลทางวัดมีสถานที่ เราเรียกว่าการสัมผัสจากสิ่งแวดล้อม สถานที่ของวัดมีศาลาการเปรียญ โบสถ์ ห้องสมุด และที่กำลังจะคุยคือสวนของวัด พระพุทธองค์ บรรลุโดยอาศัยป่า และธรรมะของพุทธองค์ คือความเป็นธรรมชาติสวนของวัดถ้าเราเดิน ปล่อยใจกับพันธุ์ไม้ ชีวิตถึงจุดของความสงบ

สวนของวัดอยู่หลังโบสถ์ ระหว่างโบสถ์และสวนมีลานคอนกรีต ด้านหลังคอนกรีตเป็นสนามหญ้า ติดถนน หันหน้าออกถนน มาตินรูเทอร์คิงส์ ขวามือเป็นบ้าน มีต้นไม้สูงเหมือนต้นโพธิ์ร่มรื่น ทางซ้ายเป็นห้องสมุด ด้านหน้าของคอนกรีต เป็นร้านค้าของวัด วันอาทิตย์มีอาหารอร่อยรอการซื้อ

เกือบทุกเช้าผมเดินเข้าสวนหลังจากส่งหลาน ทางเดินรอบๆ เป็นอิฐ ทางซ้ายมือมีกระถางไม้ที่บ่มไวน์ ใช้เป็นสวนครัว มีต้นผักชี เพิ่งถูกเด็ดใหม่ๆ แม่ครัวคงจะปรุงซุปสำหรับมื้อกลางวันถวายพระ นึกแล้วเริ่มหิว