ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 23 มีนาคม 2567

ชีวิตทุกวันมีเวลามากมาย แต่ไม่เคยคิดถึงความเบื่อหน่าย ชีวิตผมจะเคลื่อนตัวตลอดเวลา ตื่นก่อนตี 5 ยกเท้ายกแขนข้างละ 25 หลังจากนั้นงอเข่า เคลื่อนไหวขึ้นลง ท่านอนตะแคง ถ้าตะแคง “ขวา” จะยกมือซ้ายเกาะ พาดไหล่ซ้าย ยืดเท้าขวาตรงไปข้างหน้า ครับร่างกายวัย 84 ต้องการออกกำลัง คือการยืดเส้น ให้ชีวิตยังมีความปกติ คือยังทำงานเดินไม่ปวดเมื่อย

สายหน่อยจะออกไปหลังบ้าน ครับหลังบ้านมี 2 ระดับจากบันไดลงไป ลูกเขยด็อกเตอร์มานิต เป็นหมอจบจากอังกฤษในปีเดียวกัน เรียนหมอที่อังกฤษ 4 ปี พร้อมกับลูกสาว แพทย์หญิงสุภัคร

ครอบครัวผม พอมาถึงวันนี้ ครบ 4 เจนเนอเรชั่น พ่อแม่ผม โดยเฉพาะแม่ ขยันเหมือแม่ของทุกคน ในต่างจังหวัดบ้าน ด้านหน้าบ้านติดแม่น้ำป่าสัก ปี 2024 มีโอกาสไปบ้านที่อยุธยา นั่งนอกชานบ้านมองดูแม่น้ำป่าสัก ยังมีแพผักบุ้ง ครับสมัยโน้นตอนเป็นเด็ก ผักบุ้งเป็นอาหารที่ผมชอบ จะนำมาผัดหรือแกง แม่ชอบนำมาต้ม จิ้มน้ำพริก ใต้แพผักบุ้ง จะเป็นที่อยู่อาศัยของปลา กุ้ง หอย และสิ่งที่สำคัญ แพผักบุ้งจะป้องกันตะหลิ่งจากคลื่นของเรือไม่ให้พัง

ครับสมัยโน้น ช่วงเป็นเด็ก ธรรมชาติเติบโต อาหารให้คน ริมตลิ่งเป็นทางลาดจากถนนหน้าบ้านลงแม่น้ำป่าสัก แม่จะทำสวนครัว ปลูกพริก มะเขือ ทำค้างปลูกถั่วฝักยาว คำว่าค้าง แม่จะเอาไม้ไผ่สูง 4-5 ฟุต มาเหลาให้เล็ก ปักเป็นเสา 2 ด้าน เอาไม้ไผ่ มัดติดกันระหว่าง 2 เสา แล้วระหว่างเสาร์ปักด้วยไม้ไผ่เป็นซี่ ตรงโคนปลูกถั่วฝักยาว ถั่วเจริญงอกงาม เลื้อยตามไม้ เวลาออกฝักถั่งจะห้อยยาวหลายนิ้ว สวย งาม ทุกเย็นจะนั่งใต้ค้างถั่ว อ่านหนังสือ

วันหนึ่งแม่เรียกมาคุย ไม่นานลูกจบ ป.4 ต้องไปเรียนต่อกรุงเทพฯ ครับชีวิตพ่อแม่ของทุกคน ท่านทำงานหนัก ใช้จ่ายเพียงประทังชีวิต เก็บเงินเพื่อลูก ให้ได้เล่าเรียนหนังสือ “ความคิดของแม่และพ่อทุกคน” ความคิดต่อลูก คือการให้การศึกษา ลงทุนส่งเงินให้ลูก ส่วนตัวพ่อแม่ประหยัด แม้แต่อดอยากก็ยอม

พอมาถึงรุ่นผม ภรรยาหลังจากลูกสาวเกิด วางแผนชีวิต ประหยัดเงิน คำพูดกับผม คือคำปรึกษา เราต้องลงทุนการศึกษากับลูก ให้การศึกษาที่ดี เพราะการศึกษานอกจากจะพัฒนาความคิด รู้จักดูแลตัว ยังมีจิตสำนึก ช่วงลูกสาวเกิด เหมือนทุกครอบครัวจะ “วางแผนอนาคตให้ลูก”

ภรรยาผมบอกว่า เด็กถ้ามีพื้นฐานการศึกษาแต่ด้านดี ความเจริญไม่เพียงกาย แต่จะเจริญทางใจและสติปัญญา (ความคิด) ภรรยาผมส่งลูกเรียนโรงเรียน “นามูระ” โรงเรียนเอกชนเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น ระบบที่ดีไม่เพียงสอนการเรียน ยังสอนความประพฤติ

พอโตวัยเข้าประถมและมัธยม แม่ลงทุนส่งโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อ College Prep วันหนึ่งที่วัดพุทธานุสรณ์ วัดแรกในเบย์แอเรีย ผมจะพาลูกไปวัด ทุกวันหยุดผมเชื่อ เรื่องศีลและธรรม คือการประพฤติ

วันหนึ่งเพื่อนลูกสาว “ล้ม” แขนครูดกับพื้น แขนถลอกเลือดไหล ลูกสาววิ่งไปในกุฎิ เอาผ้าสะอาดจุ่มน้ำมาเช็ด และนำสำลีชุบยามาปิด คำพูดของเด็ก (ลูกสาว) บอกว่าโตขึ้นจะเป็นหมอ

การเรียนหมอใช้เวลาอย่างน้อย 11 ปี หลังจากจบไฮสกูล ลูกสาว ตั้งใจ “เรียนหมอ” สอบเข้าเรียน ยูซีเดวิส เพราะมีหลักสูตรที่เรียกว่า “เตรียมแพทย์” เพราะที่นี่มีคณะแพทย์

จบ 4 ปี สมัครสอบไปเรียนหมอที่อังกฤษ อีก 4 ปี ครับหลังจากจบหมอจากอังกฤษใช้เวลา 4 ปี ได้ MD. ยังทำงาน เลี้ยวตัวยังไม่ได้ คือ อาชีพหมอต้องเรียนการมีประสบการณ์ทางรักษาคนเจ็บป่วย โดยการฝึกงาน ลูกสาวกลับอเมริกา ฝึกงานหมออีก 3 ปี ที่ “แอนด์อาร์เบอร์” การฝึกงานคือการเรียนที่เราเรียกภาษาชาวบ้าน คือการเรียนสัมผัสตรงกับความเจ็บป่วย ครับลูกสาวฝึกงาน (Residency) ที่แอนด์อาร์เบอร์ 3 ปี

รวมเวลาอย่างน้อยเรียนหมอหลังจากจบไฮสกูล ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 11 ปี

ปัจจุบันลูกสาวมีคลินิก 4 แห่ง คนงานหมอพยาบาลและคนงาน เกิน 60 คน

ครอบครัวลูกสาว แต่งงานกับหมอมานิต (MD) เรียนด้วยกัน แม้ฝึกงาน

ครับมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นชายทุกคน เหตุผลที่ผมบอกเล่า เป็นการแชร์สิ่งที่เป็นประโยชน์กับชีวิต การให้การศึกษากับลูก การวางแผนความคิดให้ลูกได้สำเร็จ

หลานชาย 3 คน ลูกสาว ศรัทธาทางการพื้นฐานทางการศึกษาให้กับลูก ลูกนำแบบอย่างมาจากดูพ่อแม่ ส่วนตัวผมปลูกฝังความคิดให้ลูก ผมจบ กศ.บ. บางแสนหลังจากนั้นมาเรียนต่อปริญญาโทที่ Eastern College เมือง La Grande จบปี 1970

ชีวิตผมนอกจากเรียนทำงานและชอบท่องเที่ยว ปี 1973 เคยเดินทางคนเดียวในประเทศยุโรป ใช้รถไฟไปทุกประเทศ ประมาณ 3 เดือน นั่งจากนิวยอร์กไปลงประเทศโปรตุเกสอยู่ 3 วัน ทุกเช้ามืดจะตื่นไปตลาดสด ซื้อของติดมือ กลางวันเดินทางเที่ยว ครับไปดูแข่งรถกรังปรีที่ประเทศมอร์นาโด ไปหาเพื่อนที่ฝรั่งเศสทางตะวันออก เคยเป็นนักเรียนทุนด้วยกันที่เมืองไทย ชื่อ ด็อกเตอร์ชัชวาล สรัสวดี หลังจากอยู่ด้วยกัน 3 วัน ผมกล่าวคำลาไปยุโรปตะวันออก ข้ามไปสแกนดิเนยเวีย นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ค หลังจากอยู่เกินอาทิตย์ข้ามกลุ่มประเทศ กลุ่ม ลักเซมเบิร์ค อยู่หลายวัน ไปท่าเรือ นั่งไปอังกฤษ ครับขึ้นเรือไปนั่งรถไฟ ปลายทางคือ “ลอนดอน” ลงสถานีวิคตอเรีย นั่งรถบัส เข้าลอนดอน โรงแรมราคาถูกไม่มี “กลับมาที่สถานีรถไฟ วิคตอเรีย นั่งรถไฟหลับในรถ ไปเช้าที่สก็อตแลนด์

ครับเป็นบางส่วนของชีวิต ช่วงเรียนออริกอน พอโรงเรียนปิดภาค แพ๊คเสื้อ 3 ตัว กางเกงตัว นั่งเกรฮาวไปที่ต่างๆ อย่างไปดูน้ำพุที่ “ไวโอวิ่ง” บางเทอมไปท่าเรือที่รัฐวอชิงตัน ไปตามเกาะต่างๆ อย่างเกาะ “ซานฮวน” จะเห็นฝูงปลาวาฬ

การบอกเล่า ส่วนตัวคือการปลูกฝังความคิดให้กับทุกคน ประโยชน์มากหรือน้อย

ลูกสาวลูกเขยทำงานหนัก ส่งลูกชาย 3 คน เรียนแต่เด็ก จนถึงปัจจุบันคือโรงเรียน “เอกชนดีๆ”

เหตุผลที่ผมเน้นโรงเรียนเอกชน โดยความเป็น “ปกติ” โรงเรียนรัฐบาล หรือโรงเรียนเอกชน การให้การศึกษา ความรู้ เด็กจะมีแต่ แต่โรงเรียนเอกชน คุณสมบัติในคลาส เด็กน้อยและสำคัญครูสามารถพัฒนาความรู้ ให้เด็กได้ “ซึมซับ” ได้มากกว่า ในห้องเรียนเด็กน้อย และสำคัญการเรียนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ตามความ “ถนัด” โรงเรียนเอกชน สามารถกระตุ้นได้ดี คือ เพื่อนร่วมชั้นมีไม่มาก ตัวครู

ครับผมหยุดเขียนประมาณ 6:00 AM มองลอดหน้าต่าง เช้าวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม รถบนถนนไม่มี มีคุณผู้หญิงจูงสุนัขเดิน ผมมองร้าน 7-10 ใกล้บ้านบล็อกเดียวไฟสว่าง โลโก้แดง ขาว น้ำเงิน มองผ่านทะเลภายใน เห็นสะพานเบย์บริดจ์ เชื่อมไปซานฟรานซิสโก เช้านี้อากาศสะอาด ยังมืด เห็นตัวเมืองซานฟรานซิสโก ตึงสูงต่ำ ไฟหลากสี ครับ อดนึก ด็อกเตอร์แฉล่ม เคยบอกกับผม ตอนผมเป็นลูกศิษย์ ท่านชวนผมไปกระทรวง หิ้วกระเป๋า เหมือนลูกท่าน ท่านบอกว่าการมองทุกสิ่ง ควรได้รับการพิจารณา ตอนผมเป็นนักเรียนทุกใหม่ๆ เพื่อนเลือกผมเป็นหัวหน้าห้องและประธาน อาจารย์แฉล่ม เคยบอกว่า จะเอาผมออกจากหัวหน้า แต่วันนี้ผมเหมือนลูกท่าน จากสายตาท่านมองผม เป็นคนไร้สาระ