ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 7 กันยายน 2562

สัญญากับตัวหลังจากส่งแม่บ้านออกกำลัง จะขับรถไปไชน่าทาวน์ เมืองโอ๊กแลนด์ ไม่ได้ไปนาน อดคิดถึง ชอบเดินดูร้าน ช่วงหลายปี บนฟุตบาท ย่านวุ่นวายของไชน่าทาวน์มีฝั่งเดียว และบนฟุตบาทด้านเดียว จะมีผู้สูงอายุเลยวัยเกษียณ ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง จะนำพืชใส่กระถาง แต่ละเจ้ามี 2-3 กระถาง คงจะเพาะเอง พองามก็นำมาขาย และมีบางเจ้านำผักปลูกเองมาขาย ครับขายดีหรือไม่ไม่ทราบ แต่พอบ่ายผมเดินผ่านก็ยังเห็นวางขาย ครับคนมาขายแต่ละวันขายได้หรือขายไม่ได้ มีความอดทน การเข้าห้องน้ำคงไม่มีปัญหา แถวที่วางขายมีร้านอาหารเยอะ มีร้านประเภทเค้กและประเภทดิ่มซัม การเอาผักและต้นไม้เพาะมาขายเป็นการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า

เรื่องเข้าห้องน้ำ คนสูงอายุเยอะจะมีปัญหาในรถผมจะมีอุปกรณ์กระป๋องพลาสติกมีฝาปิดแน่น ลูกสาวหมอสุภัคร ซื้อให้หลานคนเล็ก อายุ 8 ขวบ เวลาปวดฉี่จะทนยาก จึงต้องมีกระป๋องอนามัยติดรถ ลูกสาวซื้อเผื่อพ่อด้วย ครับอาทิตย์ผ่านมากลับจากซานฟรานซิสโก รถติด ปวดท้องฉี่ ถือโอกาสหยิบกระป๋องเป็นการประเดิมบนถนน รถติดเพียงเลื่อนที่นั่งนิด เปิดกระป๋องหนีบขา ครับทุกอย่างทำงาน เรียกได้ว่าสัมพันธ์ ถือได้ว่าเกิดสัมพันธภาพของชีวิตและอุปกรณ์ ไม่หกราด ไม่มีเสียง เสร็จปิดฝา ไม่มีกลิ่น สะดวก ปลอดภัย และอนามัย

2 วันมาผมผ่านย่านจอแจ มีตึกเยอะ มีคนสูงอายุยืนหลบมุม หันหน้าเข้าหาตึก ปลดปล่อยความวุ่นวายของปัสสาวะ ครับเป็นธรรมชาติ เมื่อจวนตัว มองหาที่ๆ เปิดบริการไม่มี จะปล่อยให้ฉี่ราดกางเกง คนทุกคนย่อมไม่ทำ จะใช้สามัญสำนึกปลดปล่อยความวุ่นวายของชีวิต ความหวาดเกรงต่อสายตาเคยมี แต่พอถึงเวลาเฉพาะหน้าหมดความคิด เพียงปลดปล่อยจากบ้านไปไชน่าทาวน์ไม่เกิน 10 กิโลเมตร (หลักในอเมริกาใช้ไมล์) ผมขับรถในแคนาดา ด้านตะวันออก สามปีมาแล้วข้ามสะพานเอ็มบาสเดอร์ทางด้านแคนาดาการขับรถจะบอกกิโลเมตร จะให้ความเร็วเต็มที่ ผมจำไม่ได้เกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วันนั้นรถว่าง อากาศใส อดคิดถึงน่าจะเป็นวันมงคลของชีวิต รถไม่แน่น อากาศดี เลยเหยียบ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประเดี๋ยวเดียวรถตำรวจเปิดไฟ วิ่งตาม ปรากฏว่าผมขับเกินกำหนด ได้ตั๋วจ่ายร้อยกว่า แต่ส่วนดี “ตั๋วที่เรียกว่า “ไวโอเลชั่น” ได้นอกประเทศจะไม่มาเป็นส่วนให้บริษัทประกันรถเอาเปรียบขึ้นค่าประกัน ความเร็วระหว่าง “ไมล์” กับ “กิโลเมตร” จะต่างกัน 1 ไมล์จะใช้ระยะทางยาวกว่า หนึ่งกิโลเมตร

ถ้าไปไชน่าทาวน์ ผมนิยมเลือกทางถนนธรรมดา อาจจะเสียเวลา ติดไฟแดง แต่บนฟรีเวย์รถจะติดตลอด จากบ้านผมไปไชน่าทาวน์จะมีช่วงติดคืออย่างนี้ครับ ทางฟรีเวย์ ก่อนถึงไชน่าทาวน์ ฟรีเวย์จะแยกจากฟรีเวย์ 80 ถ้าทางขวามือข้ามสะพาน “เบย์บริดจ์” ไปซานฟราน เช้าคนแห่ไปทำงาน รถเยอะ ยิ่งต้องจ่ายค่าด่าน (ข้ามสะพาน) รถยิ่งติด แต่ถ้ามีคนนั่งในรถ 3 คนขึ้นไป ไปเลนซ้ายมือ ไม่ต้องหยุดที่ด่าน รถส่วนมาก ถ้าเดินทางประจำ จะซื้อตั๋ว FastTrack มีช่องให้ผ่านไม่ต้องหยุดหลายทาง คนส่วนมากจะนิยมจ่ายเงินเวลาข้ามสะพาน ครับคนเยอะ หลายคนไม่เคยเตรียมเงิน ทั้งๆที่ข้ามประจำ ย่อมเสียเวลา และการจ่ายด้วยเงินสด ค่าด่านแตกต่าง 1 เหรียญ เช้าช่วงคนรีบไปทำงาน คิดมากกว่าเหรียญ ช่วงหลัง 9:00 AM – 3:00 PM ลดให้เหรียญ ทางกลางฟรีเวย์ 880 ซ้าย 580 รถสลับไปมาทำให้รถติด ครับชีวิตคนแต่ละวัน มีชีวิตสัมผัสกัน โรงเรียนต้องสอนใหม่ อย่างเช่น ซื้อของเวลาจ่ายต้องเข้าคิว คนอเมริกัน รับผิดชอบเคร่งครัด แต่กะเหรี่ยงเพิ่งเดินทางมาจากบางประเทศ คนประเทศใกล้เคียงผมมีเยอะ วุ่นวาย นิสัยเอาความสะดวกตัว ตัดหน้า แต่เมื่อมาอยู่ประเทศเจริญ ก็ต้องเรียนรู้ ฝึกตัวเอง ครับเหมือนไปซื้อของตามร้านโกรเซอรี่ จะมีคนมากมาย เวลาเจอคนรู้จักจะยืนจับกลุ่มคุยขวางทางคนอื่น หรือเวลาเข็นรถ เห็นของที่ตัวชอบ จอดรถเข็นกลางทาง ไม่สนใจคนอื่น

บ่อยจะเจอกันเป็นประจำ ข้ามถนนจะไม่สนใน รถ คน เดินเอื่อยพูดโทรศัพท์ ครับรู้ว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดเรื่องความปลอดภัย ไม่มีสติดูรถ เกิดโจรจกโทรศัพท์ รถเสียหลัก พอเดือดร้อนโวยฉันข้ามถนนพูดโทรศัพท์อยู่ดีๆ ครับผมเห็นผู้สูงอายุ เวลาซื้อของเข็นรถ เอาของใส่รถ แล้วจะเข็นรถไปไว้ในที่จอดรถซื้อของมีมากมายมักง่าย จอดทุกที่ แม้แต่ระหว่างช่องว่างของรถ และเห็นมากคัน รถเข็นจอดหน้ารถที่มีขอบถนน และเป็นแปลงดอกไม้ คงมีมติให้ชีวิต พรุ่งนี้ค่อยทำตามกฎเกณฑ์ที่ถูกต้อง

ไชน่าทาวน์จุดน่าชื่นชมของกินมีให้เลือกมากมาย ผักสดตามอุปนิสัยของชาวเอเชีย และราคาย่อมเยากว่าร้านโกรเซอรี่จีนติดแถวบ้าน วันนี้ตั้งใจจะซื้อกุ้งแห้งตัวโตใส่ขวดโหล ราคาโลละไม่เกิน 20 เหรียญ ส่วนมากจะซื้อ 10 ขีด ร้านจีนใหญ่แถวบ้าน ชื่อ 99 กุ้งแห้งมาเป็นถุงตัวใหญ่ 3.5 ปอนด์ ราคา 6 เหรียญ ครับถึงราคาจะแตกต่าง แต่ความสะดวกย่อมอนุโมทนาต่อความง่ายของชีวิต ผมถือโอกาสซื้อกะทิ เหลือเชื่อ มีร้านเวียดนามขายชาวเกาะ น้ำหนัก 13.5 ออนส์ ราคากระป๋องละ 99 เซ็นต์ ร้านทั่วไปแม้แต่ร้านกะเหรี่ยงด้วยกัน ยังขายกระป๋องละ $1.49 ไม่รู้ว่าขายถูกได้อย่างไร อดคิดหรือเป็นหุ้นส่วน

ครับนโยบายของคนจีน ขายแข่งขัน ขายเอากำไรน้อย ขายมาก ของไม่เหลือนาน และสำคัญ “ชนะใจลูกค้า” เชิญเถอะขอรับ จะเอาวิธีไหน ตอนผมเปิดร้านไทยชื่อ “โบราณ” คนดีไซน์ชื่อ สถาปนิก องอาจ เฉลยชีพ ผมถามว่าคิดเท่าไหร่ “ฟรี” ตอนผมเปิดร้าน ทำมาหากิน 30 ปี ให้ข้าวเกรียบฟรีกับน้ำจิ้ม มีซุปแคปเบสฟรี เมื่อ 2 วันเจอคนงานร้านผมไปเดินมาทัก เรียกผม มิสเตอร์โบราณ ผมขอโทษจำไม่ได้ บอกกับผม คิดถึงอาหาร ข้าวเกรียบ กับฟรีซุป

ครับระบบการค้า ผมนำมาจากครอบครัวผม และจากสิ่งรอบตัว ตอนเป็นเด็กประถมแม่จะพาไปเรือข้าว ดูคนงาน ตวงข้าว แบกข้าว พอข้าวเปลือกเต็มลำ จะนำเรือไปโรงสี มณีพรรณ อยู่หลายวันกว่าจะสีข้าวเต็มลำ หลายสิบเกวียน แม่ได้ข้าวสารบรรทุก จ้างเรือยนต์ลากไปจอดเทเวศร์ ข้าวสารเป็น 100 กระสอบ ถ้ามีคนมาซื้อไปขายก็หมดเร็วได้กลับบ้าน

ถึงค้าขายจะทำให้ชีวิตมีกินมีใช้ แม่ก็ยังอยากให้ลูกได้เรียน มีการศึกษา แม่เน้นการทำมาหากิน จะค้าขาย รับราชการ ถ้ามีการศึกษาจะทำให้ได้คิด พิจารณา ตรงกับหลักของศาสนา ให้มีสติและพัฒนาปัญญา จะทำมาหากินอะไร ถ้ารู้จักคิด พัฒนา มานะอดทน แม่บอกได้เงินรู้จักใช้เงินพัฒนาชีวิต

ครับผมเดินมองร้านค้า ไชน่าทาวน์ ลูกค้าเข้าออก ร้านขายสินค้าประเภทเดียวกัน การแข่งขันต้องมีการพัฒนา สินค้าต้องสะอาด ดีและราคาต้องเป็นส่วนดึงดูดลูกค้า นอกเหนือจากสิ่งของ การทำมาหากินก็ต้องอาศัยพูดคุย โฆษณา และสำคัญเรื่องความซื่อสัตย์

ผมแวะร้านขายของแห้ง มีปลาเค็ม แม่บ้านชอบปลาเค็ม เคยชอบปลากุเลา 2-3 ปี เปลี่ยนปลาเค็มเป็นปลา Croaker Fish ตัวยาวหนาไม่มาก ราคาเฉลี่ยเกือบ 30 เหรียญ ทุกครั้งแม่บ้านตัด 3 ชิ้น แช่น้ำให้ความเค็มออก ทอดครับจะผัดกับผัก คลุกข้าว เคยแกงคั่วผักบุ้ง บิปลาเค็มใส่ เหลือเชื่อตักข้าวพูนทับพี ชาโดเนย์ค่อนแก้ว ครับเพื่อนบอกอิจฉาชีวิตแก