ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
โรงเรียนของแม่ ตอนที่ 11

แม่เคยป่วย ทุกคนเคยป่วย โรงพยาบาลคือหัวใจของการรักษา คนกรุงเทพฯคงไม่ถึง 10 ล้าน แต่โรงพยาบาลมีเกิน 200 แห่ง ยังไม่รวมโรงพยาบาลที่เป็นคลินิคเปิดตามตรอกซอก สะดวกกับชาวบ้านและราคา แต่ถ้าโรคประเภทหนัก ย่อมถูกส่ายหน้า โรงพยาบาลเอกชนของกรุงเทพฯ คนต่างประเทศขึ้น คำพูดของโรงพยาบาล เครื่องมือรุ่นล่าสุด หมอประจำเก่งทั้งฝีมือ และประสบการณ์

หมอโรงพยาบาลเอกชน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของ หรือหมอประจำ ที่ทำชื่อให้โรงพยาบาลเอกชน มากคนย้ายมาจากโรงพยาบาลรัฐ หมอทำงานโรงพยาบาลรัฐ โดยกฎหมายเป็นข้าราชการ บ่นกับตัวเอง คนไข้มีตลอดวันไม่เคยมีวันไหนซา ยิ่งฝนตก แดดร้อนเกินปกติ คนเจ็บป่วยมาก รายได้ที่เรียกว่าเงินเดือน คงที่ขึ้นตามปี การเป็นหมอก็ย่อมชอบของทันสมัย แต่พอดูราคาคำนวณเงินเดือน อดถอนหายใจผ่อนส่งเมื่อไหร่ชีวิตถึงจะเป็นอิสระ ครับชีวิตคนไทย คนชั้นกลางและเลยปริ่มๆ หนี้วัตถุเกินตัวทั้งนั้น เคยคิดไม่อยากได้แต่ลูกเมียถ้าเราทำให้ชีวิตพวกเขาด้อยค่าทางวัตถุย่อมไม่น่าจะเป็นเรื่องดี

แต่ชีวิตข้าราชการ ปลดระวางสบาย เงินเดือนสุดท้าย จะได้รับตลอดชีวิต ยิ่งเดี๋ยวนี้อายุยืน ถ้าเกิน 90 เฉียดร้อย รายได้ย่อมไม่เดือดร้อน แต่สุขภาพไม่แน่ ชีวิตหมอรักษาคนอื่นได้ ก็เฉพาะโรคที่รักษาได้ โรคมากโรคค่อยกินค่อยแกะ อ่อนใจเกิดกับตัวเอง รักษาไม่หาย เป็นข้าราชการ เรื่องประกันสุขภาพ ลูกเมียยิ้ม ยกขโยงครอบครัวรัฐจ่าย

อยู่โรงพยาบาลรัฐ ดูแลประชาชน คนรายได้น้อย คนพวกนี้เสียภาษี เรียนหมอเงินภาษีจากคนเหล่านั้น ช่วยเหลือดูแล อดคิดทุกสิ่งคือวงจร พอถึงวัยทำงานเสียภาษี คนรุ่นลูกหลานเรียนจากเงินภาษีจบทำงาน ชีวิตคนสอนเสมอ ไม่คดโกง ไม่เอาเปรียบ แต่โอกาสชอบธรรมดีๆ เดินเข้ามา ความคิดให้รอบคอบก่อนตอบ หรือเดินจากชีวิตคนมีโชค ถ้ามีศาสนาเป็นสะพานให้เดิน

งานรัฐ สร้างความสามารถ โรงพยาบาลเอกชนรู้อยากได้ตัว เสนอเงินก้อนโต ปันผล สวัสดิการ หลายคนบอกว่าเขาซื้อตัว คนที่ถูกเสนอซื้อ เพื่อนหมอ ลูกเมีย คำพูดออกจากปากเป็นคนมีความสามารถ โอกาสชีวิตทำให้ลูกเมียมีความสุข ถ้าปฏิเสธ คิดผิดหรือเปล่า ย่อมทุกข์ บาปกรรม เพราะปฏิเสธความเป็นมงคลให้กับครอบครัว

ตัดใจ ตอบรับ ทำงานที่ใหม่ไม่นาน คนไข้ทุกคนนายทุน รักษาคนไข้ใกล้ตาย กายใจทรมาน คนไข้และคนรอบข้างนึกว่าไม่รอด แต่เขาก็ทำให้หายจากเจ็บป่วย คนแล้วคนเล่า พูดคุยจากปากนี้สู่ปากโน้น หมอเทวดาสู่หูเขาบ่อยครั้ง เจ้านายเริ่มเอาใจ คนไข้มาโรงพยาบาลบอกชื่อเขาให้ดูแล ครับทิป พวกโรงพยาบาลเรียกเงินพิเศษที่ให้หมอ เป็นเงินตอบแทน แปลกยิ่งยุ่ง เขายิ่งขยัน พยายามรักษาคนไข้ เวลาว่างคนไข้ระดับบิ๊กเขาจะเข้าพูดคุย วิสาสะ คำพูดออกจากปากเป็นห่วง อยากมาดูไข้

โรงพยาบาลเอกชนในกรุงแข่งขัน น่าจะบอกว่าเรื่องคุณภาพ เครื่องมือ ตัวหมอ เชี่ยวชาญประเภทของโรค คนมาจากต่างประเทศ จะพบกับความสะดวกสบาย ห้องสะอาด โอ่โถง คนต้อนรับยื่นมือประสานวางไว้ที่เป้า สายตาสัมผัส หัวก้ม ค่าใช้จ่ายไม่พูดคำว่าแพง เพียงสมกับราคา รักษา พักอาศัย หลายคนถึงจะรวย แต่พอดูบิลส์รู้แพง แต่ชีวิตเจ็บป่วยรักษาหาย คนเฝ้าไข้ ได้รับการดูแลเป็นเลิศ คำพูดต่างจากความคิดมันเป็นกำไร เงินทองไม่ตายหาได้อีกเยอะ อดคิด ช่างเป็นความมหัศจรรย์ คนไทยนิสัยพินอบพิเทา เอื้ออาทร ทุกผู้จะตัวเมียหรือตัวผู้ต่างลงความเห็น มันคือผลประโยชน์ของชีวิต

หลายปี รักษาโรคสารพัดโรค ปวดหัว ตัวร้อน ผ่าเย็บ รักษา 30 บาท ประชาชนทุกคน ยกมือ สาธุเพราะชีวิตคน ย่อมเจ็บป่วย ชีวิตทำงานต้องอาศัยแรงกาย สุขภาพจำเป็น ถ้าต้องนอนซม ครางฮือๆ เงินย่อมหมดกระเป๋า อาหาร ค่านมลูก ค่ารถ ไปโรงเรียน ย่อมถูกตัดทอน ทุกคนอาศัยแขนขาของแม่ทั้งนั้น ซึ่งผิดกับคนทำงานในห้องแอร์ เขาบอกว่า ถึงร่างกายจะชอกช้ำบ้าง งานในหน้าที่ก็ไม่หยุดชะงัก เขาบอกว่าเพราะใช้ความคิดจากสมองซึ่งอยู่ภายในกระโหลก

คนทำงานใช้แรงกาย เข้าใจดี ลึกลงไปถึงความยุติธรรมมากสิ่ง รัฐจะเพิ่มขยายคนใช้สมองได้รับการดูแลก่อน ตัดทอน มองมาที่ต้นทุนของผู้ใช้แรงงาน อย่างอดีตลดราคาค่าข้าวจานด่วน ขนคนยากจนมาเดินขบวน ซื้อข้าวแล้วชักดาบชาวไร่ชาวนา และกำลังถกค่ารักษา 30 บาท

ตอนนี้ เรื่องที่คุยของคนรัฐบาล มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการรักษาโรค 30 บาท กระทรวงสาธารณสุข บอกว่าใช้เงินหลายพันล้านบาท กระทรวงได้รับงบประมาณไม่พอ เมื่อเงินขาดมือ สารพัดสิ่ง หยุดชะงัก ยา เครื่องมือ เงินเดือน ข้อเสนอควรเปลี่ยนการรักษาฟรี 30 บาทไม่มี ยอมเต็มที่ ควรเสียบ้างจะมากหรือน้อย คนมีรายได้มากก็จ่ายมากหน่อย คนรายได้น้อย อย่างวันละ 300 บาทหรือไม่ทำงาน ไม่มีรายได้เลย รัฐบาลก็จะเก็บในสัดส่วนที่เป็นไปได้

คนรักษาโรค 30 บาท ย่อมฉุน ถ้าจ่ายเงิน 30 บาท จะสูงต่ำเล็กน้อย ชีวิตเรื่องเงินของรายได้ ปกติก็มีหนี้สินอยู่แล้ว แล้วเผอิญป่วยนาน ราคาบิลส์รวมตัวสูง ตัวเลขต้องเสียย่อมมีแต่น้ำตา และความเศร้า ครับพวกนักจิตแพทย์ที่อเมริกาควรหาข้อช่วยเหลือ ระงับความคิดเกิดความฟุ้งซ่าน กลายเป็นปัญหาโรคจิตเรื้อรัง แบมือ นี่เธอยากล่อมประสาทกินเสีย โลกที่เห็นจะสดใสเอง

คนไทยทั่งประเทศ คนจนมีประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ คำว่าคนจน ถ้าทำงานก็วันละ 300 บาท และมากเปอร์เซ็นต์ ไม่ทำงาน ย่อมเป็นคนที่ถูกเรียก จน จน การรักษา 30 บาทเป็นทางหวังเดียว เพราะโรคเจ็บป่วย จะบอกว่าไม่อยากได้ ไม่อยากเป็นโรคภัยก็ยัดเยียด เพราะชีวิตคนจน อยู่แออัดขาดสุขลักษณะ กินอาหาร กรมสาธารณสุขบอกว่าไม่ครบหมู่ของอาหาร ไม่ออกกำลัง ที่อยู่อาศัย อากาศไม่โล่ง บริเวณยิ่งอยู่สลัม คุณเคยไปไหม คนมีสตางค์ คงจะมีแต่นักการเมือง ตอนหาเสียงเคยเดินตรอก ซอก รับรู้ถนนเดิน เกลื่อนด้วยปฏิกูล หลังบ้านส่วนมากจะมีคลองน้ำคลำ ส่งกลิ่น

กลับเมืองไทยทุกครั้ง ผมชอบ ไปวัดมหาบุศ คลองที่เห็น เต็มไปด้วยกล่องอาหาร โฟม กระดาษ สารพัดสิ่งที่ใช้แล้ว ลอยน้ำ ไม่จมหาย ไม่สลายตัว น้ำดำ ที่จริงบ้านอยู่บนฝั่งบ้านคนรายได้ดีเยอะ แต่ทำไมไม่ช่วยกันปฏิรูป สิ่งสกปรกผมขาดความเข้าใจ เครือข่ายสังคมถ้ามี ช่วยกระตุ้นช่วยกันทำความสะอาด หรือชีวิตเป็นเพียงความรับรู้

ผมชอบนั่งเรือ ที่แม่น้ำเจ้าพระยามีบ้าน สร้างบนน้ำ ร้านอาหารริมน้ำ ไม่รู้ว่าสิ่งสกปรกลอยน้ำ เกิดได้อย่างไร ผมจนความคิด เคยคิดโง่ๆ มากสิ่งคงเกิดเอง

ครับเมื่อคนจนเยอะ คนจนย่อมต้องช่วยตัวเอง ดูแลลูกหลาน ถ้าสุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยนะคิดเงิน เพียงแต่ละครั้ง เกิน 30 บาท เป็น 50 บาท 100 บาท ชีวิตก็แย่แล้ว ถ้าปล่อยให้คนหมู่มากไม่ได้รับการดูแล ปัญหาสังคมจะมากขึ้น เหมือนกับ “โฮมเลส” ที่หลายเมืองในอเมริกา

ไหนๆ พูดถึงคนจนบ้านเรา ไม่ได้รับการดูแลซึ่งผิดกับคนจนในอเมริกา ได้รับการดูแล เอาใจใส่ มากเสียกว่าพวกคุณและผมอีก คนจนที่นี่ไม่ทำงาน มีลูกหลายคน หลายพ่อ หลายแม่ รัฐบาลจ่ายค่ารถไปโรงเรียน จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าแต่งตัว ทำผม ทำเล็บ ค่าอาหาร แม้แต่ค่าใช้จ่าย มีนัดหมายกับคนใหม่ ถ้ามีลูกเล็กๆ รัฐบาลจ่ายเงินค่าคนเลี้ยงดู ไม่รู้ว่าคนจนพวกนี้ ยังชอบมีหมามีแมวไหม น่าจะมีคำพูดเป็นเพื่อนกับลูก เพื่อสุขภาพจิตที่ดีในอนาคต

ครับผม สิ่งที่ผมบอกกล่าว เป็นเรื่องเกิดผสมปนเปของคนต่างจังหวัด ไกลความเจริญ หลายคนบอกว่าความเจริญปัจจุบันไปถึงทุกที่ ก็จริงอย่างที่พูด แต่ปัญหาคือ ความรู้ที่ถ่ายทอดรับรู้ มากสิ่งเรียกขยะ คงจะหมายถึงความรับรู้ ไม่ตรงจุด ถูกบิดเบือน และก็แปลกคำบิดเบือน กลายเป็นอาหารที่คนชอบบริโภคเสียด้วย

ครับผม ชาวต่างจังหวัด ครอบครัวรอบๆ โรงเรียนของแม่ มีเจ็บ มีป่วย ต้องการดูแลสุขภาพตนเอง แต่สถาบันสุขภาพ คือโรงพยาบาล หรือคลินิค 30 บาท อยู่ไกลไม่สะดวก ทุกครั้งกว่าจะไปถึงโรงพยาบาลหรือคลินิค ต้องใช้เวลาและรอหลายชั่วโมง มีบ่อยไปต่อท้ายๆ แถว เกือบถึงคิวแล้วเชียว มีคนบอกหมดเวลารักษา มาใหม่พรุ่งนี้ ครับเห็นใจ หมอพยาบาลก็ทำงานหนัก เช้าจรดเย็น ขืนปล่อยให้ชีวิตเต็มไปด้วยงานอีกไม่นานที่ยื่นเสนอ คงย้าย เสียงคนรอท้ายแถว ถูกปฏิเสธหมดเวลา พูดขึ้นลอยๆ มัวแต่ใจลอยสงสารคนอื่น ตัวเองเจ็บป่วยหอบสังขาร มายืนรอ ไม่ได้รับการรักษา พรุ่งนี้ก็ต้องหอบชีวิตที่ป่วยมายืนทรมานอีก

ประเทศไทย คนต่างชาติ เจ็บป่วยหนัก เชื้อโรคเพาะตัว กัดแกะส่วนดีๆ ร้องโอดครวญ เดินหน้าสนามบินสุวรรณภูมิทุกวัน ลงจากเครื่องบิน คนรับผิดชอบวิ่งวุ่น นำรถเข็น ผยุงขึ้นรถ เปิดหวอขอทางจุดหมายโรงพยาบาล ครับโรงพยาบาลเอกชนดีๆ ของไทยมีเยอะ สะดวก สะอาด เยี่ยมบริการ นโยบายของโรงพยาบาลเอกชนดีๆ มีนโยบายทุกคนต้องท่องให้จำ และฝึกให้เป็นส่วนนิสัย คือทำแต่สิ่งดีๆ เอาใจคนไข้

ครับผมไม่ได้อิจฉา คนรวยที่มารักษาโรงพยาบาลดีๆ หรอกครับ เพียงแต่อยากให้คนที่มีหน้าที่บริหารประเทศ โดยเฉพาะเกี่ยวกับคนเจ็บป่วย และยากจน และเป็นความจริง คนจนจะเจียมตัวไม่มีปาก ไม่มีเสียง บอกกล่าวอะไรก็จะฟังและทำตาม แม้แต่สิ่งที่บอกไม่ถูกต้อง และคนยากจนที่ไปโรงพยาบาลไปหาหมอ หมายถึงความอดทนเจ็บป่วยถึงขั้นอดทนไม่ได้แล้ว เจ็บ ปวด ทรมาน และมันไม่น่ายังจะมีอยู่ แม้แต่โรงพยาบาลดีๆ ของจังหวัดก็ไม่สามารถรักษามากโรคได้ ไล่คนไข้ไปโรงพยาบาลกรุงเทพฯ เคยมีระหว่างเดินทาง ตายก่อนไปถึง

เรื่องมากมาย ถูกเล่า โดยเฉพาะเรื่องเจ็บป่วยที่โรงเรียนใต้ถุนบ้าน แม่คิดถึงโลกจะเจริญมากมายหมอชาวบ้านที่มีอย่างหมอต่าน เปาริก เรียนจากการถ่ายทอด หมอสิงห์ แสงทอง เรียนจากพลทหารเสนารักษ์

ใช้ยาแผนปัจจุบัน เป็นหมอคู่หมู่บ้าน ความคิดของแม่บังเกิด เห็นรอยยิ้ม เต็มไปด้วยน้ำหมากเออตัวข้าและหมอจะไม่เจอกันใครตายก่อนตายหลัง