ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ไปกรุงเทพฯ ตอนที่ 8

ที่บ้านเมืองไทย ตื่นเช้ามีกาแฟ อยากกินไข่ครูซอง ผลไม้มี แต่ถ้าอยากได้ ขนมครก ปาท่องโก๋ หรือโรตี ถึงมีก็ไม่บ่อย พอถึงวันนี้ คนในครอบครัว ดูแลสุขภาพขืนกินตามใจปากบ่อยครั้งโรงพยาบาล เคยเล่าสู่กันฟังมานาน ครอบครัวหลานซื้อประกันโดยตรงจากโรงพยาบาลกรุงเทพ แรกเกิดจนถึง 35 ปี อีกช่วง 35 ปีขึ้นไป ตายก่อนตายช้าได้เปรียบเสียเปรียบโรงพยาบาลไม่เกี่ยว โรงพยาบาลคิดบวกก่อนรับต้องตรวจสุขภาพ ถ้าเป็นโรคไขมันอุดตัน เบาหวานเป็นเกือบทะลุจุด โรคความดัน โรงพยาบาลไม่รับ ครับจ่ายครั้งแรกล้านกว่านิดเดียว ระหว่างประกันเป็นอะไรฟรี อยากได้ยาป่วย มีชั้นพิเศษ ไม่ปะปน สะดวก ยายี่ห้อดี ไม่พลิกแพลง ชีวิตอยู่กันมานาน อุปกรณ์ชีวิตไม่สู้ อ่อนปวกเปียก หมอและโรงพยาบาลไม่กั๊ก ตรวจให้ยาถึงจะแพง โรงพยาบาลคิดอยากคืนความสุขให้ จ่ายยาคุณภาพเอบวก

เคยคุ้นถอยหลัง 40 ปี ทุกเช้าก่อนทำงาน กาแฟ และหนังสือพิมพ์สยามรัฐ บ่อยครั้งเดลินิวส์ แต่ตอนนี้ และวันนี้กาแฟที่บ้านขาดหนังสือพิมพ์ ผมไม่ได้ถามถึงสาเหตุ คงจะเซ็งเกี่ยวกับข่าว ฟังมาก รู้มาก ปวดหัว เลยใช้เวลาช่วงเช้าเปิดทีวี ฟังข่าว ก็พอกับชีวิตแล้ว ยุ่งมากปวดหัวมาก เหมือนตอนนี้ตั้งสังฆราชก็มีสองฝ่าย ต่อต้าน ค้าน ยกมือ คนเคยเดินขบวน พอเปลี่ยนรัฐบาลมาบอกว่าทำผิดที่เดินขบวน ครับความคิดดีๆ จากคนต้นตอกลายเป็นข่าว ฟังแล้วเหมือนกินโจ๊กใสๆ ส่วนประกอบเคยกินใส่ซีฟู๊ด กลับมาใส่เต้าหู้แทน หลายคนบอก เต้าหู้แล้วไง เต็มไปด้วยคุณภาพใครๆ ก็กินเต้าหู้ทั้งนั้น

เดินออกจากบ้านมากบ้านช่วงเช้าคนดูแลบ้านที่เรียกว่าคนใช้ หลายบ้านมีหลายคน ทุกเช้ายืนล้างรถเช็ดถู ครับรถสะอาด น้ำไม่เคยมีปัญหา คนรวยสตังค์ อะไรก็มีปัญญาจ่าย เปิดแอร์ ค่าไฟขึ้นพรวด ซื้อรถใหม่มียี่ห้อหลักเจ็ดหลักสูง

ซอยที่บ้านหักข้อศอกหลายตอน หลายคนบอกว่าดีซี โจรผู้ร้ายหนีต้องวิ่งวกวน สามารถไล่ทัน ประชาทัณฑ์ได้ ครับไม่ได้ยินคำว่าประชาทัณฑ์นาน นึกว่าหมดไปเพราะถึงจะทำผิด แต่ลงโทษแบบศาลเตี้ย ต่อยตี เตะตบ หลายรายฉุนสุด เตะฝ่าหมาก นั่งทรุด หน้าเบี้ยว ยกมือไหว้ ผิดแล้ว ไม่มาขโมยซ้ำบ้าน

ครับซอยนี้เป็นที่จัดสรรของนายพลทหารเรือ ครอบครัวยังอยู่อาณาเขตกว้างใหญ่โต บ้านคงหลายห้อง ครับคนรวยทุกอย่างต้องใหญ่ไว้ก่อน สร้างมากห้องเพื่อลูกหลาน พอถึงเวลาเด็กเรียนจบมีครอบครัวต่างย้ายออก ไม่อยากฟังบ่นที่เรียกว่าความห่วงใย พอถึงวันนี้ หลายบ้านมาอยู่ห้องเดียวสามีภรรยา ห้องมากมายไม่ใช้ ขี้เกียจทำความสะอาด บางบ้านสามีหลบหน้าปีละหลายเดือน มีสารพัดจำเป็นปล่อยเมียอยู่คนเดียว เจ็บป่วยต้องพยายามช่วยตัวเอง จำเป็นให้เพื่อนช่วย ประเทศที่ผู้หญิงสามารถช่วยตัวเองไล่ให้ไปอย่างถาวร ผมหมายถึงสามีนะ

เดินทะลุปากซอย ระยะทางไม่เกินไมล์ ปากซอย ถ้าเลี้ยวขวาแล้ววิ่งข้ามทางรถไฟ ปีนรั้วเตี้ยๆ เดินอีกไมล์กว่าก็ถึงตลาดคลองเตย ครับทางทุกถนนทั้ง 2 ฝั่ง มีรถเข็นขายของ ร้านเพิงมีทั่วไป ร้านริมถนนราคาถูก ซื้อขายง่าย คนไทยเมื่อชีวิตต้องเดินถนนมายืนรอรถเมล์ที่ป้าย อาหารริมถนนย่อมซื้อขาย ผมไม่เคยถามว่าไม่กลัวพวกฝุ่น โรคถ้ามี พวกคนไทยคงหัวเราะ พวกเขาเติบโต หลายรุ่น ปู่ย่า พ่อแม่ เขา ลูกหลาน ต่างซื้ออาหารริมถนนกินทั้งนั้น ไม่เคยปวดท้องหรือท้องเดิน เจ็บป่วย ครับชีวิตเขาจึงบอกว่าขึ้นอยู่กับความเคยชิน โรคภัยไข้เจ็บ ฝุ่น อาหารเย็นด้อยคุณภาพในสายตานักโภชนาการ และสายตาของคนมีสตังค์ และในความคิดของนักวิเคราะห์วิจัยอาหาร แต่พวกเขาคืออาหารโภชนา เติบโตมีแรงงาน

พวกเขาไม่มีทางเลือก พวกที่คิดมีวิถีทางช่วยได้บ้างไหม นี่ยังดีตำรวจเจ้าหน้าที่เทศกิจไม่เดินไล่ ขู่เข็ญ อ้างเป็นที่ห้ามขาย เกะกะ สกปรก ครับคนเป็นล้านในกรุงเทพฯ ชีวิตช่วยตัวเองทำมาค้าขายจะเช่าห้องคงไม่มีปัญญา ขายตามริมถนนบนทางเท้า คนอุดหนุนเช้า กลางวัน เย็น ชีวิตก็เดินไปมา ทำงาน ทำธุระ ไม่มีรถไปซื้อของในตลาดห้องแอร์ อย่างร้านท็อป เพราะราคาแพง และคนจนขืนเข้าร้านดีๆ การแต่งตัว ท่าทางเปิ่น คนที่ทำหน้าที่ขายคงมองด้วยสายตาหมดความไว้ใจ ผมขอบคุณร้านริมถนน ที่ทำให้ชีวิตคนเดินถนน สัมผัสกับความเรียบง่ายกับอาหารริมถนน

ตลาดคลองเตยที่เห็น พลุกพล่าน ตลาดสดของขายราคายุติธรรม สาย 8-9 โมงเช้าตลาดเฉอะแฉะ น้ำปนสีดำ เวลารถเข็นผัก น้ำกระเด็นถูกกางเกง ร้องเท้า กลิ่นมีแน่นอนตลาดสด รถเข็นอาหารสด มีปลา เนื้อ น้ำกลิ่นย่อม ตกลงพื้น

ในซอยตอนสร้างใหม่ๆ คือถนนสายกว้างในซอย พอร้านค้าเปิด ทุกหน้าห้องต่างทำโต๊ะ เพิงยื่นล้ำถนนที่เดินมีพอสวนกัน ไหล่ชนกันบ้าน ยิ่งร้านยุ่ง คนยืนหลายคน เท่ากับขวางทางคนเดิน ตรงหัวมุมมีร้านขายข้าวแกง แกงเกิน 10 อย่าง คนซื้อรอแถว คนตักใส่ถุงมือไม่เคยว่าง ทำมาหากิน ราคาขายไม่แพง ประเภทของแกง ผัด แม้แต่ต้มจืดเป็นอาหารที่ทุกคนชอบคุ้นเคย อาหารทุกสิ่งร้อน ตักใส่ถุงพลาสติก อนามัยในอเมริกาเคยประกาศถุงพลาสติกและกล่องเวลาอาหารร้อนอย่าใส่ พวกเคมีภัณฑ์จะซึมผสมปนเปกับความร้อน อันตรายต่อสุขภาพ คนที่ขายและซื้อถึงจะรู้ แต่ก็คิดว่าไม่เลวร้าย และสำคัญภาชนะที่สะดวกไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม มองไม่เห็น ยิ่งเป็นกล่องกระดาษราคาแพง อาหารที่ตักมีเนื้อ ผัก เนื้อหมู ไก่ เยอะพอกับความรู้สึก ร้านประเภทไม่เอาเปรียบ คนเงินรายได้น้อยหายาก ถึงไกลเดินมากหน่อยคือจุดหมาย

ผมเคยกินอาหารร้านในสนามกอล์ฟ “เชฟแมน” คนกินมากพอสมควร อาหารถูกปากคนมีเงิน คนจ่ายเงินสั่งหูฉลามราคาโถละเกือบหมื่น อดคิดถ้าผมกินแล้วจ่ายเงิน ชาตินี้คงไม่เจอหน้า เดินเข้าร้าน ยิ่งคนกินมีสตังค์ อยากกินอาหารตัวชอบ อยากกินอะไรสามารถตักออกและเพิ่มได้ แต่ราคาต้องอีกแบบหนึ่งไม่ตามราคาตามเมนู เคยได้ยินลูกค้า ชีวิตคงจะประยุกต์ กินอาหารออแกนิค ครับอาหารปลอดสารราคาย่อมสูงกว่าปกติ การปลูกอาหารธรรมชาติ จะน้ำ อากาศ การดูแล เหลือเชื่อ ร้านขายอาหารประเภทออแกนิคขายดี ผัก ผลไม้ เนื้อ ปลา หอย กุ้ง แม้แต่ไวน์ องุ่นก็เติบโตด้วยความสะอาด คนกินหูฉลามถามเด็กเสิร์ฟ หูฉลามน้ำลึกที่ชีวิตเติบโตไม่มักง่าย กินปลาเล็กปลาน้อยในน้ำริมฝั่ง ซึ่งสิ่งโสโครกไหลจากบ้านคนสู่ทะเล เผลอมาคนมักง่ายทิ้งยาลงในซิ้งค์น้ำ ตายละปลาฉลามนอกจากกินเลอะเทอะ ยังอาจเป็นหมัน คุณค่าของอาหารคือหูฉลามจะมีสารตกค้างเติบโต กินแล้วถ่ายทอดถึงคน มีไหมหูฉลามน้ำลึกน่ะ

ตรงข้ามร้านขายข้าวแกง ร้านขายผลไม้มีพระคุณเจ้ายืนถัดจากร้านขายดอกไม้ ยืนสงบ รอคนตักบาตร ครับชีวิตคนไทย เติบโตกับการทำบุญ และให้ทาน ต่างเชื่อว่าชีวิตความเลวร้ายไม่ดีงามถึงจะล้ำเส้นมาสู่ชีวิตบ้าง ก็คงไม่ทำให้ชีวิตเลวร้าย ทรุดหนัก เชื่อหมดใจว่าบุญ คุณความดี สามารถต่อรองกับสิ่งไม่ดีได้ พูดง่ายๆ ชีวิตมีแต่สิ่งเป็นมงคล เพียงแต่การทำบุญใจต้องปรับ ไม่โลภ ไม่หวัง มีปัญญาพิจารณา

คุณความดีของชีวิตคน จากวัดที่เรียกว่าธรรมะ ย่อมเป็นส่วนผสมของกฎเกณฑ์และการดำเนินชีวิตทุกอย่าง แม้แต่การออกกฎหมาย ยึดความถูกต้องดีงามและต้องผสมความเมตตากรุณาลงไปด้วยที่เรียกว่า ธรรม คือ ธรรมะ พระคุณเจ้ายืนสงบ จีวรห่มเรียบร้อยมือทั้งสองอุ้มบาตร เท้าไม่สวมรองเท้า ใกล้ๆ มีถังสามารถถ่ายอาหารเมื่อเต็มจากบาตร ครับเชื่อหมดใจว่าอาหารที่ถ่ายเทลงถัง คือส่วนของบุญกุศลที่คนปรารถนาทำบุญกุศล และยิ่งอาหารในถังถ่ายทอดไปถึงคนที่ยากจน พิการ พระคุณท่านนำไปให้เพื่อช่วยชีวิต อาหารที่ญาติโยมตักบาตรย่อมครบวงจร ทำบุญและให้ทาน พระคุณเจ้ายืนสงบตัวตรงสายตามองต่ำ มองเห็นเพื่อสัมผัสชีวิต ต่างเติบโต เคลื่อนไหวตามหน้าที่ของชีวิต ความคิดของพระคุณเจ้าคือเดินทางไปสู่ธรรมเมื่อชีวิตเติบโตด้วยคุณงามความดี

ปัจจุบันสังคมไม่ว่าจากวัด จากบ้าน แม้แต่สื่อ บอกทำบุญถ้าทำกับพระอรหันต์จะได้ผลบุญครบ และพูดต่อบุญมากมาย ครับแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร องค์ไหนท่านหลุดไปสู่การไม่เกิดไม่ตาย บรรลุธรรมชีวิตหน้าที่ ลมหายใจ ออกเข้าทุกวัน อยู่เพื่ออบรมสั่งสอนและเป็นแบบอย่าง

ผมละความคิด เดินบนฟุตปาธสวนทางกับคนมากมาย ต่างรีบมุ่งหน้าสู่จุดหมาย ครับแต่ละชีวิตมีจุดปลายทางต่างกัน สำหรับผมหมดเวลา ทำงานวันละเกิน 10 ชั่วโมง เพื่อตัวเอง ครอบครัว ชีวิตสอน ถ้ารู้จักพอ ชีวิตย่อมพบกับคุณค่าของการเกิดมา ถ้ายังห่วงความสนุก เงินจริงอยู่ความพอใจก็ยังพองอยู่กับความคิด พอมีเวลาสงบ ปล่อยจิตให้คิดความถูกต้อง จริงแฮะเวลาเดินทางของชีวิต อะไรที่เราพอจะลากแบกถือไปได้บ้าง ผมแวะร้านกล้วยทอด ถือถุงหยิบใส่ปาก สายตามองเดินหลีกคน