ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ตามหลานไปเรียนภาษาไทยที่วัดมงคลรัตนาราม ตอนที่ 8

เลี้ยวรถผ่านประตูเหล็ก ที่จอดรถของวัดรถจอดได้หลายคัน ช่วงหน้าร้อนโรงเรียนเปิดวัดกันที่จอดไว้ครึ่งหนึ่งเป็นที่จอด อีกครึ่งเป็นกิจกรรมของเด็ก เรื่องของประตูเหล็ก ชีวิตผมคุ้นเคย ตอนอยู่เมืองไทย อยู่รามคำแหงซอย 34 บ้านมีประตูเหล็ก พอบีบแตรรถจะมีเด็กรีบวิ่งมาเปิดประตู พอมาอยู่อเมริกา ผมทำลูกกรงเหล็กรอบหน้าต่างหลายบาน พวกเพื่อนบ้าน แม้แต่ตำรวจก็บอกว่า แถวบ้านคุณปลอดภัยโจรย่องเบาไม่มีหรอก หรือครับ แต่ก็ใส่ไว้ กลับบ้านดึก ความรู้สึกปลอดภัย ยิ่งหน้าบ้าน โล่ง เปิดไฟนอกบ้าน คติที่ผู้ใหญ่สอน ความปลอดภัยต้องคิดเสมอ โดยเฉพาะหลังบ้าน มีรั้วต้นไม้ทึบ มีต้นเรดวูด ใหญ่ๆ 3 ต้น มืดครึ้ม คือความเป็นมงคลของโจรและผู้ร้าย

ชีวิตคนการดำเนินชีวิต เหมือนตาชั่ง จะมีจานด้านซ้ายและขวา ถ้าการดำเนินชีวิตเป็นปกติ จานด้านของความเป็นคุณธรรมย่อมมีน้ำหนักมากกว่าด้านขาดคุณธรรม โดยเฉพาะมาวัดเสียงพระท่านสอน โยมหมั่นทำคุณความดี มีเมตตา จานตาชั่งด้านดีย่อมหนัก มั่นคง ส่วนตรงข้ามย่อมเบาเอง ชีวิตถ้าดำเนินชีวิตทางด้านดี ก็ไม่ต้องกังวลด้านไม่ดี ย่อมลดลงเอง จอดรถทางขวามือ อย่าลืมล็อค ถึงในวัดคิดว่าปลอดภัย แต่คนนอกก็เข้ามาวุ่นวายได้ ตึกตรงหน้า 2 ชั้น ชั้นล่างทางขวามือ มีชั้นหนังสือ เรียกห้องสมุด คนติดวัตถุใหม่ๆ บอกว่าห้องสมุดนับวันหมดท่าขาดความนิยม ทางขวามือเป็นห้องทำงานเอกสาร หนังสือรายเดือน จดหมายโต้ตอบ รายงานการทำบุญของญาติโยม แม้แต่ความรู้ทางธรรมะ ออกจากที่นี่

และตึกหลังนี้ ผลิตนักศึกษาปริญญาตรี และปริญญาโท หลายท่าน ครับสำหรับผม นิยมชมชอบจากใจ คนที่มีอุตสาหะเล่าเรียน การศึกษาเรียนเมื่อไหร่ มีแต่เพิ่มปัญญา ยิ่งคนมาเรียน ต้องทำงาน มีครอบครัว รับผิดชอบลูก อายุกลางคน สารพัดหน้าที่ และเรียนก็ต้องจ่ายเงิน ครับมานะอดทน ขอปรบมือให้ชีวิตจริงๆ ของคน ถ้าพัฒนาปัญญา ความรับรู้สิ่งดีงาม และถูกต้องก็ง่ายขึ้น แต่อย่าลืมวัดและโรงเรียน สถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยาผู้สอน ผมอ่านหนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ. คนไทย (หญิง) 28 ปี ไปสมัครเรียนหนังสือ ป.1 ผมถือว่าเป็นคนดี และเป็นแบบอย่างที่กระทรวงศึกษา น่าจะเอารูปลงเป็นแบบอย่าง โฆษณาคำพูดที่ว่า "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" โดยเฉพาะสังคมไทย เป็นสังคมที่ชอบคิดสิ่งดีงามเป็นสิ่งเลวร้าย อย่างอายุมากมาเรียน ทำไมไม่เรียนตอนอายุน้อย ครับผู้หญิงคนนี้กล้าหาญบอกว่าเป็นเด็กไม่มีโอกาส ช่างเป็นความมหัศจรรย์ จอดรถเปิดประตูก้าวลง อีกไม่นาน 9 โมงเช้า เด็กจะอยู่ไหนๆ ปล่อยเวลาให้เป็นของตัวเอง เลือกกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เด็กไทยปัจจุบัน เด็กๆ เติบโตตามความคิดของผู้ใหญ่ วันหยุดของเด็ก ต้องกวดวิชา เพราะถ้าไม่กวดวิชา ย่อมไม่มีโต๊ะนั่งเรียน ยกเว้นมีบารมี คือตำแหน่ง อำนาจ และเงิน คนไทยเกือบทุกคน เหมาว่า คนมีเงินคือคนที่มีหลายอย่างเบ็ดเสร็จ หลายคน ปกติเคยเดินพึ่ง พอคนมีเงินเดินผ่าน กลายเป็นคนหลังงอ พูดไม่ฉะฉาน ความรู้สึกเกรงกลัว ครับถ้าสังคมมีคนประเภทนี้มากสังคมย่อมพิการ ทั้งๆ ที่คนมั่งมีมากรายสูบเลือดจากคนยากไร้

เด็กที่เติบโต ในสังคมของประเทศพัฒนา เด็กจะมีพฤติกรรมเรียน เล่นและพักผ่อน เหมือนกับโรงเรียนเด็กเล็ก ชั้นอนุบาลและประถมจะใช้ระบบของมอนเทสซอรี่ คือเรียน และเล่น การเล่นคือการเรียนอันหนึ่งเด็กสามารถสร้าง รื้อ ความคิดของตัวเอง ผมอ่านหนังสือให้หลาน 4-5-6 ขวบ เกือบทุกคืน หลานอยากให้อ่าน เหมือนนิทานก่อนอน เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ จริงๆ ของชีวิต อย่างสัตว์น้ำ ปลาฉลาม ภูเขาไฟ ป่า อาหาร

เสียงระฆัง เด็กจะมารวมตัวหน้าตึกที่ผมกำลังจะก้าวเข้าไป ทุกเช้าเด็กจะร้องเพลงชาติเคารพธง ธงไทย มีชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยเรา พระองค์อุทิศกาย ใจ ทำงานหนักเป็นแบบอย่าง เพื่อการมีชีวิตที่ดีของประชาชน เหมือนกับน้ำท่วม สร้างความเสียหายและเดือดร้อน พระองค์ท่านบอกเล่ามานานปีอย่าทำลายป่าไม้ สร้างเขื่อนและดูแล และปรับปรุงทางน้ำไหลผ่าน

ชีวิตผม ไม่เคยมีความรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะตื่นแต่เช้า ไปยืนเบียดกับฝูงชน ก่อนเวลาที่พระองค์เสด็จ ก่อนหลายชั่วโมง เพื่อต้อนรับพระองค์ท่าน ถวายความจงรักภักดี ทุกครั้งตื่นเต้น มีความสุขใจ ยิ่งตอนจบมหาวิทยาลัย รับใบปริญญาจากพระหัตของพระองค์ท่าน ฝึกการรับท่าเอางาน 3 วันเต็ม ทำแล้วทำอีก พูดจากใจเป็นสุข และพอใจ

ช่วงหลายปี มีคนกล่าวร้ายต่อพระองค์ท่าน ต่อหน้าประชาชน และในอินเตอร์เน็ต และยิ่งแปลกใจมาก คนมีหน้าที่ป้องกัน ปล่อยให้คนทำผิดมีที่ยืนอยู่ได้ โดยไม่ทำอะไร ให้ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับเด็ก เราจึงเห็นว่าสังคมไทยปัจจุบัน คนมีอำนาจเอาเปรียบ มีอภิสิทธิ์ กฎหมายหย่อน แล้วเราจะเห็นสังคมดีๆ ถูกต้อง จะบังเกิดขึ้นไหมนี่ ถึงจะเกิดขึ้นก็ต้องอาศัยเวลา

ปีกขวาของตึก เป็นห้องสมุด ถ้ามีเวลาอยากหลบหามุมสงบ เชิญ ห้องหนังสือส่วนมากก็จะมีเกือบทุกบ้าน เพราะหนังสือคือกิจกรรมร่วมกัน พ่อแม่ลูก คนขี้เบื่อถ้าไม่รังเกียจอ่านหนังสือจะพบหนทางที่ดี คนติดอุปกรณ์สมัยใหม่ วันหนึ่งผมนั่งอยู่มุมห้อง คนสองสามคนนั่งบนโต๊ะเดียวกัน ต่างไม่พูดจา ง่วนกับอุปกรณ์สมัยใหม่ iPad Notebook Computer คงไม่นานเกินรอ คนก็จะเปลี่ยนนิสัยใจคอ เมื่อขาดสังคม คุยกับอุปกรณ์ ชีวิตความมีมนุษย์สัมพันธ์ขาดหาย ไม่สนใจความเป็นธรรมชาติ ลูกหลานคนไทย เดี๋ยวนี้ติดวัตถุ เงินหามาได้ไม่พอใช้ ลงไปกับสิ่งเหล่านี้ไม่นานของใหม่มา ก็ย่อมต้องอยากเปลี่ยนก็วัตถุนี่ ความคิดให้ความสะดวกสบาย ออกตลาดใหม่ๆ ถือไปไหนคนเหล่ตา อยากคุยด้วย

ก๊วนคนติดวัตถุ คงจะเมื่อยเงยหน้าคุยกัน พวกเขาจ้อ เดี๋ยวนี้โลกแคบลงมาก อยากคุยกับใคร กิ๊กเดียวได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง คนหนึ่งโบ้ยไปชั้นหนังสือมีประตูกั้น อีกไม่นานก็คงไม่มีใครสนใจ คงเก่าเก็บไม่ผ่านมือ นี่ดีนะก๊วนเราไหวตัว วิ่งตามความก้าวหน้าใหม่ๆ ไม่อย่างงั้นชีวิตคงเหงาพิลึก

สำหรับผม คงเป็นฝ่านตรงข้ามห้องสมุดยังมีความหมาย และยิ่งจะมีความหมายมากขึ้นไปเสียด้วย เพราะห้องสมุด คือที่รวมของคนเป็นๆ หายใจได้ มีความรู้สึกชอบพอเหมือนกัน ได้คุย ได้สัมผัส เสียงหัวเราะ ได้เห็นอากัปกริยาของความสุข

โดยเฉพาะเมืองเบิร์กเล่ย์ ทุ่มเงินหลายล้านเหรียญ ปรับปรุงห้องสมุดหลายแห่งโดยเฉพาะห้องสมุดติดกับวัดมงคล รื้อของเก่าทิ้ง สร้างใหม่ เพราะเขาคิดว่าห้องสมุด ในอนาคตคือ ผลรวมของกิจกรรมมากมาย โดยเฉพาะห้องสมุดใกล้วัด สิ่งเด่นคือมีเครื่องมือให้ยืม จะเป็นเลื่อย ที่ขุดดิน อุปกรณ์ตัดกระเบื้อง ครับอีกมากมายสารพัด

อีกมุมหนึ่ง ห้องสมุดของวัด มีโยมกำลังสนทนากับพระ การสนทนาการพูดคุยหรือถกเถียง ถือว่าเป็นสิ่งที่งอกเงยความรู้ ตั้งแต่เด็ก ก็ซักถามพ่อแม่ตลอด การซักถามวัยเด็ก เหมือนกับการสนทนา ลูกถามในสิ่งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ พ่อแม่ตอบให้เหตุผล บ่อยครั้งพ่อแม่ห้ามลูกให้หยุดเล่นกลางคัน ลูกๆ รู้สึกไม่ชอบ แม่พ่อทำไม่ถูกต้อง ห้ามความสนุกและเพลิดเพลิน พ่อแม่ตอบลูก การเล่น การทำงาน อ่านหนังสือ ย่อมต้องมีเวลาหยุดพัก เหมือนกับลูกเล่น ลูกมีงานหลายอย่างต้องทำ อาบน้ำ ทานอาหาร ทำการบ้าน และหลับนอน

อีกมุม โยมนั่งพับเพียบ กริยาสงบ แสดงถึงความเคารพ ดิฉันอ่านหนังสือของพระ จำไม่ได้อ่านที่ไหน และพระคุณเจ้าท่านไหนเป็นคนแต่ง อ่านแล้วเก็บมาคิดไม่แน่ใจว่า ความเข้าใจถูกต้องไหม คำพูดที่ว่าซื้อกระจกส่องหน้า เป็นของขวัญให้ตัวเอง และยังบอกว่า ที่จริงกระจกเหมาะที่จะซื้อเป็นของขวัญให้คนอื่น คนที่เคารพ นับถือ แต่หนังสือบอกว่า คนได้รับนอกจากจะไม่ชอบแล้วยังฉุน พาลโกรธคนให้ เหตุผลเพราะอะไร ดิฉันรู้ว่ากระจกมีประโยชน์ ไว้ส่องดูหน้าตาตัวเอง แล้วมาพาลโกรธดิฉันทำไมถ้าส่งให้ ที่จริงควรจะขอบใจเสียด้วยซ้ำ และในหนังสือยังบอกว่าซื้อไว้ส่องจิตใจ และภายในตัวเองได้ดี ท่านคะข้างในกระจกส่องเราจะเห็นได้อย่างไร

โยมเข้าใจถูกต้องจะซื้อกระจก หรือของขวัญอย่างอื่นให้คนรู้จัก และตัวเรา มันน่าจะดี แต่คนที่ได้รับเขาคิดมากว่า ซื้อกระจกเพื่อส่องดูตัวเองว่าพฤติกรรมต่างๆ และสุขภาพกายจริงๆ ดีหรือไม่ดี ถ้าดีอยู่แล้วอย่างน้อยรักษาให้อยู่คงทน ถ้าไม่ดีก็ปรับปรุง ถ้าคนคิดได้อย่างนี้ จะส่งของขวัญอะไรก็พอใจ ยิ้ม ของใจคนส่งของขวัญมาให้อยู่ในใจ

แต่โดยความเข้าใจ คนที่ได้รับของขวัญเป็นกระจก คนทั่วไปคิดว่าเขามีพฤติกรรมที่ไม่ดีงาม ดูแล้วจะได้ปรับปรุง คนรับยิ่งคิดยิ่งฉุน ฉันจะดีจะชั่วก็ตัวของฉันย่ะ เอาตัวเองให้รอด ทำดีก็แล้วกัน

กระจก ส่องภายใน เราเห็นนภายในก็โดยการรับรู้ สิ่งต่างๆ เราเป็นผู้รู้และปฏิบัติ เมื่อเรามองดูกระจก เท่ากับเตือนสติ สิ่งที่ไม่ดีงาม ทำอะไรขาดสติ ผลลัพธ์ย่อมไม่ดี เราน่าจะปรับปรุง

ครับกุฎิหลังนี้ มีอะไรดีๆ มากมายพระท่านสอนเสมอ โยมการพิจารณา รู้จักคิดจะทำให้ชีวิตมีแต่งอกงาม ชีวิตคนการเรียนรู้ภายนอก และภายใน(จิต) ภายนอกวิธีการเรียน เห็นของจริง ต่อเนื่องแบบวิทยาศาสตร์ การเรียนความรู้สึกที่เกิด ทุกข์ สุข กังวล สงบ ฉุนเฉียว สิ่งเหล่านี้เป็นภายใน ปัญหาที่เกิดจากจิตมากมาย เป็นผลต่อชีวิตคน พุทธศาสนาแก้สิ่งเหล่านี้ได้ โดยการป้องกัน เหมือนสร้างภูมิป้องกันโรค และคนที่ช่วยแนะเราได้คือพระสงฆ์ เป็นทายาทของพุทธศาสนา ถ้าจะเรียกว่าหมอ แนะให้สร้างภูมิป้องกัน เมื่อมาวัด ถือว่ามาถูกที่