ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
วันเกิด ตอนที่ 2

จริงอย่างเจ้าของวันเกิดย้ำ มาร้านช้างสะดวกหาง่าย โดยเฉพาะเมืองที่ไปคุ้นเคย ที่ไหนก็ตามถ้าเราคุ้นเคย ความรู้สึกดี ถึงจะขับรถขาดหรือเกินบ้าง คงจะพบร้านในที่สุด

ร้านช้างดูข้างนอกใหญ่โต คนโจษทั่วเมืองอร่อยมาก ตอนเปิดใหม่ๆ คนแห่มากิน เข้าคิวนานนาที พอได้ที่นั่งยังต้องรออาหารที่สั่งอีก บางร้านถ้ายุ่งอย่างนี้ การได้รับการบริการก็ขาดตกบกพร่อง ถึงความรู้สึกจะเข้าใจ แต่เมื่อทุกอย่างเสียเวลาย่อมฉุน ถึงจะระบายออกบ้างแล้ว ทิปที่ให้ย่อมบกพร่อง พอเดินเข้าข้างใน การตกแต่งดูดี ภายในกว้างถูกแบ่งโดยโต๊ะ ยกพื้น และบาร์

มองหาโต๊ะคนวันเกิด ครอบครัวคนเกิดยืนคุยหัวโต๊ะ การจัดโต๊ะแปลก หัวโต๊ะใช้โต๊ะกลมและต่อด้วยโต๊ะสี่เหลี่ยม ไม่เคยเห็น ร้านฝรั่งมีโต๊ะกลม เคยเห็นเป็นประจำ ร้านจีน เพราะการกินอาหารของคนจีนนิยมยกมาทั้งครอบครัว และระบบอาหารจะจัดเป็นชุด ราคาถูกกว่าสั่งแยกเป็นจาน และอาหารชุด จะมีซุปมาด้วย บางที่มีของหวานแถมท้าย ประเภทถั่วแดงต้มน้ำตาล หรือสาคูเปียก ถ้ารู้วิธีใส่กะทิจะถือได้ว่าสมบูรณ์ คนยังมาไม่ครบ ถึงเวลาจะเลยไปบ้าง ครับเคยได้ยินคนไทยพูดไหม เวลานัดอย่ามาตามเวลาไทยเน้อ คือมาสายเป็นประจำ

ก่อนโน้นผมก็ทำตัวไปสาย เมื่อชีวิตเริ่มนึก เราทำตัวไม่ถูกต้อง เพราะงานที่จัด กิจกรรมที่มีบ้างครั้งยังเริ่มไม่ได้ เลยคิดว่าน่าอาย เดี๋ยวนี้ไม่สายแล้วจ้า ชีวิตทุกคนมีโอกาสทำผิด รู้ตัวปรับปรุง แก้ไข กลายเป็นคนดีได้เสมอ โดยปกติคนนั่ง หัวโต๊ะคือที่นั่งของประธาน ผมไม่ได้หมายถึงคนวันเกิด เพราะคนวันเกิด ถ้านั่งกลางโต๊ะ ล้อมรอบด้วยเพื่อนซี้ การคุยสะดวก และทั่วถึง แต่หัวโต๊ะยกให้เป็น ประธานของงาน คือบุคคลจ่ายสตางค์ ประเทศไทยเรื่องแย่งกันจ่ายเงิน ยังมี ถึงเศรษฐกิจไม่ดี ความรู้สึกอยากเลี้ยงเพื่อน ไม่เคยหดหาย ประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่ลูกๆ ยังอยากตอบแทนพ่อแม่ อยากเลี้ยงดูท่าน ทำงานส่งเงิน อยากให้ท่านได้ใช้บ้าง เราสอนและเห็นสังคมปฏิบัติ ตอบแทนผู้มีพระคุณรวมทั้งแสดงตัวอ่อนน้อม เด็กๆ เรียนรู้จากสายตา และความรู้สึก ความดีงามจะติดตัวเราไป ประเทศเราสิ่งดีงามยังมีมากมาย อย่างความสงสารคนด้อยกว่า อย่างขอทาน เด็กอนาถา แต่เดี๋ยวนี้สังคมเริ่มเพี้ยน เด็กรุ่นใหม่ช่วงจบมหาวิทยาลัย หย่าร้างมากขึ้น เด็กถูกทอดทิ้ง นิยมชมชอบคนโกง ติดวัตถุ ยิ่งภายในสภาพูดจารุนแรง ก้าวร้าว เราตั้งใจฟัง ยิ้มเชีย แต่ผลประโยชน์ส่วนรวม ที่จะยกฐานะความเป็นอยู่ไม่พูดถึง ไม่สนใจว่าจะอยู่กันอย่างไร มีงานทำ มีเงินใช้ ถ้าจะมีคนตำหนิ ว่าคนของชาติเรานับวันยิ่งตกต่ำความคิด ติดวัตถุ ผมคล้อยตาม

เรื่องจริงของชีวิต ถ้าเราเลือกหนทางผิด ความถูกต้องย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ สำหรับติ๋มคนวันเกิด เลือกหนทางดำเนินชีวิตถูกต้องให้ตัวเองและครอบครัว ช่วงหลายปี แม่จิมเริ่มป่วย คนแก่และยิ่งช่วง 2-3 ปี โรคความจำเสื่อม ครับติ๋มย้ายแม่มาอยู่ด้วยกันที่บ้านเพื่อดูแล คนความจำเสื่อมคนดูแลต้องทำงานหนักเพิ่ม และสำคัญยังต่อสู้กับความรู้สึกทางจิตใจ อย่างแม่คิดว่าตัวเป็นคนใช้ เมื่อนั่งทานอาหารกับสามีคือลูกชาย ย่อมถูกตำหนิ

ติ๋มทำงานเพื่อครอบครัว ออกจากงานดูแลสามี เข้าครัว เป็นคนจ่ายตลาด หลังบ้านงานดูแลต้นไม้มีได้ทุกวัน สายเพื่อนติ๋มพูดว่า ต้นมะกรูดที่ติ๋มปลูกและดูแลงอกงาม ใบสะอาด ใหญ่ บ่อยครั้งติ๋มตัดใส่ถุงมาให้ สายเคยถามว่าทำไมไม่ตัดไปขาย ก็จริงเงินก็จำเป็น สำหรับเรา แต่ถ้าแจกเพื่อนๆ ฉันมีความรู้สึกดีกว่า ถึงเงินจะสำคัญและมีค่า แต่ก็ไม่สามารถซื้อ "ความสุข ที่เกิดจากความปรารถนาดีไม่ได้ เธอว่าจริงไหม"

โดยเฉพาะลูกๆ ติ๋มผลักดัน ให้ขยันเรียน ประสบการณ์ของคนมีการศึกษา ถึงจะไม่ใช้ทำงานหาเงินโดยตรง แต่การศึกษาคือปัญญา เพียงรู้จักบริหารชีวิตและครอบครัว ให้มีความสุข ก็เพียงพอแล้ว

ชีวิตเรา ถ้ามีพ่อแม่เป็นที่พึ่ง ลูกๆ และหลานย่อมมีความมั่นคง เพราะระบบครอบครัวที่เกิดจากพันธุกรรมเดียวกันย่อมผูกพัน ย่อมมีความรัก ความห่วงใยพึ่งพา ช่วยเหลือ ถึงจะทำผิดต่อกันบ้างแต่ก็ควรให้อภัย

ผมชอบคำสอนของพุทธศาสนา ที่ว่า "ทุกสิ่ง ความดีงาม ความทุกข์ ความสุข เลือกเดินทางดีเพื่อชีวิต เกิดจากตัวเราเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น"

ส่วนตัวผมพยายามทำและคิดในตามคำสอน แต่รับว่ายากต้องฝืนตัวเองตลอด แม้แต่ความคิด ไม่โกรธ ไม่คิดร้ายต่อคนทำร้ายเรา ก็ยากที่จะหลุดพ้นได้ แต่เชื่อว่า ถ้าใจเรารับรู้ และเห็นว่าไม่ถูกต้อง พยายามปรับปรุง วันข้างหน้าสิ่งดีๆ จะขยายผลของมันตลอดเวลา จริงไหมเพียงแต่เมื่อทำผิดยอมรับ และขอโทษชีวิตจริงๆ ก็มีคุณค่ามาก

แต่วันนี้ ค่าใช้จ่ายของวันเกิด คนนั่งหัวโต๊ะนั่งเฉย คนจ่ายคือเจ้าของวันเกิด ชีวิตจริงคนสร้างครอบครัว เป็นสามีภรรยา ปัจจัยแรกคือความรัก ย่อมพึ่งพา ช่วยเหลือ และทุกอย่างมันน่าจะรวมเป็น หน่วยเดียวคือต่างทำงาน เอาเงินรวมกันถ้าทำได้ หักค่าใช้ส่วนตัว เงินใช้จ่ายกองกลาง เหลือเก็บออม แค่นี้ชีวิตก็พบกับความสบายใจแล้ว ติ๋มกับจิมทำตามที่ผมพูด จิมทำงานคนเดียว ติ๋มทำงานบ้าน เมื่อจิมเงินออก ถึงไม่ให้หมดทั้งเช็ค แต่ก็ให้ตามที่ความเป็นจริงในการใช้จ่ายติ๋มได้รับ แม้แต่ได้รับการสนับสนุนให้ไปเรียน เพราะจิมคิดว่า ติ๋มมีเวลาพอที่จะไปเรียน คุย และมีเพื่อน ครับคนพื้นเพมีการศึกษา คิดตรงและจะทำหรือไม่ก็แล้วแต่

สังคมปัจจุบัน โลกสมัยใหม่ หนังสือจิตวิทยาเปลี่ยนเนื้อหาและสาระใหม่ คนเขียนหนังสือบอกว่าตามไม่ค่อยทัน สังคมยอมรับว่า หญิงชายสมัยนี้ จะอยู่ด้วยกัน เพื่อลองการมีชีวิตครอบครัว ศึกษานิสัยซึ่งกันและกันว่าจะอยู่กันได้ไหม

แต่ส่วนมาเลิกราในที่สุด มันเป็นเรื่องธรรมดา การอยู่ด้วยกัน คือระบบครอบครัว คำว่าครอบครัวเป็นความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต เมื่ออยู่ด้วยกัน ย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบ เกื้อกูล เมตตา พึ่งพา ยิ่งแต่งงานมีลูก ย่อมทุ่มเทมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรลูกของเราเติบโต มีชีวิตที่ดี คำว่าที่ดีคือช่วยเหลือตัวเองได้ เจริญก้าวหน้าในชีวิต

แต่ชีวิตจริง คนเราส่วนมากอยู่ด้วยกัน รู้ถึงนิสัย เมื่อร่วมกันเป็นยูนิตเดียวไม่ได้ การแยกกันเพื่อชีวิตที่ดี ไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหาย โดยความเป็นจริง ยังน่าจะมีความเป็นเพื่อน ยังคุย ช่วยเหลือ พึ่งพา

แต่มากราย พอเลิกรา แยกกัน ฟ้องร้องต่อศาล เรียกร้องเงินทองที่ยืม และช่วยเหลือแม้แต่ ครอบครัว ซึ่งพ่อแม่และลูกยังฟ้องร้องเรื่องเงิน ผมยอมรับ เงินมีค่าเสมอ เพราะชีวิตผมบ่อยครั้ง เงินไม่มี และก็แปลก ไปไหนเงินขาดกระเป๋า เห็นอะไรก็อยากได้ เห็นอาหารหิว แม้แต่ความรู้สึกของเรายังไม่ไว้หน้าเราเลย แล้วจะคิดว่าคนอื่นจะไม่คิดถึงผลประโยชน์ จิตแพทย์ครับอยู่ไหน เชิญมาหน่อย ช่วยด้วย

ครอบครัวติ๋มยืนเป็นกลุ่มอยู่หัวโต๊ะ มีสามีลูกชาย และครอบครัวลูกสาว รวมทั้งหลานชายด้วย ผมเดินเร่เข้าไป จะถึงกลุ่มเพื่อนๆ ก่อน ผมกล่าวทักบางครั้งยกมือไหว้ คนไทยมากคนบอกว่า ยกมือไหว้คนอายุน้อยกว่าไม่ถูกต้อง สำหรับผมถูกต้องที่สุด การไหว้คือการทักทาย จะอายุมากหรือน้อยกว่าก็ใช้ได้ทั้งนั้น เพราะการไหว้ คือความพร้อมของกายใจ ผมเชื่อว่า การทำสิ่งดีๆ ไม่ต้องรอ ถ้ามีโอกาสทำได้เสมอ

ผมมีเพื่อนรุ่นน้อง นั่งคุยงานวันเกิด ได้ความคิดเป็นคนชอบสนุก ผมหมายถึง ชอบมีเพื่อน พบปะ คุย ชื่อ "เส" คุยกันงานวันเกิด เขาบอกว่าวันหนึ่งนั่งบาร์ที่ดาวทาวน์ซานฟรานซิสโก ครับเป็นเมืองท่องเที่ยว ชอบนั่งเคาน์เตอร์ พอแก้วที่สองเริ่มขยับโต๊ะ มองพื้น ตาโต บอกเพื่อนเฮ้ย เงินปึกเบ้อเร่อตกอยู่ เสหยิบ ความอยากรู้ นับดูฟ่อนนี้ เกือบพันเหรียญ ชีวิตเส มาอยู่อเมริกานาน สิ่งแรกเรียนรู้ ซื่อสัตย์ คุยกับเพื่อน เราควรคืนเงินให้กับบาร์ และคนทำเงินตก เป็นนักท่องเที่ยว คงวุ่นวาย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า คนท่องเที่ยวจะรู้ได้อย่างไรเงินตกที่ไหน เพราะทั้งวันไปโน่น ออกไปที่นั่น ย่อมนึกไม่ออก

ถ้าเราเก็บแล้วแบ่งกัน น่าจะเป็นบาป แต่ถ้า เราเอางเงินนี้ ซื้อเหล้าดีๆ กินอุดหนุนร้าน ก่อนออกทิปคนชงเหล้ามากหน่อย รุ่งขึ้น เพื่อนชวนไปวัด ทำสังฆทาน ถือโอกาสถวายเงินที่เรียกว่า ลาภ

ปัญหาที่เกิดบาปบุญกุศลที่เราได้เงินแล้วเก็บ แต่ทำบุญตามที่บอก สิ่งดีกับไม่ดี อะไรมันจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน แก้กันได้ไหม ระหว่างคิดเพลินถึงสี่แยก เจอคนโซขอเงิน หยิบเงินพอค่าแซนวิส เขากล่าวขอบคุณ ความรู้สึกชุ่มใจ เออเกินคุ้ม กำไร