Inside Dara
"จุ๋ย"เลือกทางเดินชีวิต ร่วมงานที่ใหม่-เพิ่มไฟทำงาน

กลายเป็นข่าวครึกโครมที่ลือว่าจุ๋ย"วรัทยา นิลคูหา นางเอกสาวสังกัดค่ายกันตนา แห่งช่อง 7 ข้ามวิกไปซบอกวิก 3 และข่าวที่ว่าก็มีแนวโน้มเป็นจริงซะด้วย เมื่อนางเอกสาวขอยกเลิกสัญญากับกันตนาก่อนกำหนด ทว่าไม่ได้เป็นการยกเลิกเพื่อไปเป็นนักแสดงช่อง 3 แต่ยกเลิกเพื่อเป็นนักแสดงอิสระ โดยประเดิมเล่นละคร "บ่วงวันวาร" กับค่ายเอ็กแซ็กท์ วันนี้ในวันที่ทุกอย่างคลี่คลายจุ๋ย" ได้เปิดโอกาสพูดคุยในฐานะนักแสดงอิสระเป็นครั้งแรก


ตอนนี้สบายใจหรือยัง หลังทุกอย่างคลี่คลาย?

จุ๋ย - "จริงๆ จุ๋ยไม่ได้ไม่สบายใจอะไร ก็ทำงานปกติ ถือว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องการทำงานที่ถึงจุดๆ หนึ่งต้องเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อประสบการณ์ในชีวิต พัฒนาตัวเอง เปลี่ยนสังคมใหม่ๆ ให้ตัวเองเกิดแรงกระตุ้น มีความแอ๊กทีฟ และเกิดไฟทำงาน" "วัตถุประสงค์ของจุ๋ยที่ถึงจะมีการโยกย้าย แต่เราต้องการให้คนดูมีความสุข และเราได้พัฒนาทั้งการแสดงละครและงานพิธีกรให้มากขึ้น ให้คนดูรู้สึกว่าเรามีความสามารถมากขึ้น"


จุดไหนทำให้คิดว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง?

จุ๋ย - "ดูที่จังหวะชีวิตว่าเรารู้สึกอิ่มตัวหรือเปล่า หรืออยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่มีจุดบอกตายตัว แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองค่ะ" "ช่วงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เราคิดมานานและปรึกษาคนรอบข้าง มีหลายหัวสมองช่วยคิด แต่ไม่ได้หมายความว่าที่เดิมไม่ดี แต่หมายความว่าพอเราถึงช่วงอายุนี้ เราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากพัฒนาตัวเอง เป็นเรื่องของอายุการทำงานมากกว่า"


ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาค่อนข้างแรง อย่างมีบางคนมองว่าอกตัญญู?

จุ๋ย - "เรารู้ตัวดีที่สุดว่าใจเราอกตัญญูหรือไม่ จุ๋ยมีความกตัญญูกับกันตนากับพี่ตุ๊กตา(จิตรลดา ) ร้อยเปอร์เซ็นต์ สำนึกในบุญคุณตลอด ไม่มีเหตุผลที่จะอกตัญญูเพราะกันตนาเป็นที่ที่สร้างเราขึ้นมา" "แต่พอถึงอายุ ณ จุดๆ หนึ่ง และการทำงาน ณ จุดๆ หนึ่งมันอยากเพิ่มพูนประสบการณ์ ความรู้ บางทีแนวการทำงานที่เดิมอาจไม่ได้ทำให้กระตุ้นตัวเอง ซึ่งตรงนี้คนอื่นอาจจะกระตุ้นตัวเองได้โดยอัตโนมัติ แต่เราอยากมีอะไรที่จี๊ดจ๊าดในชีวิตไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่ออกมาหรือบางทีสื่อมากดดันหรือมาถาม บางทีจุดนี้จะมีส่วน อาจเปลี่ยนถ้อยคำโน่นนี่ บิดเบือนความรู้สึกที่แท้จริง ซึ่งจุ๋ยเข้าใจผู้ใหญ่ทุกท่าน เขาต้องการทำตามกระบวนการ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่เป็นแบบแผนสำหรับรุ่นต่อๆ ไป"


รู้สึกกดดันหรือเปล่ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้?

จุ๋ย - "ไม่เลย สิ่งที่จุ๋ยเลือกเดินจะดีหรือไม่คือสิ่งที่เราเลือกเอง เป็นสิ่งที่อยากเผชิญ คือดวงชีวิตเรา คือชะตาชีวิตเรา ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับชีวิตใครหรือดำเนินรอยตามใครหรือเลียนแบบใคร มาจากความคิดของจุ๋ย จุ๋ยออกมาได้ทำงานและเจออะไรใหม่ๆ จุ๋ยไม่ได้คาดหวัง แค่มีความสุขกับตัวเอง พัฒนาฝีมือตัวเองและรับผิดชอบสิ่งที่ได้รับมอบหมาย แค่นี้ภูมิใจแล้ว"


รู้สึกอย่างไรกับคำพูดที่ว่าเป็นนักแสดงคนแรกที่กล้าฉีกสัญญา?

จุ๋ย - "จุ๋ยไม่ได้ฉีกสัญญา สัญญามีข้อบ่งชี้อยู่แล้วว่าสามารถออกได้ก่อนกำหนด แต่ต้องทำตามสัญญาที่ระบุ ที่กำหนดไว้ว่าถ้าจะออกก่อนเวลาต้องทำอย่างไร อาจมีเสียค่าปรับบ้าง คำว่าฉีกสัญญาเป็นคำที่แรงเกินไป จุ๋ยได้คุยกับพี่ตุ๊กตาวันที่สิ้นสุดสัญญา จุ๋ยไปกราบและกอดพี่ตา ขอบคุณมากๆ จุ๋ยรักพี่ตา ไม่อยากให้ข่าวมา กระทบ พี่ตาก็น่ารักและบอกว่าจริงๆ แล้วฉันรักเธอนะ"


8-9 ปีที่อยู่กับกันตนามา เป็นอย่างไรบ้าง?

จุ๋ย - "กันตนาเป็นที่ที่เริ่มต้นชีวิตที่ดีมากๆ กับละคร กษัตริยา ทำให้คนมองเราว่าเป็นผู้หญิงไทย เป็นบุคลิกที่ติดตัวจุ๋ยมาจนถึงขณะนี้ เวลาใครนึกถึงผู้หญิงไทยต้องมีจุ๋ยเป็นหนึ่งในนั้น บทพระสุพรรณกัลยา เป็นบทที่สูงมากในชีวิต ถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดที่ได้ร่วมงานกับกันตนาในละครเรื่องนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สวยงามและสง่างาม"


ตัดสินใจนานไหม กว่าจะมาเริ่มต้นงานที่ใหม่กับค่ายเอ็กแซ็กท์?

จุ๋ย - "จริงๆ มีหลายค่ายเข้ามาคุย จุ๋ยอยากทำงานกับทุกค่าย แต่อยู่ที่ระยะเวลาหรือข้อตกลงหรืออะไรหลายๆ อย่างที่เราสะดวกที่จะทำกับที่ไหนเป็นที่แรก พอเอ็กแซ็กท์ติดต่อมาไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ เพราะที่นี่เป็นค่ายคุณภาพในเรื่องละคร และละคร บ่วงวันวาร บทก็น่าสนใจ และการทำงานกับที่นี่ก็ต่างจากที่เราเคยเจอมา จุ๋ยได้ประสบการณ์ ได้พัฒนาอะไรมากขึ้น จุ๋ยชอบทำอะไรใหม่ๆ เพื่อไม่ให้จำเจ และเราก็ได้รู้จักคนในวงกว้าง ได้เห็นการแสดงของนักแสดงใหม่ๆ"


ตอนนี้ตัดสินใจหรือยังว่าจะเซ็นสัญญากับที่ไหน?

จุ๋ย - "เป็นเรื่องของอนาคต ถ้ามีข้อตกลงหรือทุกอย่างเหมาะสมและเข้ากับบุคลิกของจุ๋ย เข้ากับความฝันของจุ๋ยเข้ากับสิ่งที่จุ๋ยยอมรับได้ก็ไม่แน่ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็น ณ เวลาไหน แต่ ณ ตอนนี้จุ๋ยมีอิสระเต็มที่ในการรับงานละคร สามารถไปเล่นได้ทุกค่าย ทุกช่องค่ะ"


นอกจากงานแสดง ตอนนี้ยังมีพิธีกรรายการ "ชิงช้าสวรรค์" อีก?

จุ๋ย - "จุ๋ยทำพิธีกร ชิงช้าสวรรค์ จะขึ้นปีที่ 2 แล้ว เวิร์คพอยท์ฯ เป็นบ้านอีกหลังที่เราเข้ามาแล้วได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แม้เราไม่ได้เป็นเด็กเขา แต่ได้รับการสอน ได้ประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ ทุกคนสอนให้ความรู้และวิชากับเรามากๆ"

"ถามว่าชอบอย่างไหนมากกว่ากันระหว่างงานแสดงกับงานพิธีกร จุ๋ยชอบเท่ากันเลยค่ะ งานแสดงทิ้งไม่ได้เพราะมันอยู่ในสายเลือด และเราเกิดมาจากงานแสดง ส่วนพิธีกรเป็นงานใหม่ที่ท้าทาย รู้สึกได้ถึงความรู้ ความเก่ง ไหวพริบที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละเทปที่ทำ จากคนที่ไม่รู้จักอะไรเลย ไม่รู้จักจังหวะจะโคนในการพูด แต่โชคดีที่เป็นคนพูดชัดแต่ติดพูดเร็ว พอเป็นพิธีกรจะถูกพัฒนาขัดเกลามาเรื่อยๆ จนตอนนี้เริ่มสมูธขึ้น"

"ตอนนี้จุ๋ยอยากเอาให้ได้ดีทั้งสองอย่าง เพราะเราถึงอายุที่ต้องรับภาระหนักขึ้นได้แล้ว เราสามารถรับผิดชอบได้ทั้งงานละคร พิธีกร งานประจำ และธุรกิจส่วนตัว ต้องขยายความมั่นคงของชีวิตออกไปเรื่อยๆ"


วันนี้ถือว่าชีวิตลงตัวหรือยัง?

จุ๋ย - "ลงตัวค่ะ จุ๋ยไม่เคยคิดว่าชีวิตเราไม่ดี เราถือว่าเราโชคดีที่มีครอบครัวที่ดี มีคุณพ่อ คุณแม่ พี่น้อง เพื่อนเป็นกำลังใจ ถือว่าชีวิตลงตัวหมดยกเว้นเรื่องความรักค่ะ"


เรียกว่าได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง
รักต้องกลมกล่อม-เป็นได้ทั้งเพื่อนพี่น้อง

โสดมาเกือบ 2 ปี ตั้งแต่เลิกกับหนุ่มนิว"วงศกร ปรมัตถากร โดยที่ผ่านมานางเอกสาวจุ๋ย-วรัทยา" มุ่งมั่นงาน แต่ก็ไม่ใช่จะปิดใจเรื่องรัก จุ๋ยเผยว่า "ถ้าความรักเข้ามา จุ๋ยยินดีเปิดใจศึกษา แต่ศึกษาต้องระมัดระวัง ใจเย็นขึ้น ไม่ได้อยู่ในวัยปั๊ปปี้เลิฟแล้ว ต้องใช้เวลาและมั่นใจจริงๆ ก่อนเปิดตัว เพราะจุ๋ยอยากให้แฟนคนต่อไปคือคนที่แต่งงานกับจุ๋ย" ความรักครั้งที่แล้วกับนิว-วงศกร" ดาราสาวรับว่าค่อนข้างทุ่มเท เพราะเธอเป็นคนที่เวลารักใครจะเต็มที่กับทุกคน ซึ่งถ้าหากมีรักครั้งใหม่จึงต้องเผื่อใจไว้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แย็บถึงหนุ่มโตโน่"ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่คนเชียร์เยอะหลังถ่ายแบบด้วยกัน และตอนนี้มาเล่นละคร "บ่วงวันวาร" ด้วยกันอีก ล่าสุดวันเปิดกล้องมีคนบอกดูหวานแหววกันมาก สาวจุ๋ยรีบปฏิเสธ "หวานแหววที่ไหน อาจจะมีข้อความที่ออกมาว่าเคมีตรงกัน ตรงนี้ถือเป็นกำลังใจและเป็นข้อดีของละครเรื่องใหม่ แต่โตโน่ก็ถือเป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่มีอะไรค่ะ" ถามว่าแรงเชียร์มีผลหรือไม่ เจ้าตัวว่า "แรงเชียร์มีผลต่องานละครมากกว่า แต่ชีวิตจริงคือต่างคนต่างทำงาน คงไม่มีโอกาสได้มาศึกษาอะไรกัน"

ส่วนอายุที่ฝ่ายชายมีอายุน้อยกว่า เลยไม่ได้คิดนั้น นางเอกสาวบอกไม่เกี่ยว "จุ๋ยไม่เคยเห็นว่าโตโน่เป็นน้อง ถึงเราจะเกิดก่อน แต่ก็อยู่รุ่นๆ และวัยเดียวกัน ถามว่าจะมีโอกาสพัฒนามั้ย ยากนะคะ มันเป็นเรื่องอนาคต แต่ ณ ตอนนี้คือเป็นเพื่อนร่วมงานกันจริงๆ" มองความรักครั้งใหม่อย่างไร ดาราสาวกล่าวว่า "อยากได้คนที่เข้ากับเราและเข้าใจเรา บางทีเรารักแต่มันอาจจะไม่เข้ากับเราในบางส่วน เราเห็นจากความรักที่ผ่านมา ถ้าจะอยู่กันยืดจะรักกันยาวต้องมีหลายส่วนประกอบกัน โทษไม่ได้ว่าเราหรือเขาไม่ดีเลยทำให้รักไม่สุกงอม" "ความจริงบางส่วนก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตา พรหมลิขิต แต่ทุกครั้งในความรักที่จุ๋ยได้เรียนรู้ใครหรือรักใคร จุ๋ยก็รักเขาจริงๆ จริงใจและเต็มที่กับทุกๆ ความรัก เพราะความรักเป็นเรื่องที่สวยงามค่ะ" จุ๋ยคาดหวังกับงานแต่งงานหรือเปล่า เจ้าตัวแง้มว่า "ในเรื่องการแต่งงานและการมีชีวิตคู่ ผู้หญิงทุกคนต้องคาดหวัง บางคนอาจคิดว่าไม่จำเป็น แต่จุ๋ยเป็นคนขี้เหงา ต้องมีผู้นำชีวิต จุ๋ยไม่ได้ต้องการอะไรที่หวือหวา ขอแค่มีพิธีไทยก็จบแล้ว จุ๋ยเป็นคนรักเด็ก อยากมีลูก แต่ยังไม่ใช่ช่วงนี้ ชีวิตจุ๋ยยังอีกยาวไกล

ตอนนี้จังหวะชีวิตจุ๋ยคือการทำงาน และโชคดีที่พ่อแม่ไม่เร่ง ตอนนี้พี่ๆ จุ๋ยยังไม่มีครอบครัว รอให้พี่ๆ ไปก่อนค่ะ"

ถ้ามีรักครั้งใหม่ สเป๊กต้องเป็นอย่างไร "จุ๋ยชอบคนสูงๆ ขาวๆ ตรงนี้คือภายนอก แต่จริงๆ ไม่ได้เลือกสูงต่ำดำขาวหรอก แต่นิสัยต้องได้ เป็นผู้นำเราได้บ้าง โอนอ่อนผ่อนตามในบางครั้ง มันต้องกลมกล่อมค่ะ" "ชีวิตคู่เป็นได้ทั้งเพื่อน พี่ น้อง ในบางอารมณ์เราต้องการคนนำเรา บางอารมณ์ต้องการคนตามเรา หรือบางโอกาสต้องการเพื่อนหรือบางโอกาสต้องการคนที่เราเอ็นดูเหมือนลูก (หัวเราะ) แต่ค่อนข้างยาก มันไม่ได้หาได้ง่ายๆ ค่ะ" ตั้งหรือเปล่าว่าอยากแต่งงานตอนไหน จุ๋ย กล่าวว่า "ไม่ได้ตั้งค่ะ มันยากจะเดา สมัยเด็กอาจตั้งไว้ตอนอายุ 30 แต่ตอนนี้ไม่ได้ตั้งแล้ว จุ๋ยเป็นคนเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส ตอนนี้จุ๋ยแอบโกรธเนื้อคู่อยู่นะ ยังหาไม่เจอเลย ตามหาช้าเหลือเกิน (หัวเราะ) ไปอยู่ที่ไหนนะ" จุ๋ยตัดพ้อ เอาน่ะคิดซะว่า ช้าๆ ได้คว้าเนื้อคู่รูปงาม


เข้มแข็ง

พรุ่งนี้ก็จะอายุ 29 ปีเต็ม สำหรับนางเอกสาวจุ๋ย"วรัทยา นิลคูหา ที่ผ่านมาแม้จะเจอปัญหามามากเท่าไร ก็ไม่รู้สึกหนักเท่ากับเรื่องที่ทราบข่าวว่าคุณพ่อเป็นมะเร็ง "จุ๋ยรักพ่อมากที่สุด วินาทีแรกที่รู้ว่าพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ขั้นที่สาม ตอนนั้นเราทำงานโชว์ตัวที่หัวหิน จุ๋ยเป็นคนแรกที่รู้ หมอเลือกจะโทร.บอกจุ๋ยเพราะเราเป็นคนติดต่อหาหมอหมด ตอนนั้นอึ้งและร่วงไปนิดนึง แต่ด้วยความที่เราต้องทำงานก่อน ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วค่อยกลับมาแก้ปัญหาชีวิตส่วนตัวตอนหลัง" "พอมองย้อนกลับไปคนที่เราเจอลำบากกว่าเราเยอะ และคนที่หายจากมะเร็งก็มีเยอะ เราดูแลพ่ออย่างดี ให้เต็มที่ คุณแม่ก็เป็นแม่ที่สุดยอด ดูแลพ่อในทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นจุ๋ยถึงไม่มีอะไรกังวล เพียงแต่เราทำหน้าที่ของลูกให้ดี หาที่รักษาที่ดีที่สุด โชคดีที่ พี่อ้อม-พิยดา กับ พี่เจี๊ยบ-โสภิตนภา คอยช่วยเรื่องหาหมอที่ร.พ.รามาธิบดี ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องมะเร็ง คุณหมอและพยาบาลใส่ใจมากๆ ดูแลดีกว่าลูกดูแลอีก"

ดูจุ๋ยเข้มแข็งมาก "แม่จะบอกว่าจุ๋ยคล้ายพ่อ เวลาดีใจอะไรก็ดีใจแป๊บเดียว เสียใจอะไรก็เสียใจแป๊บเดียว เป็นคนยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ค่อนข้างดี เราจะเข้มแข็งกว่าพี่ชายสองคน พี่ชายคนโตจะอ่อนไหวกว่า จุ๋ยเป็นคนเซ็นซิทีฟเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยให้ใครเห็น ภายนอกดูเข้มแข็งซึ่งซึมซับจากพ่อ เรามีชีวิตที่ดี มีคนรอบข้างที่ดี ไม่ใช่มานั่งเศร้าเสียใจกับชีวิต เราทำให้มันดีที่สุดดีกว่าค่ะ"

ถามถึงอาการพ่อวันนี้ ดาราสาวกล่าวว่า "ตอนนี้ทุกอย่างต้องติดตามผลและดูแลตัวเองเรื่อยๆ แต่การรักษาจบคอร์สไปแล้วทำคีโมเรียบร้อยแล้ว สภาพร่างกายพ่อดูแข็งแรงและดูหล่ออยู่เลย พยาบาลชมตลอด (หัวเราะ) โรคที่เกิดไม่ได้ทำให้พ่อท้อแท้เลย พ่อไม่เคยบ่นว่าเจ็บ รวมถึงคุณแม่นี่สุดยอดมากๆ ที่บ้านจุ๋ยไม่ค่อยมีใครร้องไห้ให้ใครเห็นอยู่แล้วค่ะ

มาวันนี้ถือว่ามรสุมค่อยๆ ผ่านพ้น "ใช่ค่ะ เหมือนจังหวะชีวิต คนเราเกิดมาต้องใช้กรรม และกรรมแต่ละคนไม่เหมือนกัน จุ๋ยคิดว่าการที่พ่อป่วยก็เป็นกรรมของพ่ออย่างหนึ่ง สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือทำบุญให้พ่อ ดูแลคุณพ่อ ผลที่สวดมนต์ให้พ่อ ดูแลพ่ออาจส่งเสริมให้สุขภาพพ่อดีขึ้น เราคิดในทางที่ดีๆ ค่ะ" "จากที่คุณพ่อป่วยทำให้เราได้ข้อคิดว่าเราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดและต้องไม่ประมาทกับชีวิต" จุ๋ยกล่าว