Inside Dara
คิทตี้ ชิชา ดีใจ ซีรีย์เสียดาย ได้ฉายแล้วหลังรอมา 5 ปี ยัน ไม่ได้ปล่อยแชต เฌอเอม

คิทตี้ ชิชา ดีใจ ซีรีย์เสียดาย - จากกรณีข่าว คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล นักแสดงที่ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นคนปล่อยแชตของ เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 จนคิทตี้ต้องได้มาปรึกษาทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต

จนกระทั่ง คิทตี้ เลือกที่จะเงียบไม่ออกมาเคลื่อนไหวถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว จนล่าสุด (16 พ.ย.63) มีโอกาสได้เจอสาวคิทตี้ ในงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเรื่อง "เสียดาย" จึงได้สัมภาษณ์เธอถึงเรื่อง ดราม่าที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งถามถึงความรู้สึกที่ซีรีส์เรื่อง เสียดาย ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงหลัก ได้วันกำหนดออนแอร์แล้วในแพลตฟอร์ม iQIYI (อ้ายฉีอี้) หลังถูกดองไว้ 5 ปี

ถึงขึ้นน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว มาจากความภูมิใจปลื้มปิติ

"คือมันมีทั้งความเจ็บปวด หมายถึงว่า 5 ปีที่ผ่านมา มีวันที่ถ่ายทำเสร็จแล้วก็อยากให้มันได้ฉาย มันก็เหมือนโดนหักอกว่าทำไมมันไม่ได้ฉายล่ะ ความเหนื่อยความทุ่มเททุกอย่างมันไม่ได้ฉาย เราก็ทำใจได้เราว่า ไม่ฉายก็ไม่ฉาย ก็เหมือนอยู่ดีๆวันนึงเขากลับมาขอแต่งงาน จะฉายแล้วนะ เราก็มีความกลัวว่าครั้งนี้จะโดนหลอกอีกไหม เราจะดีใจเก้อไหม แล้วพอวันนี้มันพูดได้เต็มปากค่ะ ว่าได้ฉายจริงๆแล้ว มันก็พูดไม่ถูกเหมือนกันค่ะ"

เรากับแม่ให้กำลังใจกันยังไงบ้างเพราะว่าแม่ก็เสียใจที่รู้ว่ามันไม่มีกำหนดฉายแบบนี้

"คือที่ผ่านมาคิทโชคดีมากๆกับการได้เจอพี่แมงมุมที่กลายเป็นคุณแม่คนหนึ่ง และเพื่อนๆนักแสดงในเสียดายทุกคน ในตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการเจอกัน ทานข้าวกันมาเรื่อยๆมันไม่ได้จบกันแค่ความสัมพันธ์ในหน้าที่ของการงาน มันกลายเป็นคนรู้จักกันในชีวิตจริง ที่ผ่านมาพี่แมงมุม ป่วยก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมพี่แมงมุมทั้งที่กรุงเทพ และที่สมุย"

เรียกว่าเกือบถอดใจกันหมดแล้ว ทีมนักแสดง

"เรียกว่าอกหักกันทุกคนเลยดีกว่า "

ในวันแรกที่รู้ว่าได้มาฉายในออนไลน์ กลุ่มแตกไหม

"ในกลุ่มทุกคนถามว่าหลอกหรือเปล่า เป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า น้องฟลุ๊คมั้ง หรือน้องพลอยไม่รู้ บอกว่าไม่รู้แหละ ลงแล้ว กดดันด้วยการโพสต์ก่อน เผื่อมันจะช่วยได้บ้าง ให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง"

แบบนี้ แฮชแทก #เสียดายไม่ได้ฉาย ก็ไม่ได้ใช้แล้ว

"ใช่ค่ะ เสียดายจะได้ฉายแล้วค่ะ"

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันเป็นเรื่องแรกของเราที่มันยากใช่ไหม มันยากขนาดไหน

"มันยากมากๆ มันท้าทายมากๆ และการถ่ายทำมันค่อนข้างนาน แล้วก็ถ้าถามคิท คิทรู้สึกว่าที่ผ่านมาทั้งหมดคิทแทบจะไม่เห็นซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องไหนที่พานักแสดงดำดิ่งขึ้นรถไฟไปแห่งความรู้สึกกันขนาดนี้ เป็นพาเลซที่หลากหลายจริงๆ ทุกตัวละครมีทั้งความสุข ความเศร้าความเสียใจ ต้องเล่นเป็นคนติดยา มีคนตาย ชีวิตมันพังทลายจนไม่รู้จบไม่รู้สิ้น แล้วเราก็ต้อง เวิร์กชอปหลายเรื่องมากๆ เช่นเรื่องของพวกยาเสพติดต่างๆที่พบว่าในยุคนั้นเขาเล่นอะไรกัน มันเป็นยังไง คิทใช้คำว่าโกงความตายแล้วกัน เราต้องแกล้งตาย แกล้งเมายา แกล้งเจ็บปวด ต่างๆ แล้วก็ทุกตัวละครมันเบทบุคคลที่เคยมีตัวตนจริงๆ เพราะฉะนั้นเรื่องราวของเขามันเข้มข้น แล้วในเทอมหนึ่งเราเลยพยายามให้เกียรติเรื่องราวของเขามากๆ ว่าเขาต้องเจอกับอะไร เขาต้องผ่านอะไรมา อย่างตัวละครของคิทเองก็ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน แล้วคุณแม่ก็ไล่เขาออกจากบ้าน แทนที่จะไปต่อว่าพ่อเลี้ยงหรืออะไร "

ด้วยความที่มันดาร์กมากมันเลยไม่สามารถอ่อนแอร์ได้อันนี้มีส่วนไหม

"อันนี้คิทก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ในวันนั้น 5 ปีที่แล้ว คิทก็ยังเด็กกว่านี้ไหม โอเค รู้แค่ว่ามีซีรีส์เรื่องนี้นะ ติดต่อเรามาเล่น แล้วก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่มีการคุยกันยังไงบ้าง ก็ดีใจค่ะที่ได้ฉายแล้ว ก็จนกว่าจะลงแพลตฟอร์มถึงจะสบายใจ เดี๋ยวกลัวไฟล์เสียอะไรอีก ลุ้น (หัวเราะ)"

ซีรีส์มันมีเซ็นเซอร์ไหมหรือเต็มเหนี่ยวไปเลย

"ที่เราถ่ายกันไว้ ถ้าโดนเซ็นเซอร์ก็อาจจะไม่มีฟุตให้ฉายเลยก็ได้(หัวเราะ) คืออาจจะถูกตัดทุกฉากเลยก็ได้ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเมื่ออ่อนแอร์บนแพลตฟอร์มออนไลน์แล้วทางอ้ายฉีอี้จะทำยังไงกับมันบ้าง จะถูกเซ็นเซอร์ยังไง แต่จริงๆก็อยากให้คนได้ดู มันเจ๋งมากนะ ทีมงานที่ทำเอฟเฟ็กต์ต่างๆก็ทำได้แบบดูแล้วเสียวแทน เหมือนอย่างพวกช็อตที่มีการแทงเข็มก็แบบทำจริงรึเปล่านะ"

เสมือนจริงหรือเปล่า

"ใช่ค่ะ ก็ไม่เฉลยแล้วกัน มันเป็นความลับของนักมายากล"

เรื่องดราม่าที่ผ่านมา เราเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหวเพราะอะไร

"ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ คิทคงจะไม่ตอบอะไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ"

จริงๆมีคนมาถามมากๆมันรู้สึกยังไงกดดันไหม

"ไม่ค่ะ คิทเชื่อว่าเมื่อคำพูดออกมาจากปากเราแล้วเนี่ย มันก็เป็นสิ่งที่คล้องคอเราไว้ การกระทำต่างๆก็จะเป็นสิ่งที่คล้องคอเราเอาไว้ วันนี้คิทก็เลยเลือกที่จะไม่ถามแล้วก็ไม่พูดอะไรแล้วกัน

ก็เลยเลือกที่จะเงียบอยู่

"คิทอาจจะพูดก็ได้นะ ไม่แน่หรอกพรุ่งนี้อาจจะพูดแต่วันนี้ไม่พูดแล้วกัน "

เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

"คิทว่าคิททำในสิ่งที่รู้ตัวเองดีว่าทำอะไรไปบ้างอ่ะ คิทยังไงบ้าง คิทไม่จำเป็นต้องแก้ตัวกับใคร ไม่ต้องจำเป็นต้องอธิบายกับใคร คิทรู้สึกยังไงบ้าง "

พอเราไม่เคลื่อนไหวหลายคนก็มองเราเป็นจำเลย

"จับเลยค่ะ(ยื่นมือให้จับ)"

จริงๆการที่ไม่ตอบโต้ในวันนี้มันต่อยังไง

"จริงๆคิทมีเหตุผลของคิทเองค่ะ ซึ่งคิทไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องนำออกมาอธิบายให้ใครฟัง คนที่สำคัญในเรื่องนี้รับรู้กันหมดแล้ว "

คือรู้แค่ในกลุ่มวงนั้นก็คือจบ

"อาจจะไม่มีคนในกลุ่มวงนั้นเลยก็ได้นะคะ อาจจะเป็นผีพายแม่ซื้ออะไรก็ได้ค่ะ"

คนที่ควรจะรู้แล้วก็ได้รู้เรียบร้อยแล้ว

"ค่ะ คนที่มีความจำเป็นค่ะ เจ้าที่เจ้าทางก็รับรู้กันไปเรียบร้อยแล้ว"

ก็หมายความว่าวันหนึ่งถ้าเราพร้อมที่จะพูดเมื่อไหร่มันก็จะต้องมี หรือจะปล่อยให้เป็นความลับตลอดไป

"คือความลับบนโลกใบนี้มันไม่มีอยู่หรอกค่ะ ถ้ามีคนรู้มากกว่าหนึ่งคน เพราะฉะนั้นในวันนึงทุกอย่างมันก็อาจจะแบบ...อุ๊ยเผลอทิ้งไว้ในที่ต่างๆหรืออาจจะหลุดปากออกมาก็ได้ค่ะ "

แล้วการที่เราเข้าไปปรึกษาทนายเพราะเราต้องการยังไง

"คืออย่างแรกเลยมันมีสำนักข่าวหนึ่งที่ใช้คำว่าคิทเป็นคนปล่อยแชต คือคิทสามารถพูดตรงนี้เลย คิทไม่ได้เป็นคนส่งแชตให้พี่นักข่าวคนใดคนหนึ่งเลยทั้งนั้น และคิทรู้สึกว่าการนำเสนอข่าวแบบนี้มันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริง"

เราจะฟ้องหรือว่ายังไง

"คือคิทว่าเราสามารถปรับความเข้าใจกันได้ทางสำนักข่าวนั้นก็มีการแก้พาดหัวข่าวให้ก็แค่นั้นเลยค่ะ "

เรื่องอื่นก็ไม่มีติดใจ ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล

"หรือเราไปศาลกันไหมคะพี่ๆ ซะหน่อย(หัวเราะ)"

และอีกฝั่งนึงได้คุยกับเขาไหมหรือไม่ได้คุยเลย

"พี่พูดถึงใครหรอคะ"

ฝั่งคู่กรณี

"ใครคือคู่กรณีอ่ะคะ"

พี่ไม่เอ่ยดีกว่าเดี๋ยวพี่เอารูปให้ดู

"ใครอะ ไม่รู้เลย คู่กรณี พี่แมงมุมหรอคะ "

คนที่โลโก้เป็นรูปงูอะ

"Taylor Swift ปะ"

สเน็กอะ

" สเน็ก สเน็กฟิตฟิต ไม่รู้เลยค่ะว่าเป็นใคร"

เลี่ยงๆไม่พูดถึงเลยดีกว่า

"คิทไม่รู้เลยว่าคิทมีกรณีกับใคร ที่คุยกันมาทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกัน "

คนที่เป็นสัญลักษณ์ไอคอนรูปงู

"Taylor Swif ไม่รู้เลย สรุปเราคุยกันเรื่องอะไรคะที่ผ่านมา"

แสดงว่าข่าวที่ผ่านมามันไม่กระทบกระเทือนต่อเรา

"ข่าวไหนพี่ ข่าวไหน "

ดราม่าที่ผ่านมา

"ดราม่าเรื่องอะไร หนูยังงงอยู่เลย พี่คุยเรื่องอะไรกับหนูเนี่ย"

ขอบคุณรูปภาพ : kittychicha