Inside Dara
นางเอก “เกรซ-พัชร์สิตา” นางฟ้าสาวจิตอาสา

ไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่ เกรซ-พัชร์สิตา อธิอนันตศักดิ์ นางเอกสาววิก 7HD ทุ่มเทกับงานจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและงานกู้ภัย จนมีแต่เสียงชื่นชมไม่ขาดกับความทุ่มเทสุดพลัง เป็นขาลุยโดยไม่หวั่นไหวสิ่งใด จนได้รับฉายา “นางฟ้าจิตอาสา” แต่กับงานหนัก งานแสดงก็ยังไม่ได้หายหน้าห่างจอไปไหน ล่าสุดมาพร้อมผลงานละครเรื่อง “นางสาวส้มหล่น” ผลิตโดย บริษัท มากกว่าฝัน จำกัด กำกับการแสดงโดย วีรภาพ สุภาพไพบูลย์

พักงาน “จิตอาสา” ชั่วคราว สาว เกรซ พัชร์สิตา สวมจิตวิญญาณ “นางแบบ” มาโพส ท่าถ่ายแฟชั่นสวยเผ็ด แซ่บ หวานละมุนเพื่อแฟนๆ “มาลัยไทยรัฐ” โดยเฉพาะ ได้ Make up-ชินกฤต ธนาสนธิราช @gemsstone Hair-วงศ์วรัชญ์ พรุเพชรแก้ว @kratengmwah เนรมิตความเป๊ะปัง เสื้อผ้าแบรนด์หรู @stolen. stores @theabythara @youth.tonic ช่างภาพ @fotayen @wechiiz ไม่ว่าลุคไหน ชีเกรซ เอาอยู่!!

จากนั้นจับเข่าพูดคุยกับบทบาทในละคร “นางสาวส้มหล่น” เจ้าตัวเล่าว่า “ฟีดแบ็กเรื่องนี้ดีเลยทีเดียวค่ะ แฟนๆให้การต้อนรับน่ารัก อบอุ่นมากๆ เกรซขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตาม อยากให้มาชมกันต่อไปเรื่อยๆค่ะ เพราะมีทั้งความสนุก มีฉากที่อลังการ อย่างการประกวดนางงาม มีความเข้มข้น มีการเชือดเฉือนกัน ทั้งนักแสดงรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ คือมีครบหมดจริงๆ”

ในส่วนการทำงาน รู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับบทส้ม “ดีใจ แต่ก็แอบกังวล นอกจากคาแรกเตอร์ของตัวละครที่ดราม่าหนักมากตั้งแต่เปิดเรื่อง ต้องตามหาแม่ตลอดทั้งเรื่องเลย แล้วยังมีเรื่องของการที่ตัวละครเข้าประกวดนางงามอีก เกรซต้องทำการบ้านมากขึ้น ในสิ่งที่เกรซไม่เคยเรียนรู้เลย คือเรื่องของการประกวดนางงาม ก็ได้พี่ สุ่ย (พรนภา เทพทินกร) และพี่ แก้ม (กวินตรา โพธิจักร) เป็นโค้ชให้ค่ะ เกรซถือว่ายากจริงๆ เพราะไม่ได้เป็นสายนี้ ตอนแรกท้อมากกับฉากที่ต้องเข้าประกวดต่างๆ เพราะนอกจากที่เราไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เรายังทั้งปวดขา ปวดน่อง รองเท้ากัด ครบเลยค่ะ”

การร่วมงานกับ วี–วีรภาพ เป็นอย่างไร “ด้วยความที่พี่วีเป็นนักแสดงมาก่อนเลยทำให้การทำงานทุกอย่างราบรื่นและดีมากๆ พี่วีจะเข้าใจความรู้สึกของนักแสดงและดูแลอย่างดี ยกตัวอย่างบางทีเราร้อน เราเมื่อย พี่วีจะคอยเซฟหมด แม้กระทั่งชุดราตรีที่เราใส่ตอนเล่น ถ้าเราใส่แล้วไม่มั่นใจให้บอก มีการเอาชุดมาให้เลือก เขาอยากให้เรามั่นใจทั้งด้านการแสดง มั่นใจในองค์ประกอบต่างๆ บุคลิกภาพของตัวละคร แต่ถามว่าพี่เขาดุไหม ก็มีนะคะ คือเขาดุในความมีระเบียบของเขา แต่เขาจะออกแนวสอนมากกว่า คือเป็นผู้กำกับที่นุ่มนวล”

ได้กลับมาเจอกับ แชป–วรากร ศวัสกร อีกครั้ง “เป็นเรื่องที่ 2 นะคะที่ได้เล่นด้วยกัน เกรซเชื่อว่ามีหลายคนรอดูเราทั้งคู่ร่วมงานกัน อย่างละครเรื่องแรกคือ เจ้าสาวแก้ขัด ในเรื่องเราจะตีกันตลอดเวลา แต่พอมาเป็นนางสาวส้มหล่นเนี่ย พระนางจะมีความรู้สึกดีๆให้กันมากขึ้น เป็นคนที่คอยซัพพอร์ตให้แต่ความรู้สึกดีๆกัน ในเรื่องเลยจะมีซีนสวีต กุ๊กกิ๊กค่อนข้างเยอะ แล้วพอเป็นแชป เราก็ไม่เขินค่ะ แต่จะขำมากกว่า (ยิ้ม) ความเป็นเพื่อนทำให้เราสนิทใจค่ะ”

ก่อนหน้านี้เกรซเคยเข้าไปดูแลผู้ป่วยโควิด–19 วันนี้โรคระบาดยังคงอยู่ เกรซได้กลับไปทำอะไรเกี่ยวกับงานจิตอาสาอีกบ้างไหม “ก็ยังทำอยู่นะคะ ตอนแรกศูนย์พักคอยจากเพจ เราต้องรอด ร่วมกับเขตประเวศที่เกรซเคยไปทำ ปิดไปได้ 2 เดือนแล้ว พอมาตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดจาวูมากเลย เราต้องกลับมาเปิดศูนย์พักคอยอีกครั้ง ตอนนี้ก็เริ่มมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการค่อนข้างเยอะแล้ว ส่วนตัวเกรซเริ่มคิดว่าระลอกนี้แม้อาจจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์หลายคนท้อ แต่เกรซเชื่อว่าไม่มีใครถอย ไม่มีใครคิดจะลาออก ไม่มีใครบ่น ทุกคนพร้อมช่วยเหลือผู้ติดเชื้อด้วยความจริงใจค่ะ ส่วนเกรซเองยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปในพื้นที่ แต่เป็นฝ่ายซัพพอร์ต เป็นคนคอยประสานงานกับผู้ป่วย สำหรับครั้งนี้เกรซอาจจะมีเวลาไม่เท่ากับครั้งก่อน ที่มีการล็อกดาวน์ไป 2-3 เดือน เราได้พักงานถ่ายละคร เลยไปอยู่ในพื้นที่ได้เต็มเวลา แต่ตอนนี้คือเราก็ต้องแบ่งเวลาค่ะ และช่วยในมุมที่เกรซสามารถทำได้”

จากประสบการณ์วันนั้น สิ่งที่เกรซได้เห็นและทำให้เกรซกลัวว่าจะเกิดขึ้นอีกคืออะไร “เกรซว่าคนเริ่มรู้จักโรคโควิด-19 มากขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้จักได้ดี เหมือนคนรู้สึกว่าสถานการณ์ขณะนี้เข้าใจว่าติดก็ช่าง ติดก็รักษาไป เลยใช้ชีวิตประมาทขึ้น แต่ในฐานะที่เกรซได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 มาแล้ว เกรซบอกเลยว่าไม่ติดย่อมดีกว่าติดแน่นอน”

หันมาที่เรื่องของความรักบ้าง ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง “ปกติสุขค่ะ (หัวเราะ) ความรักของเกรซไม่หวือหวาค่ะ”

กี่ปีแล้วคะ “8 ปีแล้วค่ะ นานมาก (ยิ้ม) ทุกวันนี้คือการไปเรื่อยๆค่ะ”

ไม่ค่อยเห็นเกรซมีภาพสวีตออกมา “อาจจะเพราะเวลาที่เราเจอกันน้อยค่ะ ต่างคนต่างทำงานด้วย”

โควิด–19 ไม่เกี่ยวใช่ไหม “ไม่เกี่ยวค่ะ เพราะตัวพี่เขาก็เป็นจิตอาสาเหมือนกัน แต่เขาจะห่วงเวลาที่เราออกไปทำงาน ไปลงพื้นที่”

จุดเริ่มต้นของการเป็นคู่รักจิตอาสา “คือเกรซเริ่มชวนพี่เขาเข้ามาทำตรงนี้หลังจากที่เราคบกันได้ 4 ปีค่ะ เพราะว่าวันแรกที่เราตัดสินใจอยากเข้าไปทำ เรากลัวจะเหงาถ้าต้องไปคนเดียว เลยชวนพี่เขามาทำด้วยกัน และพี่เขาเองก็ไม่อยากให้เราไปทำงานคนเดียวเหมือนกัน ความที่เขาก็ห่วง ก็เลยมาทำด้วยกันที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ความที่ทัศนคติเราเหมือนกัน ชอบเหมือนกันด้วย จากนั้นก็ทำมาเรื่อยๆค่ะ”

ความสัมพันธ์พัฒนาอย่างมั่นคงทีเดียว “ค่ะ เพราะเราคบกันมานานมาก ตั้งแต่ตอนนั้นเกรซเพิ่งอายุ 20 ยังเป็นเด็กอยู่เลย ปีสองปีแรกนี่ตีกันเลยค่ะ จะทะเลาะกันบ่อยด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ อารมณ์เหมือนพี่น้องตีกัน แบบอันนี้ก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ได้ แต่พอเราโตขึ้นก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรแล้วค่ะ”

ยังต้องปรับอะไรต่อไหม “เกรซมองว่าเราต้องปรับตัวกันไปตลอด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่จะมากระทบเราในวันข้างหน้า เราก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัว ดังนั้นการคบกันบนเส้นทางเดียวกัน ก็ต้องแลกค่ะ คนใดคนหนึ่งต้องปรับ ไม่ก็ต้องปรับไปพร้อมกันทั้งสองคน”

เขายอมเกรซใช่ไหม “เขายอมค่ะ ยอมจนที่บ้านเกรซ ทั้งคุณแม่ คุณยายจะบ่นตลอดว่าพี่เขาชอบตามใจน้อง (หัวเราะ) พี่เขาก็บอกว่ามันไม่ได้แล้วครับแม่ เพราะผมตามใจเขามาตั้งแต่แรก และถ้าผมไม่ตามใจเขา เขาจะไม่หาว่าผมเปลี่ยนไปเหรอครับ (ยิ้ม) แต่พอเกรซโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เกรซมองย้อนกลับไปก็เห็นเลยว่า จริงๆก็เอาแต่ใจมาตลอดนั่นล่ะ แต่ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว (หัวเราะ) อย่างเรื่องที่เกรซไปเป็นจิตอาสาทำงานต่างๆ เขาก็ห่วงมาก แต่เขาไม่เคยต่อว่า ไม่ว่าจะลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม หรือแม้แต่อาสาดูแลผู้ป่วยโควิด-19 คือเขาไม่เคย บอกว่า ห้ามไปนะ ห้ามทำนะ ไม่เคยเลย แต่เขาดูแลเป็นห่วงเรา”

เริ่มคุยเรื่องอนาคตบ้างหรือยัง “มีพูดคุยบ้างค่ะ แต่เราทั้งคู่ไม่รีบเลย ไม่มีใครกดดันใครทั้งนั้น ด้วยยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ด้วย รวมถึงยุคที่เสี่ยงเรื่องสุขภาพแบบนี้ด้วย ก็เลยขอใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ถึงอนาคตค่อยมาว่ากันอีกทีค่ะ”.

เสื้อผ้า : @stolen.stores

@theabythara

@youth.tonic