Inside Dara
มุ่งฮอลลีวู้ด ปู ไปรยา ตามล่าฝัน เป็นนักแสดงระดับโลก มั่นใจผลงานกว่า 15 ปี

เดินหน้าตามฝันโกอินเตอร์อย่างจริงจัง สำหรับนักแสดงสาว ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก หลังหมดสัญญากับตันสังกัดช่อง 7 ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ เจ้าตัวได้ทุ่มเทกับงานระดับอินเตอร์มากขึ้น เซ็นสัญญาเดินแบบกับเอเจนซี่ต่างประเทศ พร้อมกับรับงานละครที่ไทยปีละเรื่อง ล่าสุดเพิ่งจบไป ซีรีส์ “สาวแปลกในเมืองป่วน”ทางช่องไลน์ทีวี ซีรีส์เรื่องแรกที่ทั้งแสดงและรับหน้าที่โปรดิวเซอร์เอง โดยเจ้าตัวได้เปิดใจหมดเปลือกถึงความฝัน ความมุ่งมั่น ที่อยากเป็นนักแสดงระดับโลก พร้อมกับตั้งเป้าทำงานต่างประเทศอย่างจริงจัง รวมทั้งอัพเดตผลงาน ประสบการณ์งานแสดง งานด้านสังคม ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาในวงการ และวางแผนอนาคตเส้นทางชีวิตทั้งในไทยและต่างประเทศ

ตอนนี้มีโปรเจ็กต์อะไรบ้าง?

“เพิ่งปิดซีรีส์สาวแปลกในเมืองป่วนทางช่องไลน์ทีวีไปค่ะ แฮปปี้เพราะยอดวิวถึง 20 ล้านแล้ว ดีใจมากเป็นครั้งแรกที่เป็นทั้งนักแสดงและโปรดิวเซอร์ด้วย เลยตัดสินใจว่าตอนนี้อยากจะโฟกัสหลักคือการแสดง และอยากจะทำงานทั้งเมืองนอกและเมืองไทย ใน 2 ปีที่ผ่านมาปูเล่นละครมาก่อนหน้านี้เรื่องหนึ่งแล้วที่ช่องวัน แล้วเรื่องนี้ก็ผลิตเอง เปลี่ยนมาเป็นดิจิตอลในไลน์ทีวี เรื่องต่อไปก็จะเป็นภาพยนตร์แล้ว”

งานภาพยนตร์จะเป็นที่ไทยหรือต่างประเทศ?

“สำหรับงานภาพยนตร์อยากได้ทั้งไทยและต่างประเทศ เพราะ 15 ปีที่ผ่านมาถ่ายแต่ละคร ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนทิศทาง ช่วงหลังปูรับแต่โฆษณาเป็นส่วนมาก แล้วก็รับละครปีละเรื่อง โฟกัสหลักคืออยากจะเรียนการแสดงเต็มตัวที่ต่างประเทศเพื่อจะตั้งใจเล่นหนัง ตอนนี้มีเอเจนซี่อยู่ที่เมืองนอกที่เซ็นไว้เกี่ยวกับการเดินแบบ ยังรับงานเมืองนอกอยู่แล้วกลับมาเมืองไทย ซึ่งปูถ่ายแต่โฆษณายาวเลย แล้วก็ทำงานให้ UNHCR หรือ ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ”

วางแผนเรียนการแสดงจริงจัง?

“ปูเล่นละครมีทั้งหมด 15 เรื่อง ตั้งแต่เด็กจนโต ในปีที่ผ่านมา พอเล่นละครเรื่องหนึ่ง เล่นซีรีส์เรื่องหนึ่ง ใจรู้สึกว่าชอบการแสดง แต่ชอบในแบบที่ตัวเองถนัด ก็คือแบบหนัง เลยรู้สึกว่าอยากจะโฟกัสด้านนั้นจริงจัง และฝึกทักษะจริงจังให้เก่งด้านนั้น เพราะรู้สึกว่าเรื่องล่าสุดที่ผลิตเอง คือขนาดเราไม่ได้โปรโมท ไม่ได้อะไรเลย แล้วยอดวิวมัน 20 ล้าน ปูเลยสังเกตว่า ดิจิตอลมันค่อนข้างสะท้อนให้เห็นชัด แล้วเป็นครั้งแรกที่คนชื่นชมการแสดง ชอบในวิธีที่มันตลกและมันแปลก ปูรู้สึกว่าปูได้เล่นเป็นตัวของตัวเอง มันเลยเป็นประสบการณ์ที่รู้เลยว่า ทิศทางการทำงาน ปูอยากจะเปลี่ยน”

ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้?

“ใช่ค่ะ เพิ่งปิดซีรีส์เรื่องนี้ไปเดือนที่แล้วเอง แล้วละครบางกอกนฤมิตปีที่แล้วก็ถ่ายถึงเดือนหก คือไม่ได้หยุด อยู่กองมาตลอดทั้งปีเลย ตอนนี้เพิ่งมีเวลามาเรียน แล้วเดี๋ยวก็ไปคานส์เดือนหน้า”

งานละครยังมีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆไหม?

“มีค่ะ ปีที่แล้วมีติดต่อมา 6 เรื่อง เรื่องหนึ่งใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 8-9 เดือน ก็ต้องตัดสินใจว่าตัวเองอยากเล่นเรื่องแบบไหน ไปในทิศทางไหน เพราะตอนนี้แค่ดูเรื่องคิวงานโฆษณา งานต่างประเทศ เราถึงไม่ค่อยได้เจอกันตามงานอีเวนต์ เพราะไม่ได้รับงานอีเวนต์แล้ว รับนานๆทีเลย”

จัดสรรเวลาอย่างไร?

“เวลากลับไทย 25 วัน ถ่ายโฆษณาทุกวัน ทำงานทุกวันเลยที่เขาจองคิวไว้แล้ว แล้วตอนนี้เป็นช่วงเว้น 3 อาทิตย์ ช่วง 3 อาทิตย์นี้ ปูจะเรียนการแสดงที่เมืองไทย ไม่ได้ทำอย่างอื่น แล้วมีพักผ่อนบ้าง แล้วก็บินกลับไปต่างประเทศเพื่อทำงาน ปลายเดือนถ่ายที่นี่ 7-8 วัน แล้วก็ไปคานส์ต่อ ปูจะแบ่งเวลาอย่างนี้ คือทำงานรวดเดียว แล้วก็เว้น”

เริ่มทำงานอะไรที่ต่างประเทศ?

“เพิ่งเริ่มด้วยการเดินแบบ ยังไม่ได้มีการแสดงแต่อย่างใดเลย แต่ว่าปูคิดว่าที่นี่เป็นครูและโรงเรียนสอนที่ดีสำหรับปู และปูก็สร้างชื่อเสียงในระดับหนึ่งที่นี่แล้ว แล้วปูก็มองว่าสเต็ปต่อไปของปู ก็คือต้องไปจุดนู้น มันเป็นโฟกัสหลักของปู”

งานแสดงที่ต่างประเทศ มีการวางแพลนจะเริ่มอย่างไร?

“ปูว่าจุดเริ่มต้นคือหาเอเย่นต์คนหนึ่ง ก็คือผู้จัดการ ตอนนี้มีการพูดคุยแล้ว แล้วพอสเต็ปนั้นผ่านไป คือเรื่องของการดำเนินเอกสารอะไรต่อ ถึงจะเริ่มทำงานที่โน่นได้เพราะต้องทำงานถูกกฎหมายเขา ก็คือไปแคสซี้ซั้วไม่ได้”

ต้องมีผลงานมามากน้อยแค่ไหนถึงจะเหมาะสมที่จะได้ทำงานที่โน่น?

“สำหรับปู มีละคร 15 เรื่อง หนัง 3 เรื่อง ซีรีส์ที่ผลิตเองอีก1เรื่อง ปูว่าน่าจะพอสมควร ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่ง แต่ผลงานที่จะไปโชว์ที่โน่นว่าเราพอมีงานก็น่าจะพอมีโอกาส ก็ขอบคุณคนไทยที่ให้โอกาสปูมาตลอดค่ะ”

เส้นทางการไปเป็นนักแสดงที่โน่นค่อนข้างลำบากเหมือนกัน?

“ปูว่าถ้าใจเรามันไป ถ้าเราไม่ได้ทำ คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยังไงมันก็ไม่ยาก เพราะปูคิดว่ามันเป็นความฝันที่แท้จริงของปู ทุกวันนี้ปูทำบุญทำทานทุกอย่าง ในใจลึก ๆ ก็หวังว่าอยากจะไปถึงจุดนั้นมากๆ”

ให้เวลาตัวเองอีกนานแค่ไหน?

“ตอนนี้เราเริ่มทำมา 3 ปีแล้ว ที่เห็นปูไปงานเมืองนอก บินไม่รู้กี่ไฟล์ทแล้ว ก็ให้โอกาสตัวเองอีก 4-5 ปี ขอให้ตัวเองอายุสัก 35 แล้วกัน”

ทุกอย่างตอนนี้ราบรื่นไหม?

“ก็เกินคาดค่ะ ปูไปเดินที่คานส์มา 3 ปีแล้ว ส่วนแฟชั่นวีคก็ปีที่ 4 แล้ว ถ้าเทียบจากไปแรกๆเลย มาถึงขนาดนี้ มีโฆษณา มีงานขนาดนี้ ปูว่าก็ถือว่ามีบุญแล้ว”

เราเทให้งานต่างประเทศเยอะ กลัวแฟนๆที่ไทยน้อยใจไหม?

“ก็ไม่น้อยใจหรอกค่ะ เพราะปีที่แล้วปูก็มีรับละครเรื่องนึง แล้วก็มีซีรีส์ แล้วเดี๋ยวมีรับละครอีกเรื่องนึง ยังไงปูก็ไม่ทิ้งงานเมืองไทยอยู่แล้ว เราโตมากับงานละคร เพียงแต่ตอนนี้ปูอยากเลือกบทประพันธ์สักนิดนึงเพราะอยากเล่นสิ่งที่เราไม่เคยเล่นมาก่อน แฟนๆในเมืองไทยจะยังได้เห็นผลงานของปูแน่นอน”

ยังไหวกับการเดินทางไป ๆ มา ๆ ทำงานแบบนี้?

“ไหวค่ะ ปูชอบ อย่างที่บอกถ้ามันคือความฝันของเราจริงๆ มันไม่มีอะไรที่เราคิดว่าเหนื่อยอยู่แล้ว”

อุปสรรคหลักๆที่เราเจอตอนนี้มีอะไรบ้าง?

“อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ ปูต้องห้ามทิ้งกระแสที่นี่ เป็นสิ่งที่ยากสุด สองสามปีที่ผ่านมาปูมีงานเยอะ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย คนเลยมองว่าทำไมเราไม่ค่อยมีอะไรออกมา แต่จริงๆ เรายังอยู่ เหมือนว่าเราต้องทำงานเพิ่มเป็นสองเท่าทั้งที่โน่นและต้องทำให้ที่นี่ไม่เสียกระแสไป ซึ่งตรงนี้ใช้ค่าใช้จ่ายเยอะมาก ปูไปเดินพรมแดงทีก็ใช้ไม่น้อยเพื่อที่จะให้เรายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ตรงนี้แต่เหมือนคนเรา ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้”

แล้วงานด้านสังคม?

“ยังทำอยู่ตลอดค่ะ ล่าสุดเพิ่งไปค่ายผู้ลี้ภัยที่ถูกไฟไหม้ 57 หลังมา ปูยังทำงานตรงนี้อยู่ตลอด เพราะเวลาเราทำงานเหนื่อย ๆ เราวิ่งตามความฝันเราตลอด การที่เราได้ทำงานเพื่อคืนประโยชน์ให้สังคมมันเหมือนทำให้ชีวิตเรามีคุณค่า เราจะได้ไม่โกรธตัวเองมากว่าเราเห็นแก่ตัววิ่งตามแต่ความฝัน งานนี้ปูทิ้งไม่ได้ มันเหมือนจุดเปลี่ยนชีวิตปู ปูทำมา 5 ปี ครึ่ง เกือบ 6 ปี กับ UNHCR เราได้สลัดโลกที่เป็นดาราทิ้ง และได้เห็นโลกแห่งความจริง ได้เห็นความลำบากของมนุษย์ เป็นเรื่องที่ดึงปูกลับมา ไม่ว่าปูจะเจอเรื่องเลวร้าย หรือ ผิดหวังอะไรในชีวิต เราต้องมีกำลังใจที่ดีเพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้ได้ค่ะ”

บทบาทการทำงานด้านการกุศล มีส่วนช่วยในเส้นทางไปทำงานต่างประเทศมั้ย?

“มันไม่เกี่ยวเลย จริงๆถ้าเป็นสายแฟชั่น คนก็มองว่าการทำงานสังคม ไอจีกลายเป็นเกี่ยวกับสังคมมาก ไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งตัวแฟชั่นเลย แต่ปูก็พูดอยู่เสมอว่าปูไม่ได้เป็นสายแฟชั่นเลย ปูชอบชุดสวยๆงามๆ แต่ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้เยอะ แต่ว่ามันไม่ได้เกี่ยวเลย และไม่ได้ช่วยด้วยเพราะว่าสายแฟชั่นก็คือการใส่แบรนด์ สายการแสดงคือการมีหนัง งานสังคมไม่ได้เกี่ยวกับตรงนี้เลย แต่เป็นความชอบส่วนตัวของเราจริงๆ”

ต้องเอาผลงานเข้าสู้?

“ใช่ค่ะ พยายามสะสมแต้ม 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือว่าแฮปปี้ ทำงานเยอะ”

ต้องตรึงฐานแฟนคลับคนไทยด้วย?

“ใช่ค่ะ ปูยังแฮปปี้อยู่ ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นห่วงเลยเพราะประคองได้ดีอยู่ทั้งสองฝั่ง แต่แค่อยากให้มันดีกว่านี้ ที่ตัดสินใจว่าจะเล่นละครหรือไม่อีกปัจจัยหนึ่งคือเล่นช่องอะไร ใจปูมาจากช่อง 7 การที่ปูเปิดกับช่องวันเพราะบทประพันธ์จริงๆ อยากเล่น แต่การที่จะเปิดกับอีกที่หนึ่ง ปูโตมาเพราะช่อง 7 จริงๆ ปูมีใจที่ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองรักมาก ก่อนที่จะเล่นกับช่องวันก็ขออนุญาตช่องไปแล้ว ก่อนที่จะผลิตเองก็บอกช่องว่าซื้อลิขสิทธิ์ช่อง7 มาออกซีรีส์ตัวเองด้วย เลยรู้สึกว่า เรื่องที่ 3 ที่จะเล่น ขอให้เป็นงานที่แบ่งแยกจากช่องตรงนี้ อาจจะเป็นหนังภาพยนตร์กว่าที่จะกลับมาเล่นละคร เพราะฐานแฟนคลับปูมาจากช่อง 7 หมดเลย และปูก็ไม่ลืมตรงนี้”