Inside Dara
ตูน บอดี้สแลม คนดีสมบัติของชาติ!

ตอนนี้ผู้ชายชื่อ ตูน บอดี้สแลม ไม่ได้เป็นแค่ร็อคสตาร์อันดับหนึ่งของเมืองไทยเท่านั้น แต่เขาคือผู้ชายที่จริงใจ มั่นคง และเสียสละ คือผู้ชายที่ใช้น้ำพักน้ำแรง แลกน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศ ผู้ชายที่ตั้งเป้าทำเพื่อส่วนรวม และเป็นผู้ชายที่ขึ้นแท่น “สมบัติของชาติ” มีคนรักทั้งประเทศไปแล้ว!!!

เป็นที่รู้กันดีว่า การวิ่งช่วงเบตงถึงบันนังสตา ต้องผ่านพื้นที่สีแดง ซึ่งปกติไม่กล้ามีใครยืนอยู่นานๆ จากที่ทุกคนหวาดกลัว ความรู้สึกนั้นค่อยๆ จางหาย ในวันที่ผู้ชายร่างบางวิ่งผ่าน เราต่างได้เห็น พี่ป้าน้าอา ออกจากบ้านมารอเขา เพื่อช่วยสมทบทุน รอจับมือ โอบกอดด้วยความรักและชื่นชม ลูกเล็กเด็กแดง ส่งเสียงเชียร์ “พี่ตูนสู้ๆๆ พี่ตูนสู้ๆๆ” ดังลั่นตลอดทาง ทุกคนปราศจากความกลัว มีแต่รอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความตื้นตัน หัวใจพองโตทั้งคนวิ่งและคนเชียร์

พื้นที่สีแดงที่มีแต่ความหวาดกลัว สำหรับพี่ตูนแล้วเขากลับบอกทุกคนว่า “ความรักและรอยยิ้มตลอดสองข้างทาง ทำให้พื้นที่ปลายด้ามขวานมีแต่สีชมพู … พื้นที่นี้เป็น ‘สีชมพู’ สำหรับผม”

อาทิวราห์ เซอร์วิส

อาทิวราห์ เซอร์วิส ได้ฉายานี้มาเพราะ ช่วง 3-4 วันแรก พี่ตูนก้าวไปเซลฟี่ไป เซลฟี่กับทุกคนที่เข้ามาหา ถ้าใครดู LIVE ที่เพจ: ก้าว อาจเห็นว่าพี่ตูนหน้าเหนื่อยๆ บ้าง แต่พอมีวัยรุ่น เด็กเล็ก คนแก่ เข้ามาหา พี่ตูนจะยิ้มเซอร์วิสอย่างทั่วถึง จนกระทั่งการเซอร์วิสของพี่ตูน ส่งผลกระทบให้พี่ตูนปวดหลังและปวดขา ทีมก้าวจึงความจำเป็น ต้องขอความร่วมมือจากพ่อแม่พี่น้อง งดการเซลฟี่กับพี่ตูนระหว่างทาง แต่สามารถไปเจอและถ่ายรูปกับพี่ตูน ได้ที่จุดเช็คพอยท์ เข้าคิวตามพื้นที่ที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ยังมีบ้างนิดหน่อย ที่ยังเข้ามาขอเซลฟี่แต่พี่ตูนก็ยังเซอร์วิสด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

อ่อนน้อม – ถ่อมตัว – พูดเพราะ มีรอยยิ้มเสมอ

ระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยุร่น หรือคนแก่ ภาพที่ได้เห็นประจำคือ พี่ตูนมอบรอยยิ้มให้พ่อแม่พี่น้องชาวไทยเสมอ โน้มตัวไปหาทุกคนที่มารอเจอระหว่างทาง บ้างก็ก้มย่องๆ ลงไปหาไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่ก็ตาม พร้อมกับคำพูด ขอบคุณ “ขอบคุณครับ…” “อนุโมทนาบุญจ๊ะยาย” “แข็งแรงๆ นะครับ” ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล กิริยามารยาทของพี่ตูนนั้น สอนให้หลายคนเห็นถึง การนอบน้อมถ้อมตน ตามแบบ ฉบับคนไทย

พี่ตูนรักเด็ก หนูรักพี่ตูน

ทุกๆวัน เราจะได้เห็นเด็กน้อยน่ารัก มายืนรอมอบกระปุกออมสิน เงินเก็บ แบ่งเงินค่าขนมห้าบาทสิบบาท แต่ละคนยื่นให้พี่ตูน พร้อมกับรอยยิ้มใสๆ ชวนให้ยิ้มตาม เวลาเจอเด็กๆ ทีไร พี่ตูนจะเข้าไปทักทาย จับมือ ลูบหัวด้วยความเอ็นดู พร้อมประโยคที่บอกกับเด็กๆ เสมอว่า “เป็นเด็กดีนะ” ตั้งใจเรียนนะครับ” ด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม

นอกจากนี้ระหว่างวัน ยังมีโครงการเล็กๆ “พี่ตูนช่วยน้องก้าว” โดย ช่วงพักกลางวัน จะมีการมอบทุนการศึกษาให้โรงเรียนหนึ่งโรงเรียนที่วิ่งผ่าน เป็นเงินจำนวน 50,000 บาทต่อโรง และทุนการศึกษาให้น้องๆ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อีก 100 ทุนๆละ 10,000 บาท มอบให้น้องๆ ที่เรียนดีแต่ขาดแคลน เป็นการส่งกำลังใจดีให้เยาวชนได้ก้าวต่อไปเพื่ออนาคตที่ดี

อ่อนโยนกับคนแก่

แม้คุณตาคุณยายจะไม่เคยไปดูคอนเสิร์ต หรือฟังเพลงพี่ตูน และไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าเขาเป็นร็อคสตาร์ แต่การเสียสละอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ทำให้พี่ตูนกลายเป็นขวัญใจ เป็นที่รักและเอ็นดูของคนเฒ่าคนแก่ตลอดเส้นทางที่วิ่งผ่าน ทุกวันจะมีคุณตาคุณยายออกมารอพี่ตูนตั้งแต่เช้ามืด เมื่อคุณตาคุณยายได้บริจาคเงินถึงตัวแล้ว ยังให้พร “ขอให้ปลอดภัย” “ขอให้ถึงเป้าหมาย” ด้านพี่ตูนก็ก้มตัวลงพนมมือขอบคุณ “ขอบคุณจ้ะตา” “อนุโมทนาจ้ะยาย” “แข็งแรงๆนะจ๊ะ” “ขอโทษที่ทำให้ยายรอนาน” ไม่เพียงแต่ร่วมสมทบทุนแล้ว ยังมอบกำลังใจให้ซึ่งกันและกันด้วย

พอรู้ว่าคุณยายท่านนี้มารอพี่ตูนอยู่นาน พี่ตูนรีบเข้าไปขอโทษที่ให้รอนานและกราบที่ตัก พร้อมบอกว่าคุณยายหอมแก้มผมหน่อยครับ ผมจะได้มีแรงวิ่งไปถึงเชียงราย น่ารักอะตูน บอดี้สแลม

เพราะผู้ชายที่ชื่อ ตูน บอดี้สแลม คือ ฮีโร่ ในดวงใจของเขา

อารีเป็น กามาอูเซ็ง คนในชุมชนเรียก “แบเอง” เขาเป็นผู้พิการมาตั้งแต่กำเนิด ขยับได้แค่ช่วงบน ไปไหนมาไหนต้องใช้วีลแชร์ เขามีความฝันอยากไปดูคอนเสิร์ตบอดี้สแลม แต่ก็เป็นความฝันที่ไกลเกิน แบเองมารอพี่ตูนด้วยใจที่ตื่นเต้น กำเงินเก็บของตัวเอง และรวมกับของเพื่อนบ้านเพื่อมามอบให้พี่ตูน แล้วแบเองก็ได้เจอพี่ตูนสมปรารถนา นอกจากภาพคู่ที่แบเองดีใจจนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่แล้ว คงจะเป็นคำพูดสั้นๆ จากพี่ตูน “สู้ๆนะครับ” “สู้ๆนะครับ” “ผมไปก่อนนะครับ” “สู้ๆนะครับ” พี่ตูนวิ่งผ่านไปแล้ว แบเองยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “เจอพี่ตูนวันนี้ ผมจะไม่ท้อแท้กับชีวิตแล้วครับ” (ข้อมูลและภาพจาก ภาคภูมิ ประทุมเจริญ)

แบเองดีใจที่ได้เจอพี่ตูน

ผู้ป่วยรายหนึ่งทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลว่า พี่ตูนและคณะกำลังจะวิ่งผ่านหน้าโรงพยาบาลธารโต ซึ่งเขากำลังพักรักษาตัวจากอาการป่วยโดยโรคมาลาเลีย เพื่อได้เจอพี่ตูนสักครั้งในชีวิต เพื่อขอบคุณในสิ่งที่พี่ตูนได้ลงมือทำ จึงขออนุญาตคุณหมอเพื่อออกมารอพี่ตูน มีคนมารอเป็นจำนวนมากที่หน้าโรงพยาบาล พี่ตูนวิ่งผ่านด้านหลังของคนป่วยเข้าไปในฝูงชน ไปไกลเกือบ 10 เมตร เหมือนจะพลาดไม่ได้เจอกัน

แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนจากทีมงาน… “พี่ตูนวิ่งกลับมาข้างหลังครับ แจ้งว่าวิ่งไปหาคนป่วยที่นั่งวีลแชร์ครับ” และภาพที่ทั้งคู่สวมกอดให้กำลังใจกัน กลายเป็นอีกภาพที่ประทับใจไปทั่วโลกโซเชียล “เสียดายครับ ผมซ้อมวิ่งมาหลายวัน ดันมาป่วยเป็นโรคมาลาเรีย เลยอดวิ่งกับพี่เลย” คนป่วยบอกกับพี่ตูน “ไม่เป็นไร เราเป็นกำลังใจให้กันและกัน…ขอให้หายไวไว แล้วออกมาวิ่งด้วยกันนะครับ ผมจะรอ” พี่ตูนพูดเสร็จพร้อมกับยื่นแขนไปข้างหน้าเพื่อขอจับมือ

ผู้ชายที่งดงามด้วยการกระทำ

การแสดงออกด้วยความเคารพต่อนักบวช ภิกษุ ที่มารออนุโมทนาบุญกับพี่ตูนด้วย เป็นภาพที่น่าประทับใจต่อผู้พบเห็นเช่นกัน

พระภิกษุรูปหนึ่ง ได้เจอกับพี่ตูนระหว่างที่หน้าวัดน้ำน้อยนอก จังหวัดสงขลา ได้สนทนากันเล็กน้อย

“หลายวันก่อนโยมยังเป็นนักดนตรี แต่วันนี้กลายเป็น นักสร้างตำนานแล้ว “

พี่ตูนรีบเงยหน้าขึ้นมาตอบว่า

“ไม่ใช่ผมหรอกครับ ทุกคนต่างหากที่สร้างตำนาน”

พระภิกษุหยิบภาพล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ ๙ มอบให้ แล้วเอ่ยว่า …. “ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านเคยเสด็จมาที่วิหารด้านหน้านี้ด้วยเช่นกัน”

พี่ตูนมองภาพแล้ว …..หลับตา ก่อนขอพระ …. “ช่วยจับหัวผมหน่อยครับ”

ภิกษุรูปนั้นจับแตะศีรษะพี่ตูนแล้วให้พรว่า ….“ขอให้สำเร็จทุกประการ คุณโยมทำปักษ์ใต้บ้านอาตมาน้ำท่วม ท่วมไปด้วยน้ำใจ ที่ไม่มีกำแพงใดๆไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา เพศ วัย หรือสิ่งใด ขวางกั้นได้”