Inside Dara
ค้นฟ้าคว้าดาวดวงใหม่เปิดหัวใจ'ตั้ม'เดอะตาร์

กลายเป็นดาวดวงใหม่ประดับวงการบันเทิงในชั่วข้ามคืน สำหรับเชมป์รายการ "เดอะสตาร์ คนฟ้าคว้าดาว" คนที่ 9 ของเมืองไทย "ตั้ม-วราวุธ โพธิ์ยิ้ม" จากชีวิตของผู้ชายธรรมดา กว่าจะมาถึงวันนี้ เขาต้องข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับหนุ่มผมหยิก เสียงเพราะ และเสน่ห์แพรวพราว คนนี้

เดอะสตาร์คนใหม่
ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเยอะไหม

เยอะนะ แต่ผมดีใจที่มีคนให้กำลังใจเยอะมากขึ้น เพราะก่อนเข้าบ้านประมาณ 5-6 เดือน ที่แล้ว ไปไหนมาไหน ยังไม่มีใครรู้จักผมเลย ที่เห็นได้ชัดคือ พอมีโอกาสกลับไปโรงเรียน หลังจากเราได้เป็นเดอะสตาร์ โอ้โห...มีคนกรี๊ด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นอยู่โรงเรียนมา ไม่เห็นมีใครมากรี๊ด หรือรุมดึงทึ้งเราอย่างนี้ (หัวเราะ) เรารู้สึกดีนะ ที่มีคนมาให้ความสนใจเรา จากนี้ไปคงจะเป็นเรื่องของการทำงาน ที่เราต้องตั้งใจทำงานให้คนฟังมีความสุข เพราะชีวิตการทำงานเป็นสิ่งใหม่ที่ผมยังไม่เคยสัมผัส เพราะสิ่งที่เราฝัน คือเป็นนักร้อง แต่การถ่ายแบบ เดินแบบ หรือสัมภาษณ์รายการวิทยุ รายการทีวี เราไม่ได้คิดตรงนั้น พอได้มาเจอรู้สึกว่าสนุกดี

ชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามา มีวิธีตั้งรับอย่างไร

ความจริงผมไม่ได้เตรียมใจ ที่จะตั้งรับอะไรไว้ อาศัยถามพวกพี่ๆ ที่มีประสบการณ์มาก่อน เพราะบางเรื่องเราไม่เคยเจอ มีการถามรุ่นพี่ว่า เราควรจะวางตัว หรือพูดยังไงกับแฟนคลับ บางทีเราใหม่ และเราทำตัวไม่ถูก เพราะบางงาน แฟนคลับมารอเรานาน แต่เรามีเวลาให้เขาน้อย บางทีเราอยากอยู่รอถ่ายรูปกับเขานะ แต่เราทำไม่ได้ เพราะต้องรีบไปทำงานต่อ แต่ผมโชคดี เพราะแฟนคลับน่ารักทุกคนเข้าใจ

ทำไมถึงตัดสินใจเข้าประกวดเดอะสตาร์

เพราะผมชอบการร้องเพลง เรารู้สึกมีความสุข เวลามีคนนั่งฟังผมร้องเพลง อย่างเวลาที่เรายืนธรรมดา คงไม่มีใครสนใจ แต่พอขึ้นไปร้องเพลง คนเริ่มหันมาสนใจ และปรบมือให้เรา เรียกว่าผมชอบเรียกร้องความสนใจ (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าเวลาที่ผมเดินธรรมดาไม่มีคนกรี๊ด แต่พอร้องเพลง เริ่มมีคนกรี๊ดเรา ตอนแรกเขาอาจจะไม่ได้กรี๊ด แต่ถ้าเราทำให้เขารู้สึกสนุก เขาจะส่งเสียงกรี๊ดมา ทำให้เรารู้สึกดีที่เห็นเขามีความสุข และเราก็มีความสุข

ตอนแข่งขันเรียกว่า "ตั้ม" เป็นม้ามืด

ช่วงแรกผมนอยด์มาก พอประกาศคะแนนกลางสัปดาห์ ผมจะได้น้อยตลอด แล้วผมเป็นคนเก็บอาการไม่เก่ง ปากบอกไม่เป็นไร แต่ตาจะร้องไห้อยู่แล้ว ยังพูดกับน้องดี (ดีลิเลี่ยน อัลฟอร์ด) อยู่เลยว่า เราต้องทำให้ดีนะ ถ้าเราทำไม่ดี เราตายแน่ๆ เพราะหน้าตาเราไม่ไหวจริงๆ (หัวเราะ) ตอนแรกคิดว่าร้องวีกแรกเสร็จ เราต้องกลับบ้านแน่ๆ แต่พอเริ่มแข่งวีกแรก ได้เห็นว่าเรามีแฟนคลับ เราเริ่มรู้สึกว่าโอเค แต่พอมองลงไป เอ๊ะ! ครอบครัวเรามากันครบเลยเกณฑ์ญาติๆ มาถือป้ายไฟด้วย แต่สุดท้ายเราก็มีแฟนคลับของเราจริงๆ

"ตั้ม" คิดว่าอะไรที่ทำให้เราได้เป็น "เดอะสตาร์"

ผมรู้สึกว่า น่าจะเป็นการทำโชว์ของเรา ที่ทำให้คนดูมีความสุข เพราะตอนที่เราโชว์ ผมไม่ได้คิดว่าจะได้ไปต่อมั้ย ผมสลัดทิ้งทั้งหมด เพราะก่อนที่ผมจะยืนอยู่หน้าเวทีเพื่อร้องเพลงให้ทุกคนฟัง ผมจะบ้าบออยู่ที่หลังเวที ปล่อยตัวเองให้สุดไปเลย เพราะคนที่ร้องเพลงก่อนหน้าผม ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงสนุก เราก็อาศัยเพลงของเขาบิ้วอารมณ์เราไปด้วย ผมจะเต้นจนช่างแต่งหน้า ต้องซับหน้าอยู่นั่นแหละ จนช่างแต่งหน้าต้องบอกว่า หยุดได้แล้ว พอออกไปแสดง เรายังมีอารมณ์สนุกค้างอยู่ คนดูเลยรู้สึกสนุกกับโชว์เรา

ซิงเกิ้ลเพลงแรก "จะรักจนกว่าจะรู้" เป็นอย่างไรบ้าง

เพลงนี้ แต่งมาค่อนข้างจะใกล้เคียงกับตัวผม และผมชอบเพลง ที่มีความหมายกว้างๆ แล้วแต่เราจะตีความ ใครก็สามารถเอาไปมอบให้คนรักของตัวเองได้ เนื้อหาอบอุ่น เหมือนบอกว่า ทำให้โลกนี้รู้ไปเลยว่า ไม่มีใครรักเธอได้มากกว่าฉันแล้ว ดูเป็นคนมีความพยายาม คล้ายๆ จะหน้าด้านนิดหนึ่ง (หัวเราะ)

คู่จิ้นคู่ใหม่
มีกระแสจับคู่ "ตั้ม" กับ "อั้น-กรกฎ ตุ่นแก้ว"

ผมงงมากเลยว่ามาได้ไง เพราะปกติ ยังชอบกัดจิก และทะเลาะกันอยู่เลย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกัน (หัวเราะ) ช่วงแรกๆ ตอนเปิดตัวใหม่ๆ ไปสัมภาษณ์รายการแล้ว พิธีกรถามพี่อ้นว่า สนิทกับใคร พี่อ้นเลยบอกว่าสนิทกับผม เท่านั้นแหละแฟนๆ เริ่มคิดกันแล้ว ซึ่งช่วงนั้นทุกคนจะมีแฟนคลับหมด เรียกชื่อใครจะมีเสียงกรี๊ด แต่ตอนนั้นแฟนคลับผมยังไม่เกิด พอเรียกชื่อ ตั้ม เลยเงียบกริบ (หัวเราะ)

ในความคิดของตั้ม อั้นเป็นคนอย่างไร

เขาเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ คนจะรู้สึกว่าพี่อ้นเป็นคนง่ายๆ แต่เขาจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน บางทีเหมือนผู้หญิง อย่างสมมุติว่า วันนี้พูดว่าจะทำอย่างนี้ พออีกวันหนึ่งมาบอกว่า ไม่เอา ไม่ทำแล้ว จะเลิก พออีกวันหนึ่งจะทำอีกแล้ว แล้วก็มาขอให้ผมช่วย ผมก็ไม่รู้เป็นอะไรต้องช่วยทุกที ผมจะเป็นคนโผงผาง แต่พี่อ้นจะเป็นคนเฉื่อยแฉะ อย่างถ้านัดเวลาไว้กี่โมง พี่อ้นจะมาตรงเวลาเป๊ะ หรือไม่ก็จะเกินประมาณ 5-10 นาทีตลอด แต่ส่วนใหญ่จะชอบสายนะ (หัวเราะ)

เผาเดอะสตาร์
น้องดีเป็นคนอย่างไร

ต้องขอบคุณน้องดี (ดีลิเลียน อัลฟอร์ด) มากที่มาประกวดเดอะสตาร์ เพราะถ้าไม่มีน้องดี เราจะไม่มีคนให้แกล้ง (ยิ้ม) น้องเป็นเด็กที่มีหน้าตาทำให้ทุกคนมีความสุขได้ น้องอาจจะไม่ได้สวย แต่อยู่กับเขาแล้ว เรามีความสุข ผมชอบอยู่กับน้อง เพราะน้องเป็นคนน่ารัก เวลาแกล้งก็จะไม่ตอบโต้ ชอบพูดว่า หนูไม่อยากจะกัดพี่หรอก เดี๋ยวจะดูแรงเกินเด็ก (หัวเราะ)

เส้นทางสายดนตรี
กว่าจะมาถึงวันนี้ "ตั้ม" ผ่านอะไรมาบ้าง

ผมโดนปลูกฝังเรื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของผมเป็นนักดนตรี แม่ผมเป็นนักร้อง ผมขึ้นเวทีร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงแรกยังไม่อยากขึ้น แต่พอขึ้นไป แล้วได้ตังค์มาซื้อขนมกิน หรือว่าพอร้องเพลงแล้วได้ของเล่น ทีนี้ผมร้องใหญ่เลย ขึ้นไปเต้นยับเลย แต่ตอนนั้น ผมยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองชอบ เรียกว่าทำแล้วสนุก ครอบครัวเราชอบเสียงดนตรี พอตกเย็นก็เปิดเพลงร้อง เต้น กันทั้งบ้าน เพิ่งมารู้ตัวว่า เราชอบการร้องเพลงจริงๆ ช่วง ม.1 มีความคิดว่า เราอยู่กับการร้องเพลงเยอะ ช่วงแรกจะร้องเพลงลูกทุ่ง ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นเพลงสตริง

พอมาถึงวันนี้ พ่อแม่ภูมิใจอะไรในตัวตั้มบ้าง

พ่อแม่ผมภูมิใจมาก เพราะท่านไม่คิด ไม่ฝันว่าลูกจะทำได้ แล้วตอนกลับบ้าน คนให้การต้อนรับดีมาก ซึ่งช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลากลับบ้านด้วย พอกลับไปบ้านเรามีคนมาต้อนรับเต็มเลย คนให้ความสนใจกับเรามาก ตอนได้เป็นเดอะสตาร์ใหม่ๆ มีแห่รอบจังหวัดด้วย ผมรู้สึกว่า ตัวเองเหมือน ส.ส. คอยพูดว่าขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ช่วยโหวตให้ผม มีพวงมาลัยเหลืองคล้องคอด้วย ภาพผมเหมือนนักการเมืองมาก แล้วเวลาไปแห่รอบจังหวัด ผมได้มองไปรอบๆ ความทรงจำวันเก่าๆ มันกลับมาว่า สถานที่ตรงนี้เราเคยทำสิ่งนี้ ตรงนั้นเราเคยทำอะไร มันมีความสุขมาก

ตัวตนสนุกสนาน
ความจริง"ตั้ม"เป็นคนอย่างไร

ผมก็เป็นคนสนุกสนาน ถามว่าบางทีมีเรื่องเศร้ามั้ย มีนะ แต่เราใช้ความสนุกกลบเกลื่อนไปหมด ถามว่าในใจมีเรื่องเศร้ามั้ย มีเหมือนกัน แต่เราไม่แสดงออกมา และถ้าเราไม่พอใจอะไร เราจะเงียบไปเลย จนอื่นจับความรู้สึกได้ว่า ตั้มต้องมีอะไรแล้ว แต่ถ้ามาถาม ผมจะบอกว่าไม่มีอะไร ซึ่งสุดท้ายเราเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ ต้องบอกอยู่ดีว่า เราเป็นอะไร บอกไว้เลยว่า ใครมีความลับอย่าเอามาบอกผม ไม่ควรนะ (หัวเราะ) เพราะผมเป็นคนเปิดเผย บางทีชอบพูดสวนกลับไปอย่างไม่คิดด้วย พอกลับไปคิด เราจะรู้สึกว่า จริงๆ เราไม่ควรพูดนะ เป็นคนพูดไม่คิด อยากจะขอโทษแต่ไม่ทันแล้ว เพราะคนฟังเขาคิดไปแล้ว ผมเป็นคนปากไวมาก มีหลุด มีรั่วบ้าง อยากแก้ไขตรงนี้เหมือนกัน แต่อยากจะบอกว่า แก้ยากมาก

"ตั้ม" ดูเป็นคนจริงใจ

คือผมเป็นคนเก็บอะไรไม่ค่อยอยู่ อย่างพี่อ้นจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เวลาอยู่ในบ้าน ถ้าเขามีอะไรจะมาบอกผม แล้วผมจะเป็นคนพูดแทน หรือใครมีปัญหาอะไร อย่างน้องดี ถ้ามาปรึกษาผมนิดหนึ่ง ผมจะอารมณ์ขึ้นแทนแล้วว่า ทำไมเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่ความจริง บางทีเรื่องไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องนิดเดียว อาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิด แต่ความที่เป็นผมไง เลยตีความไปกันใหญ่ (หัวเราะ) เพราะเราเป็นห่วงเพื่อน พี่ น้อง ของเรา

เห็นบอกว่าเมื่อก่อนอ้วนและสิวเยอะกว่านี้ ดูแลตัวเองอย่างไร

ผมดูแลตัวเองเหมือนเดิมเป๊ะ ตื่นเช้ามา ล้างหน้า ทาครีมปกติ เพื่อจะได้มีเวลาเอาคอนซิลเลอร์แต้มปิดสิว ตอนนี้หน้าก็ไม่ได้ดีขึ้นนะ ถ้าเคาะหน้าออกมา แป้งร่วงเต็มเลย (หัวเราะ) ส่วนเรื่องอ้วน เมื่อก่อนผมอ้วนมาก รู้สึกว่าใส่เสื้อแล้วอึดอัด ตอนนี้ก็ยังอ้วนอยู่ แต่เริ่มมีวันแพ็กมาแล้ว 1 ลูก รวมกันไว้ที่ท้อง ผมเชื่อว่าถ้าผมถอดเสื้อ คนจะกรี๊ดผมเยอะมากกว่าพี่ดิว (นัทธพงศ์ พรมสิงห์) เพราะว่า คุณจะเห็นนอตที่ฝังอยู่เต็มตัว ไม่ใช่นอตจริงๆ นะ แต่เหมือน เพราะผมเป็นคนตัวลายมาก (หัวเราะ)

ตอนนี้การเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ยังลงเรียนอยู่ ไม่เชิงว่าไม่เรียนเลย แต่ว่าลงเรียนน้อยลง เอาวิชาที่เราคิดว่าอยากรู้จริงๆ อ่านแล้วเข้าใจง่าย เพราะเราทำงานทุกวัน ถ้าลงเรียนเยอะๆ แล้วเป็นวิชาที่ยาก หรือน่าเบื่อ เราอาจจะสอบไม่ผ่าน และเสียเวลาเปล่า เพราะแต่ละครั้งที่เราไปสอบ พี่เขาต้องแทรกคิวงานให้ เราเลยขอลงเรียนแบบมั่นใจดีกว่าว่าเราจะสอบผ่าน

หัวใจหนุ่มฮอต
ตอนนี้หัวใจเป็นอย่างไร

ตอนนี้หัวใจยังว่าง หัวใจตอนนี้มันมีแต่งาน และเต็มไปด้วยแฟนคลับทุกคนที่ให้กำลังใจ ส่งมาให้ผม ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักเลยตอนนี้ ขอทำงานและอยู่กับสิ่งที่ผมรักก่อนดีกว่า

เปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา นี่แหละ "ตั้ม" เดอะสตาร์


เขาคนนี้ชื่อ : วราวุธ โพธิ์ยิ้ม
ชื่อเล่น : ตั้ม
เกิด : 14 ธันวาคม พ.ศ. 2536
การศึกษา : ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์
ผลงานที่ผ่านมา : ได้รับรางวัลเยาวชนต้นแบบเก่งและดี To Be Number One Idol
ผลงานปัจจุบัน : ซิงเกิ้ล เพลง จะรักจนกว่าจะรู้ อัลบั้ม เดอะสตาร์ 9