Inside Dara
'แซมมี่'ซึมซับรักแสดง เป็นเสาหลักดูแลครอบครัว

พลิกมารับบทดราม่าเต็มตัวกับตัวละคร'พาไล' ในละคร "เลื่อมสลับลาย" ทางช่อง 7 ทำเอานางเอกสาว 'แซมมี่'ปัณฑิตา เคาวเวลล์ ถึงกับบ่นอุบว่าสุดแสนยาก แต่เจ้าตัวก็ฝ่าฟันจนมีเสียงชมว่ามีพัฒนาการทางด้านการแสดงดีขึ้น

บท 'พาไล' ใน "เลื่อมสลับลาย" เป็นอย่างไรบ้าง?

แซมมี่ - "เป็นบทบาทที่ยากที่สุดในชีวิตการแสดงเลยค่ะ ไกลตัวด้วย ตัวละครตัวนี้มีพัฒนาการ มีความซับซ้อนอยู่แต่ละฉาก ซีนอารมณ์ค่อนข้างเยอะ ตัวละครค่อนข้างเครียด บางทีกลับบ้านไปปวดหัวนะ เล่นดราม่าเยอะๆ มันกระทบร่างกายเราด้วย ร้องไห้มากๆ บางทีเห็นเป็นภาพซ้อน ตาพร่า ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งถึงจะปกติ"

"เรื่องนี้ทำการบ้านหนักมาก ชีวิตค่อนข้างดราม่า สังคมภายนอกเขาจะดูเป็นผู้หญิงไม่ดี แต่จริงๆ เขาไม่ได้ไม่ดี ไม่ได้เป็นนางเอกที่ยอมคน บางฉากต้องเป็นสาวพริตตี้ด้วย อันนี้ยาก ไกลตัว คือมันไม่ใช่เราเลย เรื่องนี้จะมีเต้นยั่ว เต้นโชว์ เต้นกับเสา หลายอย่างมาก ยากนะ แต่ก็ไม่อยากทำหลายรอบไง ทำให้มันผ่านเร็วที่สุด"

ภาพเราเองก็ดูเป็นสาวเซ็กซี่ ทำไมถึงบอกว่าไกลตัว?

แซมมี่ - "มันเป็นภาพเวลาออกงาน แต่ชีวิตประจำวันไม่ใช่เลย ชีวิตประจำวันเป็นคนใส่ยีนส์ เสื้อยืด ผ้าใบ เรียกว่าสาวเซอร์เหมือนผู้ชายมากกว่า"

ฉากไหนที่ยากที่สุด?

แซมมี่ - "ยากทุกฉาก แต่ที่ยากสุดคือฉากตอนตื่นมาแล้วรู้ว่าแท้งลูก มันเป็นความรู้สึกที่เราไม่เคยมีลูก ไม่เคยมีอะไรที่เป็นอาการใกล้เคียง จะต้องเจ็บตรงไหนก็ไม่รู้ กะไม่ถูก ทั้งความรู้สึกและทางร่างกายด้วย เป็นฉากที่ร้องไห้เยอะมาก ตัวเองเป็นคนร้องไห้นิ่งๆ ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายก็ค่อนข้างยาก หลายเทคเลยกว่าจะจับทางได้ แล้ววันนั้นเป็นวันที่ร้องไห้ทุกฉาก ตั้งแต่ซีนแรกยันซีนสุดท้าย แล้วซีนนี้อยู่ซีนสุดท้าย น้ำตาแทบไม่เหลือแล้ว จบฉากนั้นหนูเดินออกมาร้องไห้เลย"

"แต่มาเจอแบบนี้ก็แฮปปี้นะ มันอาจจะยาก บางทีเราเหนื่อย ร้องไห้ว่าทำไมทำไม่ได้ แต่เรารู้สึกแฮปปี้ เพราะเราไม่เคยได้รับละครชีวิตแบบนี้มาก่อน เพิ่งรู้ว่าตัวเราทำได้ประมาณไหน"

ผลงานเรื่องต่อไป?

แซมมี่ - "เรื่อง ไฟรักเกมร้อน ค่ายพอดีคำ อันนี้ก็ดราม่าอีก เรื่องนี้เป็นผู้หญิงเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ จบนอก ครอบครัวสมบูรณ์แบบ ชีวิตมีความสุขมาตลอด มารักกับพระเอกแต่งงานกัน พอมารู้ว่าแม่พระเอกเป็นเมียน้อยพ่อเรา ก็เลยแก้แค้น เหมือนเป็นนางเอกร้าย รักพระเอกแต่ก็เกลียด อยากทำร้ายเขา เล่นคู่กับธันวา-สุริยจักร เพิ่งเปิดกล้องไป เรื่องนี้เลิฟซีนค่อนข้างเยอะ น่าจะดูกันปีหน้า เดี๋ยวจะมีไปถ่ายต่างประเทศที่สเปนช่วงตุลาคม"

ได้รับบทดราม่ามากขึ้น คิดว่ามาถูกทางแล้วหรือยัง?

แซมมี่ - "จริงๆ อยากเล่นให้ได้ดีหมดทุกบท จะได้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่ทำอะไรเดิมๆ คนก็จะติดภาพเดิมๆ ก่อนหน้านี้เล่นละครบู๊สองเรื่องติด คนจะคิดว่าเป็นนางเอกนักบู๊แน่เลย ก็อยากเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ได้ยึดติดว่าต้องรับแต่บทนางเอก โอเคกับทุกบททุกเรื่องที่ผ่านมา สนุกกับมันทุกเรื่องค่ะ"

อยู่วงการมาเกือบ 10 ปีมีมุมมองแตกต่างไปจากวันแรกที่เข้ามาไหม?

แซมมี่ - "ต่างนะ ตอนแรกเข้ามาจากการประกวดไทยซูเปอร์โมเดลเพราะชอบเดินแบบ ไม่อยากเล่นละครเลย บอกช่องเลยว่าอยากเดินแบบอย่างเดียว แต่ช่องไม่ยอม เขาให้ไปแคสเหมือนปกติทั่วไป ตอนนั้นจำได้ว่าไม่อยากไปเลย ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ จนตอนนี้กลายเป็นชอบไปเองโดยไม่รู้ตัว มันคงซึมไปเอง เริ่มรักการแสดง เริ่มมีอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแสดง อยากลงลึก"

เล่นละครมาหลายเรื่องแล้วแต่ยังไม่เปรี้ยงแบบสุดๆ สักที?

แซมมี่ - "ค่อยๆ ขึ้น ค่อยๆ มา หนูเข้ามาโดยที่รูปร่างหน้าตาไม่ได้เป๊ะเหมือนคนอื่น สมัยนี้เข้ามาวงการแรกๆ คือสวยเลย ณ ตอนนั้นหนูมาจากประกวดแล้วไม่ได้ศัลยกรรมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น และเราเป็นเด็กตรงๆ หน้าหงิก ไม่เข้าหาผู้ใหญ่ ใครถามอะไรคิดยังไงก็ตอบแบบนั้น ก็คงมีผลด้วยแหละ แต่เวลามันก็ทำให้เราเรียนรู้ว่าเราควรจะปรับเปลี่ยนอะไรตรงไหน แต่ไม่เคยมานั่งคิดว่าทำไมฉันมาเกือบสิบปีแล้วอยู่ได้เท่านี้ เรากลับคิดว่าฉันเดินมาไกลแล้วนะเนี่ย มาอยู่จุดนี้ได้ยังไง จากเด็กที่ไม่อยากเล่นละครไม่ชอบเลย เราไม่ได้คิดจะไปแข่งกับคนอื่น เหนื่อยด้วย"

เรียนรู้อะไรจากการอยู่ในวงการมาเกือบ10ปีแล้ว?

แซมมี่ - "ได้รู้ว่าเราโตขึ้นจากเด็กที่อายุเท่ากัน มีความรับผิดชอบมากกว่า ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนคิดไกลหรือคิดดีกว่าใคร แต่ในบางเรื่องที่เราสัมผัสจากประสบการณ์ในวงการบันเทิงอย่างที่คนอื่นเขา ไม่ได้มาสัมผัสเหมือนเรา เราอาจจะคิดได้ไกลกว่าเขาในบางเรื่อง เราก็ไม่ได้เป็นเด็กฉลาดแต่เรามาเรียนรู้เอาจากสิ่งที่เจอ"

ตัวตนจริงๆ ของเราเป็นยังไง?

แซมมี่ - "เหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ผมยาว ลุยๆ ห้าวๆ ไม่ได้รักสวยรักงามหรือดูแลตัวเองขนาดนั้น ส่วนเรื่องหน้าเหวี่ยง หน้าหงิก จริงๆ ไม่ได้คิดอะไร เหมือนปากคว่ำ ตอนสมัยเรียน ม.ปลายเคยจะโดนตบนะ เพราะไปมองคนด้วยหางตา หลายคนเข้าใจผิดเยอะ คือเป็นตั้งแต่ก่อนเข้าวงการแล้ว จะให้มานั่งยิ้ม เข้าไปคุยกับทุกคนก็ไม่ขนาดนั้น ไม่ได้เป็นคนคุยเก่ง จะให้เข้าไปคุยก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร อยู่นิ่งๆ ดีกว่า พอมาทำงานเจอคนหลากหลายก็ต้องปรับ ด้วยหน้าที่การงาน แล้วบางทีเราหน้าอย่างนี้ใครจะอยากจ้าง พอเราทำงานตรงนี้มันก็สอนให้เราโตขึ้น เรียนรู้มากขึ้นว่าต้องปรับตัวยังไง"

มองอนาคตในวงการไว้ยังไง?

แซมมี่ - "ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ให้มีงานทำตลอด ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องแน่น ไม่ต้องดังเท่าคนอื่น แค่มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ก็แฮปปี้แล้ว เพราะหนูเป็นคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวทั้งหมด ส่วนจะดังหรือว่าจะเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งตัวท็อปไหมมันเป็นแค่ผลกำไรที่เรา ไม่สามารถควบคุมได้"

"เรื่องที่ต้องทำคือเรามีหน้าที่ทำอะไร ต้องรู้ว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่ควรย่ำอยู่กับที่ ต้องมีแรงผลักดันตัวเองให้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ประคับประคองให้ดีต่อไปค่ะ"

ชีวิตครอบครัวเป็นยังไง?

แซมมี่ - "ตอนนี้หนูรับผิดชอบทุกอย่างเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านทั้งหมด เพราะคุณพ่อเกษียณแล้ว แม่ไม่ได้ทำงาน หนูหาเงินมาก็ให้แม่หมด ใช้อาทิตย์ละสองพัน หนูมีพี่สาวแต่เขาก็ไปทำงานของเขา เขาก็มีชีวิตที่เขาต้องรับผิดชอบเหมือนกัน"

เป็นลูกครึ่งแล้วถูกเลี้ยงมาสไตล์ไหน?

แซมมี่ - "ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งแต่ก็ถูกเลี้ยงมาแบบค่อนข้างหัวโบราณ แบบคนไทยทั่วไป ซึมซับความเป็นคนไทยไม่ได้ฝรั่งจ๋า ด้วยเกิดที่ไทยโตที่ไทย พ่อหนูมาอยู่เมืองไทยหลายสิบปีเลยมีความเป็นคนไทยอยู่สูง ไม่ได้เลี้ยงแบบปล่อยๆ เหมือนเด็กฝรั่ง เราได้รับความเป็นไทยค่อนข้างมาก ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝรั่งเลย หนูจะสนิทกับแม่มากกว่าพ่อ ด้วยเรามาทำงานแม่ก็มาด้วย แต่พ่อเขาไม่ค่อยทน จะมาแว้บๆ"

ผูกพันสนิทสนมกับแม่แค่ไหน?

แซมมี่ - "สนิทกันค่อนข้างมาก เป็นแม่ลูกตัวติดกันตลอดเวลา ตั้งแต่เด็กๆ ไปโรงเรียนคุณแม่จะไปส่งตลอด จนโตแล้วเรียนม.ปลาย บางทีเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังไปส่ง จนตอนนี้ทำงานแล้วก็มาด้วยตลอด แม่เขาอยากมาดูแลเรา ช่วงหลังๆ หนูเล่นดราม่า สุขภาพไม่ค่อยดี บางทีแม่ก็มาช่วยนวด เพราะถ้าหนูเล่นดราม่าหนักๆ จะเป็นโรคหอบ เพิ่งมาเป็นหอบตอนเล่นดราม่านี่แหละ อยู่ดีๆ ก็เป็น แม่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเรามาก ส่วนหนูก็เป็นห่วงคุณแม่เรื่องสุขภาพเหมือนกัน มากองคุณแม่ขับรถให้ สายตาก็เริ่มไม่ดี หัวเข่าก็เริ่มไม่ดีแล้ว ในอนาคตหนูตั้งใจจะซื้อรถตู้แล้วหาคนขับ รีบทำงานเก็บเงินซื้อรถตู้แม่จะได้ไม่ต้องขับรถเหนื่อย"

อยากบอกอะไรกับคุณแม่ไหม?

แซมมี่ - "เราไม่ค่อยได้บอกรักกันแต่อยู่ด้วยกันตลอด เราก็รู้ก็เข้าใจว่าเขารักเรามาก และเขาก็รู้แหละว่าเรารักเขา ก็อยากจะขอโทษในสิ่งที่เราอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทำให้เขารู้สึกเสียใจ แต่เชื่อว่าเขารู้ว่าเรารักเขา"

หัวใจว่าง-เปล่าปากแข็ง

ช่วงแรกเข้าวงการ มีข่าวจิ๊จ๊ะกับหนุ่ม 'กอล์ฟ'อนุวัฒน์ เชิดชูรัตนา แต่ช่วงหลังข่าวคราวความรักของสาว 'แซมมี่-ปัณฑิตา' เงียบหาย ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจว่า

"กับพี่กอล์ฟเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นเด็กสังกัดเดียวกันเฉยๆ ช่วงที่โดนข่าวประโคมบ่อยๆ มีรูปออกมาเป็นเพราะถ่ายละครด้วยกัน แต่พอเล่นละครคนละเรื่องต้องแยกย้ายกัน คิวมันตรงกันยาก แต่เราก็ยังคุยในกรุ๊ปไลน์"

ไม่ใช่คู่รักปากแข็ง "ไม่ใช่ค่ะ หนูเป็นคนตรงๆ ถ้ามีอะไรบอกอยู่แล้ว เราสนิทกันเพราะเล่นละครด้วยกัน เราเป็นพี่น้องที่สนิทคุยปรึกษากันได้ทุกเรื่อง บางทีพี่น้องที่สนิทมันไม่จำกัดเพศ รู้สึกว่าเป็นอย่างนี้โอเคแล้ว ไม่อยากให้คนมองว่าปากแข็งหรือว่าเป็นแฟนกันแล้วไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์มันมีหลายแบบ เราสบายใจที่จะคุยกันแบบนี้"

อึดอัดไหมที่คนจับตามอง "ชินแล้ว ด้วยความที่เราอาจจะสไตล์คล้ายๆ กัน ก็เลยดูเหมือนอาจจะต้องเป็นแฟนกัน แต่ไม่ใช่ไง"

ล่าสุดมีข่าวว่าเราไปวีนนางเอกร่วมช่องที่กอล์ฟร่วมงานด้วย "ตลกอ่ะ ไม่รู้นะ อาจจะมาจากที่เราเป็นคนตรงๆ หน้าตาดูเย่อหยิ่งพร้อมเอาเรื่อง ในกลุ่มหนูเวลาเล่นกันกวนกันจะกวนกันแรงมั้ง หนูไม่ได้โง่ขนาดจะไปวีนใคร การไปวีนแบบนั้นคือการฆ่าตัวตายชัดๆ ถ้าจะทำอะไรหนูจะทำเงียบๆ เชือดนิ่มๆ (หัวเราะ)"

ตอนนี้หัวใจยังว่าง "ว่างค่ะ ไม่ใช่เพราะไม่มีเวลาเปิดใจรับใคร แต่ด้วยหนูเป็นคนหน้าหงิกและไม่ได้ไปไหน ไม่ได้เจอใคร"

มุมมองความรักเป็นยังไง "มองว่าเป็นเรื่องดี ช่วยทำให้มีกำลังใจ ถ้าจะมามันมาเอง ด้วยอาชีพเราการจะมีแฟนจะต้องมีเวลามีความเข้าใจให้กัน"

"จะมีใครสักคนก็อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ" แซมมี่ทิ้งท้าย