Inside Dara
บนเส้นทางชีวิตที่พลิกผันมาถึงวันนี้ของ'น้ำตาล-พิจักขณา'

ออกอากาศมาแล้ว สำหรับละครเรื่อง ดาวเคียงเดือน ละครเรื่องล่าสุดที่ บรอดคาซท์ นำนวนิยาย โรแมนติกคอมเมดี้ ผลงานจากปลายปากกาของนักเขียนชื่อดังอย่าง "รอมแพง" โดยได้พระเอก นางเอก เคมีดูเข้ากั๊น...เข้ากัน อย่าง "เคน" ภูภูมิ พงษ์ภานุ และ "น้ำตาล" พิจักขณา วงศารัตนาศิลป์ มาประกบคู่กันเป็นครั้งแรก วันนี้หน้าบันเทิง "คม ชัด ลึก" ได้คิวนางเอกสาวตาโตอย่าง น้ำตาล มานั่งพูดคุยกันแบบเจาะลึกกับเรื่องราวชีวิตของเจ้าตัวกันแบบจัดเต็ม

ผลงานละครดาวเคียงเดือน
บทบาทในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เป็นหลานสัปเหร่อ ทำงานออแกไนเซอร์ เป็นละครคอมเมดี้ โรแมนติก สำหรับตาลค่อนข้างตกใจนะ เพราะบทในเรื่องนี้ ตาลมองว่ามันค่อนข้างที่จะตรงกับความเป็นตาลมาก มีความร่าเริงแจ่มใส ขยัน ลุยๆ สนุกสนาน คือที่บอกว่าใกล้เคียงกับตาล เพราะว่ามันมีความเป็นตาล 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถูกใจกับบทแบบนี้มากๆ เพราะมันมีอะไรให้ตาลได้เล่นหลายๆ อย่าง สำหรับเรื่องบทประพันธ์ ที่เป็นรูปแบบนวนิยายตาลได้อ่านบ้าง เพราะที่ทราบ คือเรื่องนี้เป็นเหมือนภาคต่อของ ละครเรื่อง ดาวเกี้ยวเดือน มาสู่ดาวเคียงเดือน แต่ในละครพี่หน่อง (อรุโณชา ภานุพันธ์) มีการปรับใหม่ อาจจะอ้างอิงนวนิยาย จากเดิมที่เป็นภาคต่อ กับการร่วมงานกับเคน ถือว่าเป็นพระเอกคนแรก ที่ถือว่าเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ได้เล่นละครด้วยกัน เคมีเราสองคนถามว่า น่าจะจิ้นได้มั้ย ตาลว่ามันก็น่าจะได้นะ เพราะทั้งพระเอกนางเอกฟันใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ ในละครก็จะมีบทอะไรแบบนี้ ตอบโต้กันเรื่องฟันใหญ่

อยู่ในวงการเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่ได้ประกบพระเอกแถวหน้าของช่อง 3 ล้วนๆ

ตาลว่าการที่เราได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่ อย่างที่ผ่านมา ตาลได้เจอกับทั้งพี่เคน (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) พี่ปอ (ทฤษฎี สหวงษ์) พี่ป๋อ (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ทำให้ตาลมองว่า มันเป็นแรงผลักดัน ในการทำงานนะ แถมตามมาด้วยแรงกดดันด้วย แล้วตาลไม่ได้เรียนอะไรที่เกี่ยวกับการแสดงเลย เพราะตอนที่เรียนที่เชียงใหม่ ตาลเรียนมาทางศึกษาศาสตร์เพื่อที่จะเป็นครู ดังนั้นการแสดงของตาลส่วนใหญ่ จะเป็นการใช้วิธีลัดเข้าสู่ตัวละครทันทีเลย เป็นการเรียนการแสดงแบบที่คุณครูสอนการแสดงบอกว่าให้เราใช้ ความรู้สึกถ่ายทอดออกมา และอินไปกับบท เขาเรียกว่าสิงเข้าไปในตัวละคร

สู่ตำแหน่งนางเอกลูกรัก
แว่วว่าถูกวางตัวให้เล่นละครเรื่อง สะใภ้จ้าว ประกบคู่กับหนุ่ม "โป๊ป" ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ

ถือว่าเป็นโอกาสอีกครั้ง ที่พี่หน่อง เมตตาตาลอีกครั้งกับละครเรื่อง สะใภ้จ้าว เพราะละครเรื่องนี้ ถือว่าเป็นแนวที่ตาลอยากเล่นมาตั้งแต่แรกแล้ว ตาลชอบละครพีเรียด เพราะมันเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เรามองว่ามันยากนะ ทั้งเรื่องภาษา กิริยา ท่าทาง ของตัวละคร ที่เราต้องสื่ออออกมาให้ได้ พอทราบข่าวมาว่า จะได้ร่วมงานกับพี่โป๊ปเราเองก็รู้สึกดีนะ เพราะปลื้มด้วย (ยิ้ม) ยิ่งได้มาเจอกันในละครยิ่งตื่นเต้นไปใหญ่ ตอนนี้กำลังรอคิวเปิดกล้องเรื่องนี้ น่าจะเป็นช่วงเดือนสิงหาคมจะได้เริ่มกัน เพราะตอนนี้ติดถ่ายละครอีกเรื่องอยู่

มีงานละครเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คนจะมองว่ากลายเป็นนางเอกลูกรักของ "หน่อง" อรุโณชา ภานุพันธ์ หรือเปล่า

เอาจริงๆ ตาลไม่ยึดติดนะเรื่องนี้ เพียงแต่ว่ามันเป็นโอกาสที่เข้ามาถูกที่ถูกเวลามากกกว่า เมื่อผู้ใหญ่ยื่นโอกาสมา เด็กอย่างเราก็ควรคว้ามันเอาไว้ กับพี่หน่องตาลถือว่า เป็นเสมือนผู้ใหญ่ เหมือนญาติที่รักเรามากๆ เพราะเวลาที่ตาลมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็ตาม ตาลจะเข้าไปคุยกับพี่หน่อง แล้วตาลจะได้รับข้อคิด แง่คิดที่ดี ทำให้ตาลสบายใจขึ้น ทำให้ตาลได้เจอทางออกในปัญหานั้นๆ พี่หน่องเป็นคนใจดีและน่ารักมากๆ สำหรับตาล และ พี่ๆ น้องๆ ในบรอดคาซท์ทุกๆ คน อีกอย่างตาลกับพี่หน่องเราชอบไปทำบุญด้วยกัน ล่าสุดเพิ่งไปช่วยงานบุญของ ท่าน ว.วชิรเมธี ที่ จ.เชียงราย ซึ่งท่าน ว.วชินเมธี คืออีกหนึ่งคนที่ตาลจะปรึกษาปัญหา แต่เน้นหนักในเชิงทางธรรมมากกว่า เขาเรียกสนทนาธรรม ส่วนทางโลกตาลยกให้พี่หน่องเลย

ชีวิตโดดเดี่ยวในเมืองกรุง
ตอนนี้ย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียวแล้ว มีบ้างไหมที่เกิดความรู้สึกหว้าเหว่คิดถึงบ้าน

มันมีบ้างนะ เพราะตอนนี้เราอยู่คอนโดคนเดียว เพราะตอนแรกตาลอยู่กับลุง และป้า แล้วที่นี่ บ้านลุงกับป้าอยู่ไกล เราต้องทำงานด้วย เรียนด้วย เลยต้องย้ายออกมา ตอนนี้อยู่คนเดียวมันยิ่งทำให้เรารู้สึกเหงานะ เพราะชีวิตที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี ตาลอยู่กับครอบครัวมาโดยตลอด คือไม่เคยห่างไกลจากคนที่อยู่ในครอบครัวนานขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ตาลเพิ่งได้กลับไปหาพ่อกับแม่ ที่ต่างจังหวัด คือรู้เลยว่ามันยากมากนะ ที่ต้องอยู่คนเดียว บางทีวันว่างๆ แอบบมีอารมณ์นอยด์ แล้วคิดถึงพ่อ แม่ น้อง เพราะแต่ก่อนนอนก็นอนกับน้องชายทุกคืน น้ำตาไหล พูดแล้วคิดถึงนะ

ปรับตัวเข้ากับชีวิตในเมืองหลวงบ้างหรือยัง

ตอนนี้ถามว่าเริ่มปรับตัวได้บ้างหรือยัง ตอนนี้ตาลอยู่คนเดียวมาหลายเดือนแล้ว พยายามทำงาน ตั้งใจเรียน แล้วก็หาเวลากลับไปหาพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดบ้าง เพราะตอนนี้จะเห็นว่างานเข้ามาตลอดเลย คือมันเยอะจริงๆ ถ่ายเรื่องหนึ่งจบ มีอีกเรื่องรอต่อคิวเลย แต่พูดตามตรงทุกวันนี้ยังห่วงที่บ้านอยู่ ที่ห่วงสุดๆ นี่คือน้องชาย กำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาอายุ 17 ปี กำลังซ่า คือเหมือนว่ายิ่งโตขึ้นความรัก ความผูกพันมันยิ่งค่อยๆ ห่างออกไป คือตาลไม่อยากให้มันเกิดความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ นะ มีความคิดที่จะพาครอบครัวมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่ประเด็นคือพ่อกับแม่ไม่เอาด้วย เพราะทั้งสองคนคุ้นเคยกับชีวิตที่โน่นแล้ว ท่านมีสังคมของท่าน ถ้ามาอยู่กรุงเทพฯ กลัวทั้งคู่จะเหงา เพราะเราไม่มีเวลาให้มากพอ เลยพับโครงการไป แต่มีของที่เราให้พ่อกับแม่แทนนะ เพราะล่าสุดเพิ่งถอยรถเก๋งคันใหม่ป้ายแดงให้เลย

จากครอบครัวมาแสนไกล
ชีวิตลูกสาวคนโตในครอบครัวข้าราชการเต็มขั้น สู่ชีวิตนางเอกสาวเจ้าบทบาท

แรกๆ ที่บ้านไม่สนับสนุน โดยเฉพาะคุณพ่อ คือคุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่เป็นข้าราชการ บ้านจะเป็นระเบียบ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวข้าราชการ แล้วเราอยู่ที่จังหวัดแพร่ เราไม่ได้มาคลุกคลีในวงการ หรือใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้มาอะไรแบบนี้ ที่บ้านก็จะแบบรับราชการดีกว่า มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง เกษียณแล้วเราก็ยังได้เงินบำเหน็จบำนาญอยู่ยาวไปเลย

เปลี่ยนเส้นทางแม่พิมพ์ของชาติ สู่ชีวิตคนบันเทิงเต็มตัว

เพราะการเดินทางไปกลับ กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ทั้งเรื่องการเดินทาง เราตัดสินใจหนักมาก ต้องย้ายมหาวิทยาลัยด้วย ตอนแรกไม่ย้าย ยอมบินไปบินมา แต่พอถึงจุดหนึ่งแล้วเหนื่อย มันถึงจุดหนึ่งเราคงต้องเลือกแล้ว ตอนแรกเรียน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค่อนข้างเคร่งเรื่องเวลา สายครูต้องมีการเก็บคะแนนในเรื่องของการไปโรงเรียน เพื่อที่ปี 5 จะได้ไปฝึกสอนอย่างเต็มที่ ถ้าเราเรียนครูเราก็ต้องเรียนถึง 5 ปี เทียบกับมาเรียนนิเทศศาสตร์ก็เสียเวลาเหมือนกัน แต่ไหนๆ เราทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ต้องทำให้สุดไปเลย ตอนนี้เลยต้องมาเริ่มเรียนใหม่ ที่สาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เวลานี้เรียนอยู่ปี 2 แล้ว จะสู้ๆ และเต็มที่ เพราะตาลมีคนเทรนด์ให้เยอะ

เผยหัวใจสาวตาโต
มุมมองเรื่องความรักเป็นอย่างไร

ส่วนตัวตาลเป็นคนที่สบายๆ กับเรื่องความรักมากๆ คนที่จะเข้ามาคบกับตาลก็ต้องรู้นะ ว่าตาลเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตอย่างไร คือตาลชอบความสบาย มีอะไรก็คุยกันได้ทุกเรื่อง แมนๆคุยกัน ตาลว่ามันสบายใจมากที่สุด เพราะเราไม่ต้องมานั่งใส่หน้ากากใส่กัน มันเมื่อยหน้าพูดเลย

ถามตรงๆ "ไผ่-พาทิศ พิสิฐกุล" ณ วันนี้คือคนที่ใช่ สำหรับเราหรือยัง

สำหรับพี่ไผ่ ณ วันนี้คือเราเองก็ไม่ได้ซีเรียส หรือต้องคาดคั้นนะว่าสรุปแล้ว ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในระดับความสัมพันธ์กันเป็นแบบไหน เราเลือกที่จะใช้ชีวิตของแต่ละคนแบบสบายๆ ไม่คิดมาก ก่อนหน้านี้ตาลเคยให้สัมภาษณ์ว่าสเปกคนที่คบกับตาลจะต้องเป็นคนที่สูง ผิวเข้ม สามารถไม่แต่งหน้าแล้วออกไปเดินกินข้าวด้วยกันข้างนอกได้แบบไม่อายใคร อยากจะบอกว่าทุกอย่างมันคือ พี่ไผ่ เลยอันนี้ยอมรับ (ยิ้มเขิน) ตาลว่ามันเป็นแนวที่เรากำหนดมาแล้วว่าใครที่คุยกับเราแล้วมันใช่ก็คือใช่

การดูแลกันและกันอย่างไรบ้าง

เรื่องดูแลกันตอนนี้คงได้แต่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์ หรือหากว่าว่างจริงๆ ค่อยนัดทานข้าวตามปกติ เหตุผลหลักที่ไม่ได้เจอกัน คือทั้งคู่งานยุ่งเวลาว่างไม่ตรงกัน เพราะตอนนี้พี่เขาก็มีทำธุรกิจกับเพื่อนๆ บ้าง ส่วนเราก็ทำงานถ่ายละครไป แต่สิ่งที่สำคัญสุดๆ คือ การที่เราไว้ใจเขา และเขาก็ต้องให้ใจกับเรา มันถึงจะไปด้วยกันได้ต่อไป อนาคตหลังจากนี้ตาลไม่รู้หรอก ว่ามันจะเป็นยังไงตาลขอแค่วันนี้เราอยู่บนโลกอย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนใครก็พอแล้ว

ในมุมความเหงาของสาวตาโตคนนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน และ พลังจริงๆ


เธอคนนี้ชื่อ : "น้ำตาล"พิจักขณา วงศารัตนศิลป์
เกิด : 30 สิงหาคม พ.ศ. 2534
การศึกษา : กำลังศึกษา สาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ผลงานที่ผ่านมา : มัจจุราชสีน้ำผึ้ง, เรือนริษยา