Inside Dara
หมิว ลลิตา นางเอกที่ใครๆ ก็รัก

ย้อนไปในสมัยที่ทีวียังเป็นสื่อครองใจคนทั้งประเทศ และละครคือที่สุดของรายการเรียกเรตติ้ง เมื่อลองลิสต์รายชื่อละครที่ชอบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่าหลายเรื่องมีชื่อ หมิว ลลิตา ปัญโญภาส ติิิดโผนักแสดงคุณภาพที่คนดูชื่นชอบ

หมิว ลลิตา ในจอเป็นนักล่า นอกจอเป็น… นักแสดงและแม่ที่น่ารักมาก

เมื่อต้องแจ้งทีมงานว่า แขกที่จะสัมภาษณ์คือ หมิว ลลิตา เราได้ยินคำว่า “น่ารัก” เข้าหูตั้งแต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ละคร ช่างภาพ สไตลลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผม จนถึงเจ้าของสตูดิโอ ทุกอย่างยินดีและอยากที่จะร่วมงานกับผู้หญิงคนนี้

ยังจำภาพการทำงานในสมัยช่วงแรกๆ ได้มั้ยค่ะ

จำได้ว่าคนหนึ่งทำหลายหน้าที่ และไม่ได้ใช้คนจำนวนมากเท่าตอนนี้ เหมือนคนคนหนึ่ง ต้องทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็ดีทำให้งานละเอียดมากขึ้น เมื่อก่อนถ่ายรูปด้วยฟิล์ม ก็จะถ่ายเผื่อเยอะมาก ช่างภาพกดๆๆ เพราะไม่รู้ว่าภาพที่ออกมาใช้ได้แค่ไหน เปลืองฟิล์มมาก แล้วก่อนถ่ายก็จะมีการเทสต์โพลารอยด์ ซึ่งก็สนุกดี

หมิวชอบการถ่ายแบบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเปลี่ยนยุคสมัยไปอย่างไร ยิ่งตอนนี้ถ่ายด้วยกล้องดิจิตัล ยิ่งสบายขึ้นเยอะ ทำงานเสร็จไว เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ทำงานในสตูดิโอมากนัก ส่วนใหญ่จะถ่ายตามโลเคชั่นสวยๆ ไม่ว่ากรุงเทพฯ ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ก็ได้ไปกับแพรวสุดสัปดาห์ รวมถึงแพรวใหญ่และนิตยสารอื่นๆ บ่อย ไปต่างประเทศแทบจะเดือนเว้นเดือนเลย

จำได้ว่าครั้งหนึ่งไปถ่ายแบบต่างประเทศพร้อมกับถ่ายละครเรื่อง ยามเมื่อลมพัดหวน ไปยุโรป 3 ประเทศ เหมือนถ่ายกับเจ (เจตริน วรรธนสิน) ด้วย มีพี่ณัฐ (ณัฐ ประกอบสันติสุข) เป็นช่างภาพ ถ่ายกลางหิมะ หนาวก็หนาว ถ่ายไปสักพักพี่ณัฐถามว่า “หนาวใช่ไหม มา ถ้าอย่างนั้นพี่จะถอดด้วย” แล้วทีมงานทุกคนก็ถอดเสื้อกันหนาวออก เหมือนว่าหนาวไปด้วยกันฉุกละหุกทั้งเรื่องเวลาและสถานที่ เพราะต้องทำทั้งถ่ายละครและต้องถ่ายแบบ แต่พอมองย้อนกลับไปก็สนุกดี

สมัยนี้ก็มีการทำรีทัชช่วย เทียบในเรื่องของการเตรียมตัวก่อนถ่ายแบบคงต่างกัน

ก็นี่ไงคะ ก่อนมาถ่ายวันนี้ยังปล่อยตัว พอปิดกล้องละครเรื่องล่า แล้วก็ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตเละเทะมาก (หัวเราะ) ปัจจุบันมีฝ่ายที่ช่วยแก้ไขจุดบกพร่องโดยเฉพาะ ก็ยิ่งสบาย สปอยด์เรามาก ทำให้เสียนิสัย คิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาก็ไปทำรีทัชให้ เทียบกับสมัยก่อนต้องเปะจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรูปที่ถ่ายไปบ้าง เลยต้องถ่ายเผื่อ ยิ่งไปถ่ายต่างประเทศนี่ถ่ายเผื่อเยอะมาก แต่สมัยสาวๆ ก็ยังไม่ต้องดูแลตัวเองขนาดนั้น อีกอย่างหมิวเล่นกีฬาอยู่แล้ว สมัยนั้นยิมยังไม่เป็นที่นิยม ชอบเล่นเทนนิส ขี่ม้า ว่ายน้ำ เล่นอะไรที่เป็นกีฬาจริงๆ เวลาถ่ายหนังถ่ายละครก็ได้นำไปใช้ ก็ได้ออกกำลังกายไปในตัว ไม่ต้องมีเวลาเพื่อไปออกกำลังกายโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้หมิวก็ยังไม่เข้ายิม แค่โยคะเบาๆ และเดิน

การกลับมาเล่นละครเรื่องล่า เป็นการกลับมาในรอบ…

สองปีค่ะ ตั้งแต่มีครอบครัว หมิวก็ไม่ค่อยรับงานเท่าไหร่ แต่จริงๆ เมื่อก่อนก็ไม่ได้รับเยอะ แค่ปีละเรื่อง

นักแสดงบางคนไม่กล้าดูผลงานเก่าๆ ของตัวเองเพราะรู้สึกกับการแสดงที่ยังทำได้ไม่ดีนัก

หมิวเคยย้อนกลับไปดูบ้าง บางทีก็ขำ ลูกชอบเอามาเปิดให้ดู อย่างตอนไปออกรายการหรือขึ้นคอนเสิร์ต เขาก็เอามาแซว “ดูซิ ใคร” ต้อน (แพลงตอน ลูกคนคนโต) ชอบฟังเพลง หมิวเองก็ชอบฟังเพลงและฟังได้ทุกแนว เวลาอยู่ในห้องเขาก็จะเปิดเพลงในยุคของเขา พอได้ฟังเราก็ “เพลงเพราะจังเลยลูก” สนุกไปกับเขา (ทำหน้าเคลิ้ม) แม่ลูกมีความสุข สักพักเขาก็ขุดงานเก่าๆ ของเราขึ้นมา ชอบแกล้ง มองย้อนกลับไป 20-30 ปี รู้สึกว่าบางอย่างมันก็ตลก แต่มันก็คืองานของเรา บางทีก็นั่งดูจนจบ

เรื่อง ล่า คนชมว่าพี่นกแสดงไว้ดีมาก มารับไม้ต่อกดดันมั้ยค่ะ

กดดันค่ะ ที่ผ่านมาหมิวมักจะได้เล่นละครที่เป็นเวอร์ชั่นแรก แต่เรื่อง ล่า ต้องมาเล่นต่อจากพี่นกซึ่งเล่นได้ประสบความสำเร็จมากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทุกคนพูดถึง ล่า ฉบับพี่นกมากๆ ก็กลัวเหมือนกันว่าจะทำได้ไม่ดี แต่พอได้คุยกับพี่ๆ ที่เป็นฝ่ายโปรดัคชั่นเขาบอกว่าเนื้อหามันค่อนข้างเป็นยุคสมัยนี้ ไม่ต้องไปแข่งหรืออิงกับของเก่ามาก ให้ดูของเก่าเพื่อเป็นครูไป ล่า เวอร์ชั่นนี้ก็เป็นล่า ฉบับปี 2560

ต้องเตรียมตัวเตรียมใจก่อนถ่ายอย่างไรบ้าง

ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง และเตรียมใจให้พร้อมที่จะถูกกดดันทุกรูปแบบ ในเรื่องมธุสรถูกกดดัน และโดนกระทำเยอะมาก เราในฐานะนักแสดง ยังรู้สึกเลยว่าทำไมชีวิตถึงมีแต่เรื่อง น่าสงสารจังเลย แต่ตอนเล่นก็เล่นตามบทที่เขียนมา บทละครถือว่าสนุกทีเดียว เขียนได้แบบว่า “โอ้โห…” ยิ่งตอนล่าฆาตรกรแต่ละครเนี่ย คิดว่าตัวมธุสรต้องมีความกดดันมากๆ ถึงทำได้ขนาดนั้นได้ ได้เวิร์คช็อปครั้งเดียวตอนเล่นกับน้องเซียงเซียง ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เคมีเข้ากันได้ดีมาก

การปลอมตัวเพื่อเป็นผู้ล่า มีคาร์แร็คเตอร์ที่ต่างกันไป มีความยากง่ายอย่างไรบ้าง

หมิวทำการบ้านด้วยการดูหนังเพื่อเป็นไกด์ไลน์ เมื่อก่อนเป็นคนไม่ดูหนังแอ็คชั่นเลย ไม่ค่อยชอบ รู้สึกว่ามีแต่ความเจ็บปวด ต่อยกันเลือดกระฉูดอะไรขนาดนั้น แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ต้องแอ็คชั่นเยอะ เลยไปหาดูหนังแอ็คชั่นที่ผู้หญิงเล่นว่าเขาแอ็คกันแบบไหน ทำอย่างไรให้แข็งแรงและสมจริงที่สุด

ได้ยินว่าพี่หมิวแอบหลอนกับการทำเอ็ฟเฟ็คใบหน้าเหมือนกัน

ใช่ ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรที่ติดตรึงกับใบหน้าของเราได้นานขนาดนั้น ดีที่เขามีวันฟิตติ้ง เลยได้ลองหน้าต่างๆ ถามตัวเองว่าเราจะอยู่กับมันทั้งวัน โดยที่ต้องแอ็คชั่นไปด้วยได้ไหม ตอนเขาลงเอ็ฟเฟ็คเต็มๆ นี่น่ากลัวมาก… มันตึงไปหมด แล้วเป็นกาวที่ต้องใช้น้ำมันเฉพาะด้านถึงเอาออกได้ มันติดกับหน้าแบบนั้นตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่งครั้งละ 3 ชั่วโมง บางเอ็ฟเฟ็คก็บอกเขาว่า ขอแบบไม่ต้องจัดเต็มได้ไหม

ในเรื่องของการแสดงอย่างบทคนแก่ ก็แก่ประมาณคนอายุ 80 ก็ศึกษาคนแก่เพื่อเป็นแนวทางประมาณหนึ่ง เจอใครก็จะจำท่าทางเขาไว้ ขณะที่สาวบาร์หรือเสเภณีในเรื่อง ก็มีฉากที่ต้องโพลแดนซ์ด้วย ต้องเต้นกับเสา ซึ่งต้องใช้พละกำลังเยอะมาก บอกกับกองถ่ายว่าสงสัยจะไม่ไหว ใช้สแตนด์อินหรือตัดต่อช่วยหน่อยได้ไหม แต่เหมือนว่าทุกคนยังไม่ให้ผ่านตรงนี้ไป อยากให้ลองไปซ้อม หลังจากวันแรกที่ไปมาวันต่อมาแทบยกตัวไม่ขึ้น มันเจ็บปวด ต้องใช้แรงเยอะมาก ซ้อมประมาณ 4 ครั้ง ก็ได้ท่าทาง เห็นตัวเองในกระจกก็รู้สึกว่าสวยงามดี และมันก็ทำให้เราเป็นตัวละครนั้นได้มากขึ้น สามารถเดินเหิน จับเสา และเต้นได้นิดหน่อย แต่ก็มีท่าที่ยากและทำไม่ได้ ก็ต้องใช้สแตนด์อินช่วย

เรื่องความเซ็กซี่ ทราบว่าจริงๆ แล้วค่อนข้างระวัง

ตอนเรียนโพลแดนซ์เขาสอนทุกอย่าง ทั้งมูฟท์เม้นท์ การเงยหน้า การวางตัว จริงๆ เรื่องความเซ็กซี่นี่ เรามีวิชานี้อยู่แล้วเพราะต้องใช้ถ่ายแบบ เป็นนางแบบมาตั้งแต่เด็ก พอบอกให้เซ็กซี่ ให้โพสต์ มันมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็นำทักษะตรงนั้นมาใช้ในการทำงานตรงนี้ ก็บวกๆ กันไป

ตอนแต่งเป็นผู้ชายก็หฤโหด ต้องทำเอ็ฟเฟ็คเยอะมาก เพื่อให้ดูเป็นผู้ชาย มีซิกแพ็ค ขนหน้าอก ในเรื่องเราแต่งเพื่อไปแกล้งลูกมาเฟีย มันยากตรงที่…อย่างตอนแต่งเป็นคนแก่หรือโสเภณี มันก็ยังเป็นเพศเดียวกัน แต่นี่ต้องเป็นผู้ชายซึ่งเราไม่รู้ว่าทำอย่างไงถึงจะเหมือน ก็พยายามทำให้ใกล้เคียงมากที่สุด แต่พอแต่งเอ็ฟเฟ็คท์แล้วมันก็ช่วยได้มากทีเดียว ถ้าเขาไม่จัดเต็มเรื่องการทำเอ็ฟเฟ็คขนาดนี้ คงต้องใช้ความสามารถในการแสดงมากๆ