หากพูดถึงหนุ่มสูงยาวเข่าดี มีดีกรีเป็นพิธีกรฝีปากกล้า จากรายการ "โอไอซี" ควบตำแหน่งดีเจหนุ่มสุดหล่อ จนกลายเป็นขวัญใจ เก้ง กวาง เพราะรูปร่างสุดแซบ ของ "พุฒ" พุฒิชัย เกษตรสิน เวลาผ่านไป หนุ่มคนนี้ขึ้นแท่นพระเอกเต็มตัว กับละครเรื่องแรก "เล่ห์นางฟ้า" รับบท "ธีภพ" ประกบ "วิว" วรณณรท สนธิไชย รับบท "บิวตี้" การพิสูจน์ครั้งใหม่ในฐานะนักแสดง ที่เขาพกความมุ่งมั่นมาเต็มเปี่ยม วันนี้ "บันเทิง คมชัดลึก" จะเปิดเผยตัวตนและทัศนคติส่วนหนึ่งในชีวิต ของผู้ชายมากความสามารถคนนี้
พระเอก (หุ่น) แซบคนชอบบอกว่าละครงบน้อยหรือเปล่า พระเอกถึงไม่ชอบใส่เสื้อผ้า คือในเรื่องผมถอดเสื้อบ่อยมาก ช่วงแรกที่ออนแอร์ จะมีคนมาถามว่า จะมีถอดอีกไหม คนอยากเห็นอกใหญ่ๆ ของเราบ้าง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าน่ากิน หรือเข้ามาบอกว่าอยากเป็นนกบิวตี้ บางคนก็บอกว่าไม่ชอบตอนคุณธีภพเครียดเลยมันดูดุ เพราะบุคลิกในละครจะขัดกับตัวจริง ที่ผมเป็นคนสนุกสนาน
พุฒเริ่มชอบการแสดงหรือยังชอบนะ เพราะพอได้เล่น และได้อยู่กับตัวละคร ผมเริ่มรู้สึกสนุก กับการเป็นตัวละคร สนุกกับการแสดงที่ไม่เหมือนกันในแต่ละซีน ผมมองว่ามันเป็นอะไรที่ยาก และท้าทายดี เพราะตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ ถ้าเราอินเราจะรู้สึกว่า เล่นแล้วอยากไปต่อ
คิดว่าอะไรในบทธีภพ คือสิ่งที่ยากมากที่สุดสิ่งที่ยากคือความนิ่ง บทธีภพจะมีสองส่วน คือส่วนที่นิ่งขรึม กับตอนที่อยู่กับนก จะกลายเป็นคนสบายๆ ในขณะที่เวลาเล่นกับนางเอก ที่เป็นคนจะต้องนิ่งๆ ถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยาก เพราะส่วนตัว ผมเป็นคนไม่ชอบดราม่า แต่ผมคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือสามาธิ ถ้าสมาธิดีทุกอย่างจะง่ายขึ้น
จิ้นทะลุจอมีคนอยากให้เรากลับมาเล่นละครด้วยกันอีกสักเรื่องหนึ่ง อยากให้อัพไอจี (อินสตาแกรม) คู่กันบ่อยๆ บางทีไปนั่งอ่านคอมเม้นต์แล้วตลกดี ด้วยความที่เราสนิทกันด้วย เวลาเล่นด้วยจะรู้สึกเหมือนเคมีตรงกัน ไม่ต้องเกร็ง คือโชคดีตรงที่ก่อนเปิดกล้อง เรามีการเวิร์กช็อปด้วยกันก่อน
โอกาสพัฒนาในอนาคตต้องดูไปเรื่อยๆ ตอนนี้คนดูก็จิ้นกันไป เพราะเขาเป็นคนที่เราสนิทที่สุด แล้วในการถ่ายละครเรื่อง เล่ห์นางฟ้า บางทีมีแซวเล่นกัน แต่ก็ยังเป็นแค่คู่จิ้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตไป
ละครเรื่องใหม่ตอนนี้ถ่ายไปเกือบครึ่งแล้ว เรื่องนี้จะเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ นักแสดงส่วนใหญ่วัยใกล้ๆ กัน บรรยากาศในกองสนุกสนานเฮฮา อย่างผมกับแกงส้ม (ธนทัต ชัยอรรถ) เราสนิทกันอยู่แล้ว ส่วนกับพี่จุ๋ย (วรัทยา นิลคูหา) ตอนแรกผมแอบเกร็งๆ อยู่เหมือนกัน เพราะว่าเขาเป็นนางเอกอันดับต้นๆ ของประเทศอยู่แล้ว แต่พอได้เริ่มทำงานด้วยกัน มีการแซวเล่น หรือตั้งฉายาให้กันในกอง เลยกลายเป็นทำลายกำแพงทุกอย่าง สนิทกันมากขึ้น
ถือว่าพุฒมีละครต่อเนื่องคิดว่าเป็นความโชคดีของผมด้วย ตอนแรกแอบเครียดเหมือนกัน ว่ากระแสตอบรับเรื่องแรกจะเป็นยังไง เพราะถ้ากระแสตอบรับดี จะกลายเป็นกำลังใจที่ดี ให้เราในการทำงานต่อไป แต่ถ้าไม่ดีเราค่อยเก็บทุกอย่างมาปรับปรุงแก้ไข และต่อสู้เพื่อทำให้มันดีให้ได้
รู้สึกยังไงบ้าง ที่คนเรียกพุฒว่า "พระเอก"เอาจริงๆ ก็ตลกเหมือนกัน ผมไม่เคยคิดเลย ว่าเราจะได้เป็นพระเอก เพราะเรายังเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไปกินข้าว เดินช็อปปิ้งได้ตามปกติ สุดท้ายไม่ว่าเราจะทำงานด้วยบทบาทอะไร เราก็ยังเป็นเราเหมือนเดิม
เส้นทางบันเทิงถ้าชอบมากที่สุด คือการเป็นดีเจ เพราะเป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝันว่า เราอยากเป็นดีเจ อยากเปิดเพลง อยากอยู่หลังไมค์ แล้วพูดในสิ่งที่เราเลือกมา อยากจะพูดให้คนฟังได้ฟัง แล้วสิ่งที่ต่อยอดต่อมาคือ ได้เล่นเอ็มวี มีงานพิธีกร หรือแม้แต่เล่นละคร ทุกอย่างที่เข้ามากลายเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผม แต่ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบมากที่สุด ทุกวันนี้ผมยังตอบตัวเองเหมือนเดิมว่า ผมชอบการเป็นดีเจ
งานดีเจยังทำเป็นหลักยังจัดรายการอยู่ ทุกวันนี้ผมจะจัดรายการวิทยุก่อน แล้วค่อยไปถ่ายละคร ส่วนรายการทีวีเหลืออาทิตย์ละวัน คือ "OIC" ผมอยากไปลงรายการอื่นเพิ่มเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา ตอนนี้ผมอยากเต็มที่กับงานละคร แต่งานดีเจเราก็ไม่อยากทิ้ง เพราะเราโตมากับมัน ดีเจคืออาชีพและไลฟ์สไตล์ของเรา คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นที่รู้จัก และเป็นบันไดขั้นแรกที่ทำให้เราเดินมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อก่อนพุฒค่อนข้างขี้อาย แล้วทำยังไงถึงทะลายกำแพงตรงนั้นได้ใช่ เมื่อก่อนผมเป็นคนขี้อายมาก เรียนก็ไม่เก่ง พรีเซนต์งานหน้าห้องก็ไม่กล้าพูด สั่นมาก พอจบมัธยมปลายเราเอนทรานซ์ไม่ติด ตั้งใจจะเข้า ม.กรุงเทพ แต่ค่าเทอมก็แพง ผมเลยไปเรียน ม.ราชภัฏสวนดุสิต ผมเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ ซึ่งผมมาจากเด็กต่างจังหวัด เพื่อนที่มหาวิทยาลัยมาจากต่างโรงเรียนกันหมด ผมเลยลองคิดใหม่จากเด็กที่ขี้อายคนนั้น ต้องเป็นคนกล้าแสดงออก
ตรงนั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญหลังจากนั้น อาจารย์เลือกเราให้ไปเป็นเดือนของมหาวิทยาลัย และสิ่งเหล่านี้ ต้องใช้ความกล้าในการพูดหรือนำเสนอ เหมือนจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เราต้องสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ทำให้เราเป็นคนกล้าพูดขึ้นมา ตอนนั้นผมคิดว่าหน้าตาเราก็ไม่ดี แต่อยากฝึกฝนตัวเอง เลยอยากเป็นดีเจ ฝึกพูดจัดรายการ เริ่มอ่านข่าวหนังสือพิมพ์แล้วจับประเด็น ตอนแรกเริ่ม ผมพูดตามสูตรดีเจเป๊ะเลย แต่พอทำงานไปเรื่อยๆ เราพัฒนาขึ้น เพราะประสบการณ์สำคัญที่สุดในการทำงาน
ในวงการบันเทิงการแข่งขันสูง พุฒมีวิธีคิดอย่างไรการอยู่ในวงการบันเทิงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมคิดว่าผลงานและความตั้งใจจริงของเราสำคัญที่สุด อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง ต่อให้การแข่งขันมันสูงเท่าไหร่ เราไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับใคร เพราะยิ่งเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราจะยิ่งกดดัน อยากให้เก็บข้อดีของคนเก่ง เอามาเป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาตัวเองดีกว่า เรื่องเหนื่อยหรือท้อ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำงานในวงการก็ท้อได้ แต่สิ่งสำคัญคือให้ถามตัวเองว่า เรารักในอาชีพของเราหรือเปล่า ถ้าเรารัก ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา ผมเชื่อว่าเราจะผ่านไปได้
ย้อนวันวานเมื่อก่อนครอบครัวผมทำสวน อยู่จ.ราชบุรี ปลูกผลไม้ องุ่น มะม่วง ชมพู่ ประมาณนี้ ครอบครัวมีอาชีพเกษตรกรมาก่อน แต่สวนตอนนี้ขายไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะว่าลูกๆ มาเรียนกรุงเทพฯ หมดแล้ว สวนที่บ้านก็ไม่มีใครทำ เพราะพ่อแม่ผมทำไม่ไหวแล้ว ที่เหลือก็มีปลูกผักไว้แก้เหงา เพื่อขายหรือแจกบ้าง กินเองบ้าง ครอบครัวผมมีพี่ชาย 3 คน และก็น้องชายอีก 2 คน ผมเป็นลูกคนที่ 4 พี่น้องเป็นผู้ชายหมดเลยรวม 6 คน ตอนนี้เรียกว่าผมก็รับผิดชอบครอบครัว ส่งเสียน้องชายคนเล็กเรียนอีกคนเดียว ตอนนี้เขาเรียนอยู่ ปี 2 ก็รับผิดชอบค่าเทอมกับ ค่ากิน ค่าอยู่
ความรักกับคนบนฟ้าเรียกว่าเราเจอกันน้อยลงมากๆ เพราะว่าเขาอยู่ต่างประเทศตลอด เขาทำงานอยู่สายการบินกาตาร์แอร์ไลน์ ส่วนเราทำงานเยอะ เวลาเจอกันน้อยลง ถามว่าเขาบินตลอดมั้ย เขาไม่เชิงว่าบินทุกเดือน แต่หลักๆ เขาจะอยู่ต่างประเทศมากกว่า พอกลับมาเมืองไทยจะเป็นช่วงที่เราไม่ว่าง แต่ก็ยังคุยกันอยู่
ไปรู้จักเขาได้อย่างไรเรารู้จักกันตอนเริ่มต้นทำงานเป็นดีเจ คือตอนนั้นผมไปเรียนโรงเรียนสอนดีเจ ซึ่งเขาก็ไปเหมือนกัน เราเลยมีโอกาสได้เจอกัน และเริ่มคุยกันมาตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเหมือนเขาก็ชอบงานสายพิธีกร และดีเจเหมือนกัน เลยคุยกันมาเรื่อยๆ
เวลาไม่ตรงกันแบบนี้ มีปัญหากันบ้างไหมเหมือนเราคบกันมานาน ตอนนี้ก็ 4 ปีแล้ว บางเรื่องเราเข้าใจกันไปเลยมากกว่า เรารู้ว่าตอนนี้ต่างคนต่างต้องทำงาน แต่ถ้าเป็นตอนคบกันใหม่ๆ แล้วผมทำงานเยอะขนาดนี้ เขาคงไม่อยู่กับผมแล้วแหละ เพราะว่าเราไม่มีเวลาว่างเลยจริงๆ
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมตอนนี้เหมือนเราต่างคนต่างโตขึ้นมากกว่า เข้าใจกันมากขึ้น ความรู้สึกเหมือนเพื่อนกัน เราก็สบายใจ และเขาเข้าใจที่เราทำงานตรงนี้
เรื่องข่าวกับสาวๆ เขาโอเคไหมมีทั้งโอเคและไม่โอเค (หัวเราะ) ตามสไตล์ คงมีหึงบ้าง คิดอะไรบ้าง แต่ถามว่าทุกวันนี้มีความสุขไหม ก็มีความสุข เพราะผมอยู่กับเขาแล้วสบายใจ เวลาที่เราอยู่ด้วยแล้วไม่ต้องมีฟอร์ม ไม่ต้องเก๊ก เราสามารถเป็นตัวเองได้ทันทีจะรู้สึกสบายๆ เพราะความจริงผมเป็นคนค่อนข้างชอบอยู่กับตัวเองบ้าง เวลามีแฟน คือไม่ต้องตัวติดกันตลอดเวลา ถ้าเป็นอย่างนั้นมันคงไม่ใช่
ความสัมพันธ์ยังโอเคอยู่ใช่มั้ยตอนนี้ผมยังยืนยัน ว่าเป็นเหมือนเดิมอยู่ มันอาจจะต้องมีช่วงเวลาที่เราตัดสินใจอะไรบางอย่าง แล้วมีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ก็คงคุยกับเขาให้เข้าใจว่า เป็นเพราะอะไร เพราะเวลาหรือความห่างไกล แต่ ณ ตอนนี้คือโอเค
ขี้เล่น มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ คือเสน่ห์ของผู้ชายชื่อ "พุฒ"
© 2011 - 2024 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012