Inside Dara
“ก้อง” ผู้ชายอบอุ่น ที่มีดนตรีในหัวใจ

เป็นหนุ่มในฝันที่ผู้หญิงหลายคนคลั่งไคล้ ทุกครั้งที่ เขาปรากฏตัวที่ใดไม่ว่าจะร้องเพลงหรือเล่นละคร สาว ๆ ต่างร้องกรี๊ดให้กับความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากผู้ชายคนนี้ ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา หนุ่มที่รักเสียงดนตรี มองความรักเป็นแรงขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่าง เลยไม่รอช้าที่จะเข้าไปขอเคล็ดลับที่ทำให้เขาสามารถครองใจสาว ๆ ได้จนถึงทุกวันนี้ รับรองคุณจะหลงรักผู้ชายคนนี้มากขึ้นแน่นอน

ถึงแม้ละคร “อย่าลืมฉัน” จะจบไปแล้ว แต่ “คุณเอื้อ” ยังเป็นชายในฝันของสาว ๆ?

“ก็ดีใจที่ได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ เป็นอย่างดี รู้สึกคุ้มค่า เพราะเราถ่ายทำกันมาหนักพอสมควร พอละครออกมาคนดูชอบ ก็หายเหนื่อย ยินดีที่แฟน ๆ มอบความรู้สึกดี ๆ มาให้ ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามชมและมีฟีดแบ็กดี ๆ กลับมาให้ครับ ความจริงไม่มีละครเรื่องไหนที่ ผมเล่นเป็นตัวเอง ผมก็เล่นไปตามบทบาทที่คนเขียนบทและผู้กำกับบอกมาเท่านั้น อาจจะมีบ้างบางเรื่องที่ผมเล่นเป็นนักดนตรีก็อาจจะมีส่วนคล้ายตัวตนของผมบ้าง ส่วนบทบาทคุณเอื้อเขาเป็นถึงมหาเศรษฐีทายาทนายธนาคารใหญ่ แต่ตัวจริงผมเป็นนักร้องนักดนตรี แต่อาจจะ มีมุมสวีทเหมือนกับคุณเอื้อบ้างนิดหน่อย อีกอย่างคงจะเป็นเพราะผมจะเป็นคนนิ่ง ๆ พูดน้อยด้วยครับ”

ช่วงนี้ฮอตจนมีงานอีเวนต์และพรีเซ็นเตอร์รุมเพียบ?

“จริง ๆ น่าจะเริ่มมาตั้งแต่การเป็นพิธีกรรายการ “เดอะ วอยซ์” จนมาถึงได้เล่นละคร “อย่าลืมฉัน” ก็มีโชว์ตัวตามอีเวนต์บ้าง เล่นคอนเสิร์ตบ้าง ส่วนงานละครก็มีติดต่อเข้ามาเยอะเหมือนกัน แต่คงจะต้องรอต้นปีหน้าถึงจะรับได้ เพราะว่าหลังจากนี้คงจะต้องทุ่มเทเวลาให้กับการเป็นโค้ชให้กับผู้เข้าแข่งขันเดอะวอยซ์ก่อน”

จริงหรือเปล่าที่ชีวิตนี้ขาดเสียงดนตรีไม่ได้?

“คือเราก็มีงานเล่นดนตรีตลอด ตอนนี้เพลงของนูโวกลายเป็นเพลงอมตะไปแล้ว กลายเป็นเพลงที่ทุกคนอยากฟัง อยากร้องให้ได้ ส่วนใหญ่ลูกค้าเขาก็จะจ้างให้ร้องแบบเต็มวง “นูโว” บ้าง หรือบางทีก็เป็น “โจ-ก้อง” บ้าง เพราะฉะนั้นชีวิตเราก็จะอยู่กับการเล่นดนตรีและการร้องเพลงตลอดเวลา คงจะร้องไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะร้องไม่ไหว เพราะอย่างฮีโร่ของผม ทั้งหลายก็ยังออนทัวร์คอนเสิร์ตกันอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็น อีริค แคลปตัน วงโรลลิ่งสโตนส์ หรือ ฟิล คอลลินส์ พวกเขาก็อายุขึ้นเลข 6 กันหมดแล้ว แต่ก็ยังเห็นเขาออนทัวร์ตลอด รวมทั้งเวิลด์ทัวร์ด้วย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าอายุขนาดนั้นเขาก็ยังเล่นไหวกันอยู่ผมก็คงเนียน ๆ เล่นไปจนกว่าจะหมดไฟดีกว่า”

งานเพลงกับงานละครชอบแบบไหน?

“ถ้าเป็นตัวตนของผมก็คงต้องเป็นงานเพลง ผมเกิดมาจากการเป็นนักดนตรี เราเล่นดนตรีในนามของวงนูโวมาก่อน แล้วค่อยมีงานละครตามมา สำหรับผมงานละครเป็นอะไรที่เราต้องเล่นตามบทบาทของตัวละครในแต่ละเรื่องต่างจากงานเพลง ที่เราสามารถนำเสนอออกมาในรูปแบบที่เป็นตัวเราได้มากที่สุด งานแสดงก็คงต้องเลือกบทที่มันไม่ยากเกินไปสำหรับเรา คงไม่เล่นบทที่มันหนีจากตัวเองมากเกินไป อย่างบททนายความคงยากเกินไปสำหรับเรา เพราะเราจะไม่รู้ภาษากฎหมาย หรือวิธีการพูด รวมทั้งการแปลศัพท์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย จริง ๆ เราก็เล่นมาหลายบทบาทแล้วเหมือนกัน แต่บทร้ายผมก็ยังไม่เคยเล่น และยังไม่เคยมีใครจ้างให้เล่นร้ายเลย ผมเองก็อยากเล่นบทที่ดราม่าแบบ เรียลริสติก อย่างภาพยนตร์เรื่อง “ลัดดาแลนด์” ก็เป็นอะไรที่อยากลองเล่นดู”

ยึดคติอะไรที่ทำให้อยู่ในวงการได้นาน?

“การที่เราจะอยู่ในวงการได้นาน ผมว่าสิ่งสำคัญ คือ เรื่องของความรับผิดชอบและความมีระเบียบวินัย ต่อมาคือ การให้เกียรติผู้ร่วมงานทุกคน เพราะในวงการบันเทิงเราไม่ได้ทำงานคนเดียว งานของเราจำเป็นต้องประกอบด้วยผู้ร่วมงานหลายคนเพื่อให้งานสำเร็จ เช่น การถ่ายละครเรื่องหนึ่ง ก็ต้องประกอบด้วย ดารานักแสดง ผู้จัด ผกก.ทีมงาน ฝ่ายเสื้อผ้า หน้าผม ช่างกล้อง ช่างไฟ ฯลฯ มีคนหลายสิบชีวิตที่ต้องทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นผมว่าความรับผิดชอบและความมีวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำงานในวงการบันเทิง ไอดอลในดวงใจผมคือ พี่เต๋อ-เรวัติพุทธินันท์ ครับ ผมว่าพี่เต๋อเป็นคนที่เน้นในเรื่องของการตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ และความมีวินัยในการทำงาน โดยเฉพาะอาชีพอย่างเราที่ต้องทำงานกับคนหมู่มาก”

มาถึงจุดนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จได้หรือยัง?

“ก็โอเคแล้ว ผมรู้สึกประทับใจที่มีคนคอยชื่นชม และติดตามผลงาน ของผมมาโดยตลอด แค่นี้ผมก็ดีใจ ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว งานเบื้องหลังก็คงไม่ใช่งานที่ผมถนัดสักเท่าไหร่ และผมคงไม่ทำอะไรที่เราไม่ถนัด เพราะถ้าฝืนทำไปก็ไม่มีความสุข แต่ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ เราถนัดก็จะเป็นอะไรที่สบายใจกว่า ผมคงเป็นแค่คนเล่นดนตรีดีกว่า”

คำว่า “แฟนคลับ” สำหรับก้องคืออะไร?

“แฟนคลับคือ ผู้ที่ให้กำลังใจเรา เขาเป็นคนที่คอยชื่นชมและติดตามผลงาน สิ่งที่เขาทำทุกอย่างมันเป็นกำลังใจให้กับศิลปินดารา นักร้องได้รู้สึกว่าเขามีแฟนคลับที่คอยเป็นคนสนับสนุนคอยไปดูเวลาเราเล่นคอนเสิร์ต ตามไปให้กำลังใจตลอดไม่ว่าเราจะไปทำงานที่ไหน ผมว่าแฟนคลับคือกำลังใจที่ดีที่สุดของดารานักแสดง รวมถึงนักร้องนักดนตรีด้วย”

มองข้อดีข้อเสียของวงการยังไงบ้าง?

“ผมว่าการทำ งานในวงการนี้ก็มีข้อดี สำหรับผมรู้สึกว่าวง การบันเทิงมันโตขึ้นเรื่อย ๆ ข้อดีจะไปตกอยู่กับผู้เสพสื่อบันเทิงแต่ ละประเภท คนดูคนฟังก็จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้น จากการที่มีศิลปินดาราสวย ๆ หล่อ ๆ รุ่นใหม่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาเรื่อย ๆ หรืออาจจะมีนักดนตรีฝีมือดีเกิดขึ้นเป็นวงใหม่ ๆ ขึ้นมา เวลาจะเลือกชมคอนเสิร์ตก็มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ส่วนข้อเสียผมมองว่า อาจจะไปตกที่นักแสดงเป็นส่วนใหญ่ เพราะปัจจุบันผมเห็น น้อง ๆ นักแสดงบางคนยังอยู่ในวัยเรียน เขายังต้องเรียนหนังสืออยู่แต่ก็ต้องมาทำงานหนักในวงการบันเทิง บางทีมันอาจจะส่งผลกระทบกับการเรียนของเขา หรืออาจจะทำให้เขาต้องทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อยบางคนก็ต้องทั้งทำงานหนักและเรียนอย่างหนักด้วย เพราะเดี๋ยวจะเรียน ไม่ทันเพื่อน ความกดดันจะตกอยู่ที่ตัวนักแสดงมากกว่า อันนี้ก็น่าเป็นห่วงก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี ๆ สำหรับน้อง ๆ ที่ยังต้องเรียนและรับงานในวงการบันเทิงด้วย”

ไม่ค่อยมีข่าวฉาวเลย มีวิธีการวางตัวยังไงบ้าง?

“ก็คิดดีทำดี มันก็จะไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเข้ามาในตัวเราครับ ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ เพียงแต่ว่าต้องระมัดระวังเรื่องการแต่งตัว เพราะผมเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ เวลาอยู่บ้านจะชอบใส่เสื้อยืดเก่า ๆ ยิ่งเก่ามันยิ่งนุ่ม ใส่ขาสั้น รองเท้าแตะ บางทีเสื้อนอน ตื่นมาแล้วยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปซื้อของข้างนอกเลย บางทีคนเห็นก็มาขอถ่ายรูป บางทีเราก็ลืมไปว่าตรงนี้เราต้องดูแลหน่อย เลยทำให้เราฉุกคิดขึ้นมา เวลาจะออกจากบ้านหรือออกไปไหนก็ต้องคิดนิดนึง เวลาจะไปไหนก็ควรแต่งตัวให้มันสุภาพหน่อย ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย”

เป็นหนุ่มรักสุขภาพชอบปั่นจักรยาน?

“ถ้าวันไหนว่าง ๆ ตอนเย็นก็ปั่นจักรยานแถว ๆ บ้าน เพราะมันจะมีที่ให้ปั่นเยอะ ถ้าว่างหลายวันก็ไปต่างจังหวัดกัน แล้วเอาจักรยานไปขี่เล่นด้วย เรียกได้ว่าการปั่นจักรยานเป็นกีฬาสุดโปรดของผมเลยก็ว่าได้ จริง ๆ มันมีก๊วนที่เขาปั่นจักรยานกันอยู่แล้ว ก็เลยเป็นเรื่องสนุกที่เราได้ออกมาปั่นจักรยานชมธรรมชาติกับเพื่อน ๆ จริง ๆ จะมองว่ามันไม่ใช่การออกกำลังกายอย่างจริงจัง มันเหมือนการไปพักผ่อนกับเพื่อนปั่นจักรยานเล่นกันสนุกสนาน ไม่เหมือนกับการที่เราตั้งใจเข้าฟิตเนสไปวิ่งหรือออกกำลังกายอย่างหนัก แบบนั้นมันดูจริงจังเกินไป แต่การไปปั่นจักรยานเหมือนการไปผ่อนคลายกับเพื่อน ๆ แต่ได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย”

ถ้าไม่ทำงานในวงการตอนนี้จะไปทำอะไร?

“คงวาดรูป เพราะก่อนที่ผมจะมาเป็นนักดนตรีออกอัลบั้มกับนูโว ก็มองไว้ว่าเราอาจจะทำงานด้านการวาดภาพ เพราะผมเรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ แต่พอมาทำงานตรงนี้ก็เลยต้องทิ้งการวาดรูปไปโดยปริยาย ถ้าจะให้ทำตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะชีวิตเราก็เบนเข็มมาเป็นนักดนตรีเต็มตัว แล้ว ก็คงทำงานคลุกคลีอยู่กับด้านดนตรีมากกว่า”

มีความลับอะไรเกี่ยวกับก้อง-สหรัถ ที่คนยังไม่เคยรู้?

“ไม่น่าจะมีครับ ผมว่าผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาใช้ชีวิตตามปกติ แต่บางทีถ้าไปเที่ยวกันในช่วงหน้าหนาวอาจจะทิ้งไว้สัก1-2 วัน ค่อยอาบน้ำที เพราะช่วงประมาณเดือน ธ.ค.-ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาว ก็จะไปเที่ยวอุทยานกัน ไปในที่ที่มีธรรมชาติสวย ๆ เวลาอาบน้ำก็ต้องอาบในลำธาร แล้วน้ำก็เย็นมาก ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นก็เก็บไว้อาบรอบเดียวดีกว่าครับ”

เซนซิทีฟกับเรื่องอะไรมั้ย?

“ผมว่าผมเซนซิทิฟกับทุก ๆ เรื่องในชีวิต ผมเป็นคนละเอียดอ่อน รับความรู้สึกของทุก ๆ อย่างรอบตัวได้ บางทีก็คิดมากไป แต่ก็ต้องพยายามจัดระเบียบความคิด ถ้าเริ่มจะคิดมากก็ต้องรีบถอดความรู้สึกนั้นออกไป เพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะเครียด”

หนุ่มรักเสียงดนตรีจะเป็นคนขี้เหงาจริงหรือเปล่า?

“ก็อาจจะมีบ้าง เพราะผมไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวชอบอยู่กับเพื่อน ว่าง ๆ ก็ต้องมีเพื่อนเล่นดนตรีด้วยกัน พยายามจะไม่พาตัวเองให้ไปอยู่ในสถานการณ์เหงาเด็ดขาด ถ้ารู้สึกเหงาก็ต้องรีบหากิจกรรมทำแม้ว่าจะไม่มีเพื่อนก็ได้”

ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องความรักเท่าไหร่ มุมมองความรักเป็นยังไง?

“สำหรับผมความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนจะต้องมี ความรักเป็นแรงผลักดัน เป็นแรงขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เพราะฉะนั้นมนุษย์ทุกคนต้องมีความรักเริ่มตั้งแต่รักตัวเอง รักครอบครัว รักเพื่อน รักแฟน รักคนรอบข้าง รักโลกใบนี้ รวมถึงรักทุกอย่าง ยิ่งมีความรักยิ่งดี ยิ่งมีความสุข ความรักของผม ก็แฮปปี้ดี ตอนนี้เราคบกันมาเกือบ 20 ปีแล้ว ก็ปกติสุขดีทุกอย่าง”

เคยมองภาพว่าตัวเองจะใช้ชีวิตครอบครัว?

“ผมก็ไม่ได้กะเกณฑ์อะไรมาก มองว่าแค่ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด แล้ววันข้างหน้ามันก็จะดีเอง เขาก็เข้าใจนะครับ ที่ผมทำงานตรงนี้ เวลามีปัญหา เขาก็สามารถให้คำปรึกษาและให้กำลังใจเราได้ตลอดเวลา เรื่องเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงาน ผมว่าสำหรับคู่เรามันเลยจุดนั้นมาแล้ว คือทุกวันนี้เราก็อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ และมีความสุขก็พอแล้วครับ”

เป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตธรรมดา แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นจริง ๆ มิน่าล่ะ ถึงได้ครองใจสาวได้ทั้งเมือง