Inside Dara
‘เอมมี่’กับชีวิตที่มีแต่คำว่าเดินหน้า

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมาถึง 10 ปีแล้ว สำหรับสาวสวย เอมมี่-มรกต กิตติสาระ โดยตลอดระยะเวลาบนถนนบันเทิง เธอได้รับมาแล้วทั้งบทนางเอกและนางร้าย และวันนี้เธอก็ถูกท้าทายฝีมือการแสดงอีกครั้งกับบท “ชาลินี” ในละคร “เงา” ซึ่งนับเป็นอีกบทบาทที่หินอยู่ไม่น้อย วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยต้องนัดแนะเธอมาพูดคุยถึงการแสดงครั้งนี้ รวมทั้งความรัก ที่เจ้าตัวแอบกระซิบว่าไม่โสดแล้วด้วย

พูดถึงบทบาท “ชาลินี” ในละครเรื่อง “เงา” หน่อย?

“จริง ๆ เราเคยได้ดู “เงา” เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ซึ่งพี่คลาวเดีย จักรพันธุ์ เล่นไว้ดีมาก รู้สึกเป็นบทที่ท้าทายและหนักใจ เพราะเป็นบทที่เด่นมาก ๆ ก็กดดันนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้ดีรึเปล่า อีกอย่างในการรับเล่นละครแต่ละครั้งของมี่ เรื่องต่อไปฝีมือมันต้องพัฒนามากขึ้น และเราเคยเล่นบทร้ายใน “อาญารัก” ก็เป็นที่พูดถึงมากและได้รางวัลด้วย พอมาเล่นเรื่องนี้เราก็คิดว่าจะเล่นยังไงให้แตกต่างและคนจดจำ ชาลินีเวอร์ชั่นนี้จะแรงกว่าเวอร์ชั่นเก่าเยอะเลย ตัวละครมีหลากหลายอารมณ์มาก เรื่องนี้มี่ทำการบ้านเยอะ วิเคราะห์ฉากต่อฉาก คือคาแรกเตอร์นี้เจอในสังคมเยอะนะคะ เป็นคนแบบหน้าฉากเป็นอย่าง ลับหลังเป็นอีกอย่าง การเล่นเป็นคนสองหน้ามันไม่ง่ายเลย เพราะตัวมี่เองเป็นคนตรง ดังนั้นบทนี้จึงเป็นสิ่งที่หนักค่ะ สำหรับเรื่องนี้มี่ตั้งใจมาก ทำหนังสือเกี่ยวกับตัวละครนี้ไว้เลย เพราะมันเข้ากับสังคมที่เราอยู่มาก ก่อนที่เราจะเป็นตัวชาลินีได้ เราต้องรู้ก่อนว่าเขามีแบ็กกราวด์ยังไง สำหรับบทนี้มี่ไม่ได้คาดหวังนะว่าเราต้องได้รับรางวัล มี่แค่อยากพัฒนา เอาชนะตัวเอง และคนดูอินไปกับเราค่ะ”

เล่นละครรีเมค เตรียมตัวรับคำเปรียบเทียบหรือยัง?

“เปรียบเทียบตลอดเวลา ก็กดดันค่ะ เพราะเวอร์ชั่นที่แล้วสมบูรณ์แบบมาก ๆ แต่เราก็พยายามไม่เอาคำเปรียบเทียบเหล่านั้นมาใส่ใจ ไม่อย่างนั้นเราจะเล่นไม่ได้ มี่ก็เล่นตามความอารมณ์และความเข้าใจของเรา โชคดีมากที่ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสเจอพี่คราวเดียและพี่แซม- ยุรนันท์ ซึ่งเขาให้คำแนะนำว่าให้เราเล่นมาจากอินเนอร์ของตัวเอง อย่าไปกดดัน อีกอย่างยุคสมัยเปลี่ยน บางบทก็ต้องมีการปรับให้เข้ากับสมัยนี้ด้วยค่ะ”

คิดว่านางร้ายกับนางเอก บทบาทไหนแสดงยากกว่ากัน?

“สำหรับเอมมี่ยากทุกบทค่ะ เพราะจะให้เล่นเป็นคนดีเราก็ไม่ได้เรียบร้อย แต่จะเล่นร้าย เราก็ไม่ได้เป็นคนมองอะไรในแง่ร้ายขนาดนั้น มันท้าทายทั้งคู่ แต่ใจจริงเป็นนางเอกมันก็ดีที่ได้รับความสงสารและความเอ็นดูจากคนดู แต่เวลาเราเล่นบทร้ายมี่ว่าเราได้แสดงอะไรมากกว่า และเล่นอะไรที่ในชีวิตจริงเราไม่ได้ทำค่ะ”

ยังมีบทบาทไหนที่อยากแสดงแต่ยังไม่ได้แสดงอีกมั้ย?

“มี่เองก็เล่นมาหลายบทบาทนะ เพราะเราเป็นคนค่อนข้างจะคัดในตัวละครที่ตัวเองจะเล่น ไม่อยากรับบทเดิม ๆ อยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์ตลอดเวลา อันนึงที่ชอบมาก ๆ คือบทคอมเมดี้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะเล่นอีก ส่วนงานภาพยนตร์มี่ก็อยากเล่นนะ เราชื่นชมการทำหนังไทยยุคใหม่ และอยากมีส่วนร่วมในงานนั้น เพราะมันพัฒนาขึ้นมากค่ะ”

ในเรื่องการแสดงมีเสียงชื่นชม ย่อมมีบางคนติติง เวลาที่เจอคำวิจารณ์เหล่านั้น นอยด์รึเปล่า?

“มี่เป็นคนที่รับฟังคำวิจารณ์ค่ะ แต่จะไม่นอยด์ตาม เพราะมันบั่นทอนจิตใจตัวเอง มี่ไม่รู้นะว่าเจตนาที่เขาว่าเราคืออะไร แต่ส่วนมากเราจะเก็บเอาคำวิจารณ์นั้นมาคิดและพัฒนาในเรื่องการแสดงมากกว่า สำหรับคอมเมนต์แย่ ๆ ก็อ่านตลอด เราเชื่อว่าคนที่เขียนเขาเจตนาดี เพื่อให้เราเอาไปปรับปรุงต่อไป คำพูดเหล่านั้นอาจจะทำให้เราเสียใจนิดหน่อย แต่เราไม่ได้เอามาเครียดมากมาย เพราะเวลาที่เล่นละคร มี่ก็ทำดีที่สุด ณ เวลานั้น เวลาที่เราเช็กเทป เราก็มีคิดนะว่าฉากนี้เราน่าจะทำแบบนี้ดีกว่า แต่ในตอนนั้นเราก็ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่ะ”

จากข่าวหรือคำสัมภาษณ์ที่ออกมา หลายคนมักมองว่าเราค่อนข้างเป็นคนแรง?

“มี่ไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าแรงรึเปล่า แต่มี่เป็นคนที่พูดตรงเพราะว่าเราเกิดและโตที่อังกฤษ อยู่ที่นั่นมา 20 ปี กว่าจะย้ายมาอยู่ที่เมืองไทย ก็อาจจะมีการติดความเป็นฝรั่งมาบ้าง และอาจจะเป็นเรื่องของภาษาไทย คำพูดหรือศัพท์บางคำจะเป็นคำตรงตัวที่อยู่ในหัวเราเลยตามภาษาอังกฤษ แต่มี่ว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนที่แรง พูดแง่ลบของใคร ส่วนมากก็พูดเรื่องของตัวเองมากกว่า มี่ยอมเป็นคนตรงมากกว่าเป็นคนที่ไม่ตรงค่ะ ไม่รู้ว่าคนไม่ตรงเรียกว่าอะไรนะ แต่มี่เชื่อว่าคนที่รู้จักมี่จริง ๆ จะรู้ว่าเราเป็นคนประมาณนี้”

เป็นอีกคนที่ชอบโดนโยงเกาเหลา รู้สึกยังไง?

“มันก็เบื่อนะคะ เพราะบางครั้งเราก็อยู่เฉย ๆ ไม่เคยมีเจตนาร้ายกับใครเลย แล้วมี่ก็เติบโตมาใกล้วัด อย่างวันเสาร์อาทิตย์ที่บ้านก็จะพาไปวัดไทยในประเทศอังกฤษ คุณพ่อคุณแม่ก็สอนไม่ให้ใส่ร้ายใคร รู้ผิดรู้ชอบ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากมีเรื่องกับใครเหมือนกัน คือมันเป็นเรื่องเนกกาทีฟ มีความสุขดีกว่า มี่เชื่อว่ามีคนไม่ชอบเรา มันก็ต้องมีคนรักเราค่ะ เวลาที่เรามีข่าวเกาเหลากับใคร แล้วถ้ามี่สามารถทำให้มันดีขึ้นได้ มี่ก็จะทำเท่าที่ทำได้ แต่ถ้าเราทำจนเลยขีดที่เราตั้งไว้ แล้วไม่มีอะไรดีขึ้นก็ต้องปล่อย คือเราก็คิดว่าคน ๆ นั้นเป็นแบบนั้น ก็ช่างเถอะ รกหัวค่ะ”

10 ปีในวงการ เรามองวงการบันเทิงแตกต่างจากวันแรกที่เข้ามายังไง?

“มี่คิดว่าตัวเองดราม่าน้อยลง เมื่อก่อนจะคิดว่านี่คือเบื้องหน้า และนี่เป็นเบื้องหลัง ตอนนี้มี่มีความจริงมากขึ้น เป็นตัวเองได้มากขึ้น ยิ่งโตขึ้นเรายิ่งเข้าใจอะไรมากขึ้น ใจเย็นลง ปล่อยวางได้มาก ถามว่าวงการทำให้เราโตขึ้นด้วยรึเปล่า คือตอนที่มี่ย้ายจากอังกฤษมาที่ประเทศไทย มันก็เป็นเรื่องยาก เพราะว่าเราไม่ได้ย้ายมาทั้งครอบครัว มี่เลยต้องอยู่คนเดียว ทำให้เราก้าวขึ้นมาจากการเป็นเด็กที่งอแงมาก ๆ ทุกวันนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ภูมิใจที่เรามีความคิดขึ้น ทำทุกอย่างได้เอง เป็นที่พึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้ แล้วที่เป็นอย่างทุกวันนี้มันไม่ได้เป็นสิ่งที่มี่ฝันนะ มี่เชื่อว่าทุกคนคงอยากมายืนตรงที่มี่ยืน เลยถือว่าโชคดีที่เราเจอแต่คนดี ๆ ผู้ใหญ่เอ็นดูเรา จริง ๆ คนเหล่านี้ที่ทำให้มี่เป็นมี่ได้ในวันนี้ สำหรับเคล็ดลับที่ทำให้มี่อยู่ในวงการได้นาน 10 ปีแบบนี้ อันดับแรกเราต้องรักในสิ่งที่เราทำก่อน ต้องเอาใจผูกไว้กับมัน อย่างเมื่อก่อนที่ยังไม่ได้รักอาชีพการแสดงเท่านี้ เวลาร้องไห้ยังต้องบีบน้ำตา แต่เดี๋ยวนี้เรารู้สึกว่าเราอินไปกับมันค่ะ”

ถามถึงเรื่องหัวใจบ้าง สรุปวันนี้มีตัวจริงรึยัง?

“มี่ไม่ได้บอกว่าโสดนะคะ แต่มี่เป็นคนที่มองชีวิตคนอื่น อ่านคำสัมภาษณ์ หรือแม้แต่ดูคำวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อและคนอ่าน คือใครจะบอกว่ามี่เป็นคนปากแข็งหรืออะไรก็ตาม แต่จริง ๆ มี่เป็นคนแบบแฟรี่เทลนิดนึง ชอบจินตนาการ อยากให้ผู้ชายที่จะแต่งงานด้วย เขาได้รับความตั้งใจดี ๆ จากตัวมี่ว่าคุณคือผู้ชายที่เราอยากแต่งงานด้วยจริง ๆ เราไม่อยากคบคนนั้นคุยคนนี้ เราอยากให้ความสำคัญกับคนคนนั้น เพื่อให้มันออกมาเพอร์เฟกต์สำหรับเรา อยู่ในจุดที่เราพึงพอใจที่สุดกับผู้ชายคนนี้ ดังนั้นมี่เลยไม่ค่อยชอบพูดเรื่องความรักเท่าไร จนกว่าจะมั่นใจว่าคนนี้เป็นคนที่มี่จะแต่งงานด้วยและพร้อมเปิดตัวจริง ๆ ค่ะ”

คนก็ลุ้นกันว่าเป็นพิชญ์ กาไชย จริง ๆ ความสัมพันธ์กับหนุ่มคนนี้เป็นยังไง?

“ก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนถึงวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ มันพัฒนาในมุมของเพื่อน เพราะทุกวันที่เจอกันมันก็รู้จักกันมากขึ้น แต่มันก็ยังเป็นแค่เพื่อนค่ะ”

เขาไม่สามารถเป็นคนรู้ใจเราได้เลยเหรอ?

“การเป็นเพื่อนมันดีค่ะ มี่พอใจแล้วกับสถานภาพของเราแบบนี้นะ ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ตอนนี้มี่แฮปปี้กับตัวเอง เมื่อก่อนมี่จะชอบเอาตัวเองไปผูกกับคนอื่น และพอเราเอาตัวเองไปผูกกับเขา เราจะใส่ใจและรักตัวเองน้อยลง มี่รู้สึกว่าทุกวันนี้มี่ให้ความสำคัญกับตัวเอง เพื่อน และครอบครัวในแบบที่มันควรจะเป็น ซึ่งมี่ก็ไม่เหงานะคะ เพราะบอกแล้วมี่ไม่ได้บอกว่าตัวเองไม่มีใคร (ยิ้ม) แต่เราอยากให้มันดี มั่นคงและจบสวย ๆ ไม่ได้อยากมีหลายข่าว มี่ไม่ชอบผิดหวังและไม่อยากให้ใครมาสงสาร อยากให้มาแฮปปี้กับเรามากกว่าค่ะ”

แปลว่า ณ ตอนนี้มุมมองความรักเราเปลี่ยนจากเดิม?

“เปลี่ยนค่ะ เราโตขึ้นในทุกวัน เพราะได้เจออะไรใหม่ ๆ พี่ตือ-สมบัษร เคยพูดกับมี่ว่า ไม่ต้องเอาเรื่องเมื่อวานมาพูด เพราะมันจบไปแล้ว เราเพียงแค่เดินหน้า แล้วทำให้วันข้างหน้ามันดีมาก คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของเมื่อวานแล้ว และมันก็คงไม่มีวันจะช่วยทำให้วันพรุ่งนี้ดีขึ้น สิ่งเดียวที่จะทำให้พรุ่งนี้ดีขึ้น คือการทำวันนี้ของตัวเราเองค่ะ”

หนุ่ม ๆ ที่จะชนะใจเราได้ต้องเป็นคนยังไง?

“ต้องเป็นคนจิตใจดี มองโลกในแง่ดี และต้องไม่ตัดสินคนอื่น มี่ไม่ชอบคนที่คอยตัดสินคนอื่นนะ เพราะว่าคุณไม่เคยเดินเส้นทางเดียวกับเขา ไม่มีสิทธิที่จะไปพูดถึงเขาในมุมไม่ดี เขาเคยเจอหรือมีปมอะไร เราไม่รู้หรอกค่ะ”

คาดหวังกับความรักครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน?

“ไม่คาดหวัง คาดหวังก็เจ็บเอง ตั้งสติแล้วใช้วันนี้และพรุ่งนี้ให้มันดีที่สุด เราจะไม่วางว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่จะคิดว่าคนเราไม่เหมือนกัน แล้วการที่คนสองคนมารักกัน มันต้องทำใจแล้วว่าเขาไม่เหมือนเรา จะให้เขาทำทุกอย่างตามที่เราต้องการมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องรักในสิ่งที่เขาเป็น แล้วมี่ก็ปล่อยวางมากขึ้น ไม่อย่างนั้นเราก็จะทุกข์”

เรื่องแต่งงานล่ะ มีคิดบ้างมั้ย?

“เพ้อน้อยลงค่ะ เพราะว่าเอาความเพ้อของเราไปใส่ในงานแต่งของ เอมี่ กลิ่นประทุม หมดแล้ว เราก็รู้สึกโล่งแล้ว เมื่อก่อนมี่ก็เคยมีงานแต่งในฝันนะว่า เพื่อนต้องมาเท่านี้ แต่มันเหนื่อยไปมั้ย ตอนนี้มี่ก็เลยคิดว่าเอาคนที่เขารักเราจริง ๆ แขกแค่คนที่รักเราและเรารัก ซึ่งถ้าตอนนั้นเพื่อนคนไหนทะเลาะกับเราถูกคัดออกนะ (ยิ้ม)”

เชื่อเรื่องพรหมลิขิตบ้างมั้ย?

“เชื่อเรื่องเนื้อคู่มาก จะต้องมีใครสักคนที่อยู่นอกสายตาเราก็ได้ แต่เขาอาจจะใช่ ซึ่งมี่ก็คิดว่าตัวเองน่าจะเจอแล้วนะคะ แต่เขาจะเป็นคนที่เป็นพรหมลิขิตรึเปล่า คือมี่ก็ไม่อยากกดดันตัวเอง มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือคนที่ใช่อาจจะยืนอยู่ที่หน้าช่อง 7 (ยิ้ม) ก็รอพิสูจน์กันต่อไปค่ะ”

สุดท้ายอยากฝากบอกอะไรถึงแฟนที่คอยให้กำลังใจเราเสมอ?

“ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนและให้กำลังใจมี่มาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการมาจนถึงทุกวันนี้ คือมี่ตั้งใจเล่นทุกบทบาทที่ได้รับ และอยากขอโทษหากไม่ถูกใจใคร แต่ถ้ามันออกมาดี ก็บอกมาละกัน ยินดีที่จะรับฟัง มี่ดีใจที่มีวันนี้ มีวันนี้ได้ก็เพราะทุกคนค่ะ”

บทสัมภาษณ์นี้คงทำให้หลายคนรู้จักตัวตนสาวคนนี้ได้มากขึ้น และขอเป็นอีกกำลังใจให้เอมมี่สมหวังทั้งการงานและความรักนะจ๊ะ.