Inside Dara
“เต๋อ” สงสาร “พีค” โดนด่าฟรี ยอมรับคิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน แต่ไม่เคยคุยกันว่าจะกลับมา

“เต๋อ ฉันทวิชช์” โนคอมเมนต์ โปสเตอร์ “พรจากฟ้า” เลียนแบบหนังญี่ปุ่น ยอมรับมีส่วนคล้ายกัน แต่อยากให้รอฟังคำตอบจากผู้ใหญ่ เปิดใจสงสารดรามา “พีค ภัทรศยา” อวยพรวันเกิด ชี้โอกาสรีเทิร์นริบหรี่ สงสารอีกฝ่ายไม่อยากให้ร้ายใส่พีค บอกเป็นคนที่รักและห่วงใย คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน แต่ไม่เคยคุยกันว่าจะกลับมา ยกอีกฝ่ายกัลยาณมิตรที่ดีที่สุดในชีวิต

เจอชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตเล็กๆ สำหรับโปสเตอร์ภาพยนตร์ “พรจากฟ้า” ค่าย GDH ว่ามีความละม้ายคล้ายคลึงกับโปสเตอร์ของภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Amachan ในปี 2013 เสียเหลือเกิน โดยล่าสุด “หนุ่มเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” ในฐานะนักแสดง ได้เปิดใจถึงกรณีดังกล่าว บอกอยากให้รอผู้ใหญ่มาตอบเพื่อความกระจ่างดีกว่า

“ได้ทราบแล้วครับ ผมไม่มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องมาตอบน่าจะกระจ่างกว่า ผมเป็นเพียงคนเล่น ดูแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนนะครับ ส่วนตัวผมเองก็เป็นคนดูหนังเยอะเหมือนกันแล้วโปสเตอร์หลายๆ เรื่องก็มีความคล้ายกันในรูปแบบต่างๆ อาจจะเหมือนกัน 80 - 90 เปอร์เซ็นต์ มันคืองานไอเดีย มันก็ต้องมีการหาข้อมูล ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“เราก็จะได้ดูพร้อมสื่อมวลชน เขาก็จะส่งมาให้ผมโปรโมต ผมเองทำงานเขียนบท บางทีเขียนบทออกมาเสร็จแล้วเราได้ค้นพบว่าสิ่งที่เราเขียนออกมามันไปคล้ายกับอะไรบางอย่างที่เคยมีมาแล้วซึ่งเราเองไม่เคยดู ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ ต้องบอกว่างานศิลปะมันได้ถูกผลิตออกมาแล้วหลายร้อนล้านชิ้น เราไม่มีทางรู้ว่าใครทำอะไรกันมาแล้วบ้าง ซึ่งตรงนี้มันเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจได้กัน ประเด็นคือทำออกมาแล้วมันสื่อได้ถึงสิ่งที่เขาต้องการก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแล้ว”

ยันไม่มีนโยบายเลียนแบบใคร ยิ่งมีคนทำแล้วดีจะไปทำซ้ำอีกทำไม

“ไม่มีสิครับ เพราะผมทำงานเขียนบทด้วย ถ้าเรารู้ว่าเขาทำงานนี้มาแล้ว เมื่อเขาเคยทำมาแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดีไปแล้วเราจะไปทำซ้ำกับเขาเพื่อเป็นที่สองรองจากเขาทำไม เราก็จะมีแนวทางของตัวเราเอง”

“ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะมารู้ทีหลัง คือจะทำเสร็จเรียบร้อยแล้วงานออกไปถึงรู้ เราก็จะไปดูทีหลังแล้วก็เออใช่มันเหมือนจริงๆ เราอาจจะไม่ได้ศึกษาภาพยนตร์มาเพียงพอ ที่เจอบางทีมันเป็นหนังรัสเซียซึ่งไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่”

ป้อง “พีค ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ” อวยพรวันเกิดเพราะอยากคืนดี ชี้ถ้าจะว่าน้องมาว่าผมดีกว่า ไม่คิดเรื่องรีเทิร์น มีข้อแม้เยอะ ต้องอยากอยู่ด้วยกันไปตลอด

“ก็ได้เห็นครับ วันนั้นเป็นวันเกิดผม ตัวผมเองก็คุยกับน้องเขาอยู่แล้ว เขาอาจจะต้องการขอบคุณไม่ได้มีเจตนาอะไร แต่คนก็จะไปตีความว่าอยากคืนดีซึ่งผมไม่อยากให้ไปว่าร้ายน้องเขา มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากจะบอก”

“เรื่องที่น้องโพสต์แล้วลบ ผมคิดว่าเขาคงลงแล้วเข้าใจกันว่าคืนดีกันเขาก็เลยลบ ก็สงสารน้องเขา พอเป็นเรื่องนี้ทีไรน้องจะโดนต่อว่าผมไม่ค่อยโดน ถ้าจะว่าน้องเขามาว่าผมดีกว่า ผมจะมีภูมิคุ้มกันเยอะกว่า ส่วนจะคืนดีกันมั้ยเราไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวเขาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังไง เรื่องรีเทิร์นนี่ไม่ได้คิดเลย มันก็ 2 ปีกว่าแล้ว”

“เราก็ยังไม่มีใครเข้ามา เวลาผมจะตัดสินใจเลือกใครเป็นแฟนผมจะต้องรู้สึกว่าอยากจะอยู่กับเขาไปตลอด ตัวผมเองมีข้อแม้เยอะเรื่องความรัก ไม่ใช่จะคบปุ๊บปั๊บได้ ผมยอมรับว่าผมเยอะกับเรื่องนี้ จริงๆ ก็มีสาวเข้ามาบ้างแต่ผมก็คุยเป็นเพื่อนหมด ผมไม่ได้เป็นคนสเปกสูงมาก”

“มันไม่ได้เป็นฟิวส์จะกลับมาคืนดีกัน มันเป็นความรู้สึกที่เราคิดถึงช่วงเวลาหนึ่งมากกว่าว่าเราเคยแฮปปี้นะตอนนั้น แต่ไม่เคยคุยกันว่าจะกลับมา แต่เขาเองก็ยังเป็นคนที่ผมเป็นห่วง รักและห่วงใยเขาเสมอไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม เราก็นานๆ คุยกันที”

ยังรักในฐานะกัลยาณมิตร ไม่ต้องระบุสถานะ

“ตอนเขาผ่าตัดกระดูกงอกที่หน้าผากเราไปเฝ้า ผมถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนๆ หนึ่ง การที่ผมไปเป็นกำลังใจ ไปอยู่ด้วยกับเขาไม่ว่าจะฐานะอะไรก็ตามผมคิดว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เขาก็เหมือนเป็นน้องสาวที่น่ารักสำหรับผมเสมอ ผมจะรับรู้ได้เสมอว่าไม่ว่าเขาจะแนะนำอะไรผมเขาจะหวังดีกับเราอยู่แล้ว คำที่ใช่ที่สุดในความสัมพันธ์ คือเขาเป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุดในชีวิตผม ไม่ต้องระบุสถานะ”