Inside Dara
'ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์' มือศัลยกรรม สวย เซ็กซี่ และแรงที่สุดแห่งปี

เธอรวย สวย เซ็กซี่ แรง ที่มีความหมายว่า 'ตรง'..!

ว่ากันให้ถึงที่สุด หากจะให้ 'ฟันธง' พูดได้เต็มปากว่าคำตอบตรงๆ ที่ได้จากปาก 'ของขวัญ' คือผู้หญิงแรงของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยวาจาตรงไปตรงมามากมาย ภายใต้ใบหน้าสวยๆ เครื่องแต่งกายเซ็กซี่ กระโปรงสั้นปรี๊ด 2 คืบ (แบบที่เธอให้คำจำกัดความ) ฉีกขนบของอาชีพนี้อย่างสิ้นเชิง

'ไม่กลัว ตอบได้หมดทุกอย่าง ไม่แคร์ เพราะไม่เคยขอใครกิน...' ดี, พูดจาทำความเข้าใจกันและกันตรงๆ ก็ดี เพราะนี่คือคอนเซปต์ของเรา

ไทยรัฐออนไลน์ เปิดชีวิตเส้นทางสู่อาณาจักรศัลยกรรม 14 สาขา ที่ใช้ 2 มือบอบบางสร้าง (เธอบอกว่าการสร้างคลินิกไม่เคยกู้เงินธนาคารเพราะใช้เงินสดตลอด) ผู้หญิงที่ออกมาประกาศว่ามีและสะสมแอร์เมส (กระเป๋าใบละหลายล้าน) มากที่สุดในประเทศไทย หมอเคท แพทย์หญิง ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเลเซอร์ การันตีด้วยวุฒิบัตรมากมายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก

หมอสาวสวย เซ็กซี่ ที่สุดในวงการแพทย์สุดแรงแห่งปี!!

มากกว่า ไฮโซ ถือกระเป๋าใบละล้าน !

ชีวิตเราเปลี่ยนไปแต่ไม่มาก แค่คนจำได้ และต้องแต่งตัวให้สวยตลอดเวลาแค่นั้นเอง...! หมอของขวัญเล่ากลั้วหัวเราะเสียงดังหลังออกสื่อต่างๆ โดยเฉพาะรายการตีสิบ ตามสไตล์สาวเปิดเผยพร้อมกับย้ำว่า แต่ตนเองไม่ได้ดีแต่แต่งตัวสวย เซ็กซี่ สะสมกระเป๋าแอร์เมส ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปวันๆ แบบที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์กัน

"จะถามใช่ไหมคะว่า ถูกด่าเยอะไหมเพราะออกรายการ เราพูดแต่เรื่องความเว่อร์ของของสะสม แต่ข้อดีของเราอย่างหนึ่งที่ทำให้คนที่ไม่ชอบเรามากเท่าไหร่ เพราะความเป็นหมอ คนที่วิพากษ์วิจารณ์เราก็เลยลดน้อยลงไปนิดหน่อย (หัวเราะ) ซึ่งหากเราเป็นคนธรรมดาๆ ออกงานถือแอร์เมสร่อนไปร่อนมาพ่อแม่รวยตั้งแต่เกิดก็คงถูกด่ามากกว่านี้ (หัวเราะ) แต่เราดันทำงาน ธุรกิจก็สร้างขึ้้นมาด้วยตัวเองทั้งหมดไม่มีอะไรของที่บ้านมาเลย เหมือนลบคำสบประมาทว่า ถ้าไม่เจ๋งจริงก็คงใช้แบบนี้ไม่ได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่เราใช้ เราก็หาเองทั้งหมด ดังนั้นคนที่วิพากษ์วิจารณ์เราไม่เคยแคร์" หมอเคท ตอบ ตรง ชัดเจนสไตล์นักเรียนนอก

ของขวัญ สาวแรงแห่งปี : ฝันแรก !

มารู้จักชีวิตเธอกันบ้าง เห็นสวย เซ็กซี่ กระโปรงสั้นปรี๊ด 2 คืบ แบบนี้ หมอของขวัญบอกว่า เด็กๆ ฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์

"เราชอบดูพวกหนังสตาร์ เทรค ไซไฟ อยากเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ที่โคลนนิ่งตามตั้งแต่เล็กๆ คือความฝันแรกเลยอยากตัดแต่งพันธุกรรมมากๆ (หัวเราะ) แต่บังเอิญเอ็นทรานซ์ดันติดหมอไง ทั้งๆ ที่เลือกวิทยาศาสตร์ พ่อแม่แนะนำว่าอยากตัดแต่งโคลนนิ่ง เพราะเป็นหมอภาษีก็ดีกว่า ความเข้าใจจะลึกซึ้งกว่าเรียนวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์ของเมืองไทยไม่ค่อยลึก จะแบบ เบเบ (เบสิก) พ่อเลยให้ไปเรียนหมอเหมือนเขา ซึ่งเรารู้อยู่ว่าหมอเป็นยังไง เพราะพ่อแม่เราก็หม๊อ หมอ (เน้นเสียง) ที่บ้านเป็นหมอแบบแทบจะตั้ง รพ.ได้ (หัวเราะ) ทั้งน้องชาย น้องสาว
แม่ เป็นหมอหมด นามสกุลนี้เป็นหมอเยอะมาก แต่ไม่มีใครคิดว่าเด็กคนนี้โตขึ้นมาจะเป็นหมอ แต่เรามียีนพ่อแม่ที่เรียนหนังสือเก่งเว่อร์" เธอหัวเราะสดใส

"เราเป็นคนเรียนหนังสือเก่งเว่อร์มาตั้งแต่เด็กๆ ..." เธอย้ำและว่า อ่านปั๊บจำได้เลย เก่งเว่อร์โดยที่การบ้านไม่ทำ อาจจะเป็นด้วย
เจเนติก (Genetic) พ่อแม่ก็จะสไตล์นี้เหมือนกัน

"ย้ำอีกทีเราไม่ใช่คนเรียนหนังสือเลย (เน้นเสียง) ชอบทำการค้าตั้งแต่เล็กๆ ที่บ้านเป็นคลินิก ก็เอาวิตามินซี
ไปขายตั้งแต่อนุบาลเลยค่า (หัวเราะ) พอโตหน่อยก็ร้อยสร้อยขาย ถามว่าบรรยากาศในการเรียนหมอเป็นไงบ้าง พูดตรงๆ สังคมหมอไทยแย่ คือผู้ใหญ่ต้องมาเป็นอันดับ 1 เสมอ ผู้ใหญ่ผิดไม่ได้ ถาม 'ทำไม' ไม่ได้ เราเป็นคนชอบตั้งคำถาม สิ่งแวดล้อมแบบนี้ทำให้เด็กๆ ก้าวร้าว เพราะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ ระบบการศึกษาไทยแย่มากๆ พูดไงก็ต้องเชื่อแบบนั้น แล้วคนที่มาสอนรู้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ต้องเชื่อเพราะเป็นครูไง"

เธอตั้งคำถามที่พบเจอมาอีกว่า ครูภาษาอังกฤษเมืองไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษยังไม่ได้เลย พูดตรงๆ เด็กเกิดมา 2 ขวบพูดภาษาไทยได้ แต่เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษ 12 ปี ถึง ม.6 พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อย่างที่บอกเราเป็นคนชอบขี้ถาม และคณะแพทย์มีระบบซีเนียริตี้สูงมาก ทุกอย่างต้องรุ่นพี่ และอาจารย์เป็นดุจดั่งเทวดา และเด็กในที่เรียนคณะแพทย์เป็นหัวกะทิของทั้งประเทศ แล้วมันจะเหยียบกัน แทงข้างหลังกันเพื่อให้ได้ที่หนึ่ง ซึ่งเราค่อนข้างแตกต่างมากๆ

"อย่างเดินเข้าไปวันแรกในฐานะ freshy ย้อมหัวแดง ใส่กระโปรงสั้นปรี๊ด ส้นตึกหนาปึ๊ก ติดกิ๊บสีส้มอันเท่าบ้าน เดินเข้าไปวางกระเป๋า ท่ามกลางเด็กหมอที่ใส่กระโปรงพลีทยาว
 ใส่แว่นหนาเตอะ ทุกคนมองเราแปลกๆ แต่ไม่แคร์เพราะนี่คือตัวตนของเรา"

6 ปี ที่อึด + อัด ต้องยกออก...!

หมอของขวัญ ยอมรับว่า ในห้องเรียนแพทย์นานถึง 6 ปี เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดมากๆ แต่บังเอิญเธอหัวดี เรียนดีผ่านไปได้เรื่อยๆ

"3 ปีแรกรู้สึกแย่มาก คบเพื่อนนอกคณะหมดเลย โชคดีที่เจอเพื่อนในคณะที่ปัจจุบันมาทำคลินิกด้วยกัน ซึ่งเป็นคนประมาณเดียวกัน สนิทกันอยู่ 2-3 คนนี้ล่ะค่ะ พอเสร็จปั๊บ พอ 3 ปีที่ไม่ได้ขึ้น รพ.เรียนแบบนี้ เราก็คบเพื่อนนอกคณะหมดเลย จนกระทั่งขึ้นปี 4 ถึง ปี 6 ต้องไปคอนแท็กต์คนไข้โดยตรง ต้องขึ้นวอร์ด อยู่ใน รพ. ทำงานในนี้ พูดตรงๆ อย่าง 30 บาทอย่างเนี้ย จ่ายยาไม่เหมือนกับคนที่เสียเงิน เราถูกสอนมาให้เป็นอย่างนี้ ในขณะเดียวกันคุณมีวิชาที่สอนเรื่องจริยธรรม ต้องปฏิบัติกับคนไข้ให้เหมือนกันหมด ภาพดังกล่าวทำให้เราไม่มีความสุข เช่น คนนี้อายุแค่ 20 ปี เป็นมะเร็งตับโดย
 
เจเนติก (Genetic) เราเห็นเขาทรมานทุกวัน สงสารว่าทำไมเด็กต้องโดนขนาดนี้ แล้วพ่อเค้าเสียแม่ไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว กำลังจะเสียลูกไปอีกคน คนถึงบอกว่าทุกวันนี้หมอเป็นโรคจิตเยอะ"

'อย่างเคสที่เราเจอ คือโจรขึ้นบ้านเจอยิงต่อสู้ ดันไม่ตายกระสุนตัดไขสันหลังเป็นอัมพาต ทุกวันต้องทำแผล...' หมอสาวสวยเว้นวรรคทำอารมณ์ เห็นสภาพแบบนั้นตลอดเวลา หรือตอนเราประจำอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อมาช่วยผู้หญิงทำแท้งลูกตอนอายุ 8 เดือน แล้วตัวเองตกเลือด

"ช่วงนั้นถามตัวเองว่านี่เราตื่นขึ้นมาเพื่อช่วยแม่ใจร้ายคนนี้เหรอ แม้จะด้วยจริยธรรมที่จะต้องช่วยเขา หรือแบบเด็กผู้หญิงไปนอนกับผู้ชายมา 7 วัน โดนพ่อแม่จับได้ แต่ไปแจ้งความว่าถูกข่มขืนมา ปลุกเราตอนตี 3 เพื่อตรวจ พอมาถึงก็ยอมรับว่าสมยอม พอมาเจอระบบสาธารณสุขเมืองไทย เจอการเมือง เจอภาพแบบนี้ มันทำให้เราเครียด ถึงบอกไงว่า
เราบูชาหมอที่อยู่ในโรงพยาบาลมากๆ เพราะต้องเสียสละชีวิตตัวเอง"

ขัดแย้งรุนแรงอยู่แบบนั้น 6 ปี โชคดีอยู่นิดหนึ่งที่ท่ามกลางความอึดอัดในการเป็นหมอทั่วไปที่ต้องรักษาโรค ผ่าตัด ตรวจรักษา ตา หู คอ จมูก เด็ก ทำคลอด 2 อย่างหลังทำให้เธอมีความสุขมากกว่าทั้งหมด จนช่วงหนึ่งตัดสินใจว่า จะเป็นหมอเด็ก หรือเป็นหมอผ่าตัด 2 ทางเลือก แต่ใครจะรู้ว่า 2 อย่างที่คิดเอาไว้ก็จบไป หลังจากนั้นมีโอกาสได้ไปทำงานกับคุณหมอผิวหนังและชีวิตก็เปลี่ยนจากนั้นเป็นต้นมา

"เราเป็นคนตัดสินใจเร็ว ชอบลองของใหม่มากๆ อย่างเรื่องการตัดสินใจเรียนก็ตัดสินใจเอง พ่อแม่เราแค่แจ้งเพื่อทราบเฉยๆ แล้วก็บินไปเรียนที่บอสตันก็เข้าไปตอนซัมเมอร์พอดี ไปนั่งเรียนแต่พบว่ามันไม่ใช่แบบความสวยงามที่เราคิด เขาไม่ได้สอนโบท็อกซ์ สอนฟิลเลอร์แบบที่เราคิดว่าตรงกับเรา เพราะวันๆ ก็นั่งหน้า ปั้นหน้าแฟชั่น เปรี้ยวปรี๊ด กระโปรงสั้น 2 คืบอยู่ตลอดเวลา แต่มันดันเป็นวิชาไปรักษาเรื้อนกวาง สะเก็ดเงิน ผมร่วง มะเร็งผิวหนัง (หัวเราะ) ไม่ใช่สวยงามเลย ที่สุดก็ทนเรียนจบด้วยการทรานเฟอร์ไปที่อังกฤษ เพราะว่าจบเร็วกว่า ปี 2007 ก็จบ หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อเกี่ยวกับคอสเมติกที่ประเทศอเมริกา และได้เรียนจบที่นั่นมาเช่นกัน" ของขวัญ ยิ้มผ่อนคลาย

เงินด่วน จุดเริ่ม คลินิกของขวัญ..!

"ตอนนั้นตั้งใจว่าจะมาพักเมืองไทยสัก 3 เดือน แล้วจะบินกลับไป..." หมอสาวสวยเซ็กซี่เล่าถึงจุดกำเนิดของคลินิกที่มาแรงที่สุดอีกหนึ่งแห่งในยุคนี้

แต่การณ์กลับไม่เป็นแบบนั้น วันที่ 3 เธอเดินไปเที่ยวสยามเห็นห้องว่างให้เช่า โทรไปถามเพื่อนอยากเปิดคลินิกไหม สรุปสุดท้ายด้วยการตัดสินใจที่ไวเป็นทุนเดิม คลินิกของขวัญอันโด่งดังจึงเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

"ใช่ๆ เราเป็นคนที่ตัดสินใจเร็วมากๆ เลยเดินเข้าไปหาแม่ ขอยืมเงินทำคลินิก 8 ล้าน บอกว่าเป็นก้อนสุดท้ายในชีวิตที่จะขอ ตอนนั้นอายุ 24 บอกแม่ว่าจะคืนใน 1 ปี ตอนนั้นคิดแค่ว่าเปิดคลินิกง่ายๆ สบายๆ จึงไปชวนเพื่อน 3 คน เปิดทีเดียวพร้อมกัน 3 สาขาเลยจ้า (หัวเราะ) โลโก้แรกยังไปเสิร์ชจากกูเกิลมา ชื่อก็ใช้ของขวัญคลินิก ปรากฏว่ามีปัญหาโดนผู้รับเหมาโกงสาขาเแรกที่รังสิต ปิดภายใน 3 เดือน (หัวเราะ) ทำให้สาขา 2 ที่สยาม เราทุ่มเทมากๆ (สาขาที่ 3 ตรงสุขุมวิท 101) ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ทำความสะอาด คิดโปรโมชั่น แปะฉลากยาเอง ประชาสัมพันธ์เอง ทำงานไม่มีวันหยุด 9 โมงเช้าถึงตี 1 ทุกวัน โดยตั้งตารางงานว่าเวลา 9 โมงเช้าถึง 11 โมง ต้องทำบริหาร บ่ายโมงถึง 2 ทุ่มตรวจคนไข้ 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม ตรวจคนไข้วีไอพี ทำงาน 700 วัน ไม่มีวันหยุด 2 ปีเต็มๆ"

ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง - เราสงสัย หมอสาวสวยสุดมั่นยอมรับว่า มีปัญหาเยอะมากๆ เหนื่อยรากเลือดแต่คุ้ม เพราะคนไข้รู้จัก เป็นรายแรกที่ทำคาร์บ็อกซี่บุฟเฟ่ต์ไม่จำกัดซีซีเดือนละหมื่น คนต่อคิวเยอะมาก พูดได้ว่าหลายอย่างที่คลินิกเราคิด คนอื่นไม่ทำกันเพราะว่ามันล้ำมากๆ ซึ่งเราเชื่อว่ามันน่าจะบูม เชื่อไหมหลังจากนั้นอีก 3 ปี ทุกคลินิกก็ทำตามเราหมด ทั้งคาบ็อกซี่บุฟเฟ่ต์ ดูดไขมัน ร้อยไหมเราเป็นคนแรกที่ทำร้อยไหมทอง ไหมเขียว ไหมละลาย มีลูกค้าเริ่มติด ปีที่ 2 เริ่มเปลี่ยนแปลงเรื่องผู้ร่วมหุ้นใหม่ที่เป็นนักธุรกิจมากไม่เหมาะกับเรา เลยทำเองตะลุยเปิดอีก 3 สาขารวด ถามว่าเหนื่อยไหมเราคิดว่าเราเหนื่อยมากแค่ไหนก็คงไม่ตาย ถ้าเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยให้สุด หลังจากนั้นเมื่อผุดขึ้นมาอีก 3 สาขา เชื่อไหมเงิน 8 ล้านเราคืนแม่ได้ภายใน 8 เดือนเลย (หัวเราะ) มันคือสิ่งที่เราภูมิใจ

รวยเว่อร์ ควักเงินสดสร้างอาณาจักรคลินิก...!

ปัจจุบันของขวัญคลินิกมีทั้งหมด 14 สาขา ที่เจ๋งกว่านั้นก็คือตั้งแต่ทำคลินิกมาเธอบอกว่า ไม่เคยกู้แบงก์เลย พูดง่ายๆ ใช้เงินสดๆ สร้างอาณาจักรขึ้นมา

"
อย่างที่บอก 
เราไม่ได้มีดีแค่แต่งตัวสวย ถือแอร์เมสไปวันๆ ถ้าย้อนมองกลับไป ก่อนที่จะเป็นแบบนี้ผ่านอะไรมาบ้าง เรามาแข็งแรงได้เพราะเรากัดไม่ปล่อย บินดูงานต่างประเทศ และอาจจะเป็นเรื่องของวิชั่น ถ้าเราคิดว่าเวิร์ก คิดทุกอย่างให้เป็นเรา สมมติเรื่องร้อยไหม เถียงกับหมอว่าถ้าเลเซอร์ทำได้ไหมก็ต้องทำได้

 มันผิด อาจจะมีการโฆษณาเกินจริงอยู่บ้าง แต่ข้อดีของการร้อยไหมดีกว่าเลเซอร์ หมอกล้าการันตี ซึ่งข้อเสียของการร้อยไหมก็คือราคาแพง ส่วนถามว่าอะไรคือ
จุดเด่นของคลินิกเรา สั้นๆ ง่ายๆ ล้ำ มาหาหมอของขวัญคือเปลี่ยนชีวิตได้เลย 6 เดือนคนต้องทัก" เธอพูดอย่างมั่นใจ

ฟันธง ทำซิกแพ็ก ทำพรหมจารี เทรนด์ศัลยกรรมที่มาแรง...!

เมื่อถามแทรนด์ที่กำลังมาแรงในปีหน้า หมอของขวัญฟันธงว่า เป็นเทรนด์ที่ทุกอย่างที่ปลอดภัยที่สุดและเห็นผลที่ดีที่สุด ซึ่งผลที่ได้อาจจะ 70 % จาก 100% แต่ปลอดภัยกว่าหลายเท่าตัว

เริ่มตั้งแต่หัวจดเท้า 1. ผม เปิดเป็นแฮร์เซ็นเตอร์ มีการปลูกคิ้วปลูกขนตาด้วย 2. หน้า มีไหมกว่า 20 ชนิด 3. เรื่องของเซลล์เด็ก ทำยังไงก็ได้ให้คนที่อายุ 40 เหมือนคน 25 4. หน้าอก เมื่อก่อนเสริมซิลิโคนตอนนี้มีนวัตกรรมย้ายพุงมาเป็นนม มีการย้ายไขมัน 5. นวัตกรรมเวเซอร์ทรีดี คือ การเอาไขมันออกมาแล้วส่งไฟเบอร์เลเซอร์ไปจี้เซลล์ไขมันให้ตายออกมา ดูดไขมันออกมาแล้วทำให้เป็นน้ำมันก่อน พอเป็นน้ำมันใต้ผิว

"ซิกแพ็กก็จะฮิตในปีหน้า การทำคือฉีดไขมันเข้าไปใต้กล้ามเนื้อ แต่มาแบบอ้วนๆ ไม่ได้ ต้องกระชับอยู่แล้ว เราทำให้กล้ามเนื้อมันใหญ่ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีการทำเยื่อพรหมจารีใหม่ ด้วยการทำให้เหมือนมีเยื่อพรหมจารีอีกครั้งหนึ่ง ถามว่าทั้งหมดที่บอกมาถูกกฎหมายไหม ถูกแน่นอน อย่างไรก็ดีสิ่งที่อยากจะฝากเตือนก็คือการทำศัลยกรรม หรือนำสิ่งที่ไม่ธรรมชาติเข้าไปในร่างกาย มันไม่มีอะไรทางการแพทย์ที่ได้ผล 100% ผลขึ้นอยู่กับความพอใจด้วย ถ้าคนไข้อยากจะสวยเป็นอั้ม พัชราภา ก็คงจะยาก มันต้องแล้วแต่ต้นทุนของคุณ ปัจจุบันมีโรคที่เรียกว่าเสพติดอะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี คำว่าเสพติดศัลยกรรมแปลว่ามันมากเกินไป การทำศัลยกรรมที่ดีที่สุดก็คือการทำให้เป็นธรรมชาติที่สุดถูกไหม ทำให้ตัวเองพอใจ ภูมิใจ มั่นใจขึ้น ไม่ทุกข์ ไม่หมกมุ่น ทำได้ทุกอย่างแหละ"

บล็อกหน้าประเภทไหนที่คนอยากจะทำ - แพทย์ฝีมือดี บอกว่าปีหน้าสไตล์เกาหลียังฮิต คนไทยตอนนี้ชอบหน้าเกาหลี ดาราเกาหลี ชอบรูปหน้าวีเชฟแบบอั้ม เซ็กซี่ๆ ปากเผยอหน่อย จมูกโด่งปรี๊ด

"ส่วนตัวศัลยกรรมประเทศไหนเจ๋งที่สุด เกาหลี แต่จริงๆ เมืองไทยก็เจ๋ง ทำละเอียด ใจเย็น แต่ที่เกาหลีฮิตเพราะว่าทำศัลยกรรมกับประชากรเกาหลีแล้วมันเปลี่ยนเยอะ ถ้าหมอไทยทำคนเกาหลีก็จะออกมาดี ทำง่ายกว่าคนไทย
"

สาวเสพติดศัลยกรรม...?

เห็นทำและอยู่กับการศัลยกรรมมาหลายปีแต่เชื่อไหมว่า เธอบอกว่าโดยส่วนตัวในหน้าไม่มีมีดกรีด แต่เข็มทั่วร่างเลย เนื่องจากต้องทำทุกอย่างที่มีในคลินิกตัวเองแล้ว

"ไม่เผยผ่า ใครเม้าท์ เราปฏิเสธ แต่เรื่องฉีดๆๆ ยอมรับ โบท็อกซ์ฉีดตั้งแต่อายุ 25 (หัวเราะ) สำหรับเรื่องธุรกิจตอนนี้ถามว่ากลัวใคร และใครเป็นคู่แข่งทางการตลาด ตอบยาก หมอไม่สนใจคู่แข่งเท่าไหร่ ดังนั้นจึงโฟกัสไปที่นวัตกรรมที่เราต้องเป็นผู้นำเทรนด์ที่ใหม่ และปลอดภัยที่สุด ถามว่าตอนนี้เงินในบัญชีมีเท่าไหร่ (หัวเราะ) ไม่เยอะเพราะหมอชอบ invest ไปกับการเล่นหุ้นบ้าง คอนโดฯ ปล่อยเช่า กระเป๋า เพชร นาฬิกา ส่วนกิจกรรมวันว่าง ดำน้ำ แข่งรถ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ตอนนี้พูดได้ว่าใช้ชีวิตคุ้มเกินกว่าคนอายุเท่านี้ หมอมีหลักคติการดำเนินชีวิตอยู่ 1 สิ่ง ก็คือ เราจงทำวันนี้แล้วเราไม่มองกลับมาแล้ว เราอยากกลับมาขอหรือมาแก้อะไรอีก หมอมองกลับไปก็มีแต่ความภูมิใจ"

อยากจะบอกอะไรกับคนที่ไม่ชอบบ้าง...? เธอบอกว่า ไม่มีค่ะ เพราะเราไม่ได้ขอใครกิน แต่อย่างว่า คนที่ด่าเยอะๆ เพราะอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์ไทย เราพูดจาตรง ชัดเจน ถึงบอกว่าถามอะไรมาตอบได้หมด ไม่กลัว

สุดท้ายถามถึงเรื่องแฟน เธอยิ้มเขินๆ ก่อนจะตอบว่า ปัจจุบันมีแฟนแล้ว ตนเองชอบคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ถามว่าอีก 5 ปี จะเห็นของขวัญในรูปแบบไหน ถ้าของขวัญเป็นตัวเอง ก็จะเห็นเราสวย เพราะดูแลตัวเองแบบนี้ต่อไป ส่วนของขวัญคลินิก อย่างที่บอกน่าจะมีความ international มากขึ้น โปรโมชั่นมากขึ้น (หัวเราะ) พรีเมียมมากขึ้น ระบบข้างในดีขึ้นกว่านี้อีก" หมอไฮโซกล่าวทิ้งท้าย

และนี่คือทั้งหมดของหมอของขวัญ หมอที่แรงที่สุดแห่งปี