Inside Dara
เม้าท์ยาวกับ ทุเรียน-อีกาดำ-มังกร-จิงโจ้ 4 หน้ากากแชมป์ The Mask Singer

นับเป็นปรากฏการณ์หน้ากากฟีเวอร์จริงๆ สำหรับรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ทางช่องเวิร์คพอยท์ ที่นอกจากจะเรียกเรตติ้งสูงไปถึง 14 เรียกว่าถล่มทลายสะเทือนวงการทีวียุคดิจิตอลแล้ว ในกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ยังให้ความสนใจอย่างมาก การันตีจากเทรนด์ทวิตเตอร์ที่เคยขึ้นไปถึงอันดับ 1 ของโลก และยอดผู้ชมในเฟซบุ๊กไลฟ์สดรวมถึงยูทูบนับล้านคน แถมพอจบซีซั่น 1 ปุ๊บก็มีมินิคอนเสิร์ตของเหล่าหน้ากากที่สร้างปรากฏการณ์ขายบัตรหมดภายใน 3 นาทีอีกด้วย

วันนี้ “บันเทิงไทยรัฐออนไลน์” ชวน 4 หน้ากากแชมป์ที่เป็นส่วนสำคัญของปรากฏการณ์ความฮอตปรอทแตกครั้งนี้มาพูดคุยแบบเต็มๆ ครั้งแรก นำโดย “หน้ากากทุเรียน” ทอม อิศรา กิจนิตย์ชีว์ แชมป์กรุ๊ป A และแชมป์รายการ The Mask Singer พร้อมด้วย “หน้ากากอีกาดำ” เอ๊ะ จิรากร สมพิทักษ์ แชมป์กรุ๊ป B รองแชมป์รายการ The Mask Singer รวมถึง “หน้ากากมังกร” บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แชมป์กรุ๊ป C และ “หน้ากากจิงโจ้” เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร แชมป์กรุ๊ป D งานนี้ครอบครัวหน้ากากอย่างพ่อกา แม่มัง พี่โจ้ น้องทุ จะมาเม้าท์มอยอะไรกันบ้าง...เชิญฟังกันได้ ณ บัดนาว!!

หลังจากจบรายการ The Mask Singer ซีซั่นแรกแล้ว ชีวิตเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง?

บุ๋ม : เปลี่ยนไปเยอะเลย มีแฟนคลับเยอะขึ้น ในแง่ไอจีตัวเลขขึ้นชัดๆ ไปไหนก็มีเสียงกรี๊ด อยู่ในวงการมา 17 ปี คนก็ขอถ่ายรูปบ้าง แต่มันไม่ถึงกับกรี๊ด ตอนนี้ไปไหนมีแต่คนเรียกแม่มังๆ มีคนขอให้ร้องเพลงทุกที่ที่ไปเลยค่ะ มีงานโชว์ตัวร้องเพลงเยอะขึ้น มีคอนเสิร์ตเข้ามาด้วย ก็มีคิดเรื่องออกซิงเกิ้ลนะคะ แต่เพลงสไตล์พี่ไม่ค่อยตลาดสักเท่าไหร่ แล้วเพลงไทยที่ปล่อยพลังขนาดนั้นมันไม่ค่อยเยอะ ถ้าจะทำจริงๆ คิดว่าอยากให้พี่หนึ่ง จักรวาล มาช่วยทำเพลงค่ะ

เอ๊ะ : ตอนนี้ยอดฟอลโลว์ต่างๆ พุ่งขึ้นเลยครับ อย่างวันที่ผมเปิดหน้ากากมีไลน์ประมาณ 2-3 พันข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ แล้วสายเข้าอีก คือโทรศัพท์ร่างแหลกไปแล้วครับ ปิดเครื่องไม่ได้ ทุกคนก็มาแสดงความยินดีกับเรานี่แหละครับ ยอดฟอลโลว์ไอจีตอนแรกมีแค่ 3-4 หมื่นคน แต่ทุกวันนี้เกือบ 250,000 คนแล้วครับ ปกติพอพูดถึงผมก็จะแบบพี่เอ๊ะเหรอ แต่พอพูดถึงอีกาดำแล้วจะรู้สึกว่ายิ่งใหญ่กว่าตัวเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะอีกาดำก็คือตัวเราเองครับ ดีใจครับที่ทุกคนให้ความสนใจ เราก็อยากทำงานออกมาดีๆ ดีใจที่เขาได้รู้ว่าเราเป็นคนยังไง มีอะไรอยู่ในตัวเองบ้าง และเราทำอะไรได้บ้างครับ

เป๊ก : ก็มีเปลี่ยนบ้างแต่ไม่ได้เยอะมากมาย แต่ก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้น ก็มีแฟนคลับที่ซุ่มดูตามทีวีแล้วไม่เคยออกมาเจอเรา ทีนี้เขาขี้เกียจซุ่มแล้ว เขาก็เลยออกมาหาเราดีกว่า มันก็เลยเป็นจำนวนเยอะมากครับ กับคำว่า “ผลิตห้างแตก” ผมว่าไม่ขนาดนั้นนะครับ ยังหลวมๆ อยู่ ยังมีพื้นที่สำหรับทุกคน ชวนเพื่อนมาได้อีกนะครับ (ยิ้ม) ส่วนยอดฟอลโลว์ไอจีตอนแรกแค่ 3 หมื่นเองครับ ตอนนี้ก็ 6 แสนกว่าคนแล้ว คิดว่าอาจเป็นเพราะเปลี่ยนชื่อไอจีด้วย เพราะตอนแรกผมไม่ได้ใช้ชื่อ peckpalit ในไอจี คนก็หาไอจีไม่เจอ คือตอนแรกผมใช้ชื่ออื่นที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยครับ แต่พอเริ่มมีกระแสบอกว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น peckpalit ทุกช่องทางเพราะมีแฟนๆ อยากติดตามเยอะ ผมก็เลยต้องเปลี่ยน พอเปลี่ยนแล้วคนก็ตามได้มากขึ้นครับ

ทอม : ต้องบอกว่าไปไหนมาไหนมีคนจำได้เยอะมาก (ลากเสียง) วันนั้นไปทานข้าวแถวทองหล่อแล้วมีพี่ๆ วินมอเตอร์ไซค์ยังจำเราได้เลย ซึ่งจริงๆ ตอนผมอยู่ Room 39 ก็จะเป็นแฟนเฉพาะกลุ่มนะที่จะมีโอกาสได้ฟังผลงานของ Room 39 แต่ตอนนี้คนจะรู้จักเรามากขึ้น มาขอถ่ายรูป เชียร์เราตามโชว์ต่างๆ มากขึ้น มีตั้งแต่เด็กเล็กๆ 5-6 ขวบก็รู้จักหน้ากากทุเรียนกันแล้วครับ

เคยคิดไหมว่าพอมาออกรายการกระแสจะแรงขนาดนี้?

บุ๋ม : ไม่เคยคิดเลยเพราะเราออกรายการมาเยอะ ไม่คิดว่ารายการจะพาทุกคนดังได้ขนาดนี้ อย่างหน้ากากอื่นๆ เขาก็มีงานโชว์ตัวเพิ่มขึ้น มันไม่เกี่ยวกับตกรอบหรือเข้ารอบ คือ 4 คนสุดท้ายก็มีงานเยอะกว่าคนอื่นหน่อย แต่คนอื่นจะได้งานเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัวนะคะ และรายการนี้สามารถทำให้พี่กลับไปตามหาความฝันของพี่ ได้กลับไปเรียนร้องเพลงด้วยค่ะ

เอ๊ะ : ไม่คิดครับ (หัวเราะ) ตอนพี่แก้ว ผู้ใหญ่ที่เวิร์คพอยท์โทรมาชวน เราก็ไปออกแบบเอามัน สนุกสนาน ไม่คิดอะไรเลย พอเห็นกระแสก็รู้สึกว่าเกินความคาดหมายไปเยอะ ทุกคนที่มาจะคิดว่าอยากร้องอะไรก็ทำตามใจตัวเองต้องการแค่นั้นเอง

เป๊ก : ไม่ได้คิดเลยสักนิด แค่คิดว่าอยากไปร่วมสนุกกับรายการ ก็เห็นว่าเป็นคอนเซปต์ที่ดี ได้ร้องเพลงเพราะๆ ใส่ชุดประหลาดๆ ไม่ให้ทุกคนรู้ว่าเราเป็นใครครับ

ทอม : ไม่เคยคิดเลย มาถึงขนาดนี้เกินฝันสำหรับเราจริงๆ เราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะเข้าถึงรอบสุดท้ายแล้วจะมีคนชื่นชอบหน้ากากทุเรียนขนาดนี้เลยครับ ต้องขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบในหน้ากากทุเรียนครับ

ความรู้สึกในวันแรกที่เข้ามาประกวดมาจนถึงความรู้สึกหลังได้ถอดหน้ากากเป็นยังไง?

บุ๋ม : รายการนี้เราใช้เวลามา 5 เดือนกว่า นานมากนะกับการแข่งขัน ตอนที่ใส่หน้ากากมันมีทั้งความตื่นเต้นและอึดอัดเพราะบอกใครไม่ได้ แล้วงานประจำก็มี คิวงานป่วนไปหมดเลย พอเข้ารอบทีเราก็ต้องไปเคลียร์งานอื่นออกเพื่อแอบใส่หน้ากากไปร้องเพลง เพราะรายการจะกักตัวเราไว้ก่อนล่วงหน้านานมาก แล้วเราบอกใครไม่ได้ว่าเราไปทำอะไร เลยค่อนข้างอึดอัดพอสมควร แต่ถามว่าสู้ไหมก็สู้เพราะเรามีความสุขที่ได้ร้องเพลง พอถอดหน้ากากแล้วโคตรโล่งเลย (หัวเราะ) เหมือนยกภูเขาออกจากอก คือคนถามเยอะมาก พอถอดหน้ากากทำให้หลายคนเข้าใจเรามากขึ้นว่าการที่เราต้องสตรองเพราะอะไร เพราะเราต้องมีเป้าหมายเพื่อดูแลความรู้สึกคนอื่นขนาดไหน แต่จากการที่พี่ได้ทำในสิ่งที่พี่รักจริงๆ เขาก็เลยยอมรับตัวตนเรามากขึ้นค่ะ

เอ๊ะ : พอถอดหน้ากากแล้วรู้สึกโล่ง ได้บอกไปว่าจริงๆ เราเป็นคนยังไง ทุกคนไม่รู้ว่าผมเล่นดนตรีกับบอดี้สแลม ไม่รู้ว่าแต่ก่อนผมร้องเพลงยังไง จริงๆ ผมสายร็อกล้วนๆ ไม่มีภาพนักร้องเพลงรักอยู่ในหัวเลย และคนรอบตัวผมเป็นชาวร็อกหมด วันแรกที่ใส่หน้ากากอีกาดำร้องเพลงผมไม่อึดอัดอะไรเลยครับ อึดอัดแค่ชุดอย่างเดียว คือตอนนั้นทำเพลง “ด้วยความปรารถนาดี” แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ตอนมาออกรายการก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว พอเขาชวนเราก็ไป เราจะได้บอกในสิ่งที่เป็นตัวเอง คิดแค่นั้นครับ

เป๊ก : วันแรกก็ตื่นเต้นเลย อย่างปกติเวลาขึ้นคอนเสิร์ตก็มีอารมณ์ตื่นเต้นบ้างเหมือนกัน แต่นี่มันเหมือนไม่ใช่ขึ้นคอนเสิร์ตปกติครับ มันเหมือนมาประกวดร้องเพลงครับ เพราะมันจะต้องมีใครสักคนที่ตกรอบ มันก็มีความลุ้นว่าจะเข้ารอบไหม จะตกบันไดไหมเพราะมองไม่เห็นทางเลย จะร้องเพี้ยนไหม รายการคนดูเยอะนะ แล้วชุดของเราไม่สะดวกต่อการเพอร์ฟอร์มครับ พอถอดหน้ากากคือโล่งเลย เปิดซะที เพราะคนก็สงสัยกันมานานว่าตกลงเป็นใครกันแน่ อยากโชว์แล้วว่านี่คือเราเอง ไม่ใช่ชินนะ

ทอม : ตอนแรกรู้สึกแอบกดดันเหมือนกัน ไม่ได้กดดันว่าเราจะแพ้ไหม แต่แอบกดดันว่าเราต้องเก็บไว้เป็นความลับ ไม่บอกใครเลย เพราะทางรายการจะมีการให้เซ็นสัญญาว่าห้ามบอกใคร ถ้าบอกจะเสียค่าปรับด้วย เพื่อรายการจะได้สนุกและเป็นไปตามแบบแผนของรายการครับ แต่พอถอดหน้ากากก็โล่งมากว่านี่แหละคือตัวเราครับ

เวลาใครถามเราเรื่องหน้ากากมากๆ เราลำบากใจไหม?

บุ๋ม : พี่ก็จะบอกว่าร้องเพลงไม่เป็นหรอกฉันน่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวเสีย 2 แสน ถามว่าลำบากใจไหมที่ต้องโกหก คือลำบากใจไม่ใช่แค่พี่หรอก มันไปลำบากคนอื่นที่เขาคิดว่าเป็นเรา แล้วเขาก็ต้องช่วยโกหกไปด้วย ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าตัวมังกรคือใคร เพราะคนก็ไปถามเขาเยอะ เดือดร้อนกันไปหมดเลย อย่างลูกสาวพี่เนี่ยเพื่อนเขาก็ถามว่าหน้ากากมังกรใช่แม่เธอไหม เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ที่น่าสงสารคือสามีเพราะพี่ต้องซ้อมร้องเพลงในห้องน้ำทุกคืน เราไปซ้อมที่อื่นไม่ได้ไง แต่เราต้องซ้อมเยอะเพราะเราไม่ใช่นักร้อง ถ้าไปฮัมเพลงที่อื่นไม่ได้เดี๋ยวเขารู้ค่ะ

เอ๊ะ : ไม่ลำบากใจนะ ผมบอกเขาไปว่าพี่มี 2 แสนไหมเดี๋ยวผมบอกพี่ (ยิ้ม) ด้วยความที่มีผู้ต้องสงสัยเยอะ ผมเป็นแค่ส่วนหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เพราะคนไม่คิดว่าเอ๊ะ จิรากร จะร้อง ผมก็ไม่อึดอัดนะเวลาคนถามเยอะ ก็ทำตัวธรรมดา นิ่งๆ ครับ

เป๊ก : ลำบากใจมาก (ลากเสียง) เพราะพูดไม่ได้ ถ้าพูดจะเสียเงิน 2 แสน เราก็จะทำเป็นแบบคุยเรื่องอื่นแทนไปเลย อย่างเพื่อนผมก็ไม่บอกครับ ไม่ใช่ว่ามีคนรู้น้อยมาก ไม่มีใครรู้เลยครับ ไม่ได้บอกใครเลยครับ เก็บไว้อยู่คนเดียว ถึงเพื่อนจะสงสัยแต่ผมก็เฉยๆ ครับ

ทอม : อึดอัดพอสมควร จริงๆ หลายคนจำเสียงเราได้เวลาร้องเพลง แต่เราก็ปฏิเสธ ทำอะไรไม่ได้เลย เราก็พยายามตอบเลี่ยงๆ ไปว่าไม่ใช่ ทุเรียนร้องเก่งกว่า หรือไม่ก็ผมร้องเก่งกว่าทุเรียนครับ

ตอนมาประกวดเรากลัวไหมว่าพอเรามาประกวดแล้วคนจะวิจารณ์เรื่องการร้องหรือแอ็กติ้งของเราในด้านลบ?

บุ๋ม : มันเป็นคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาดีนะ พี่ไม่กลัวหรอกเพราะพี่ไม่ใช่นักร้อง บางคนบอกร้องเหมือนแหกปากพี่ก็โอเคไม่ว่าอะไร บางคนก็บอกมังกรไม่ร้องเพลงไทยเลย ถ้าร้องเพลงไทยคนก็จับได้สิ ซึ่งเราก็ตามตอบเขาไม่ได้ด้วยไง เราได้แต่อ่านและพัฒนาตัวเอง ถ้าลองสังเกตดู 4-5 เพลงที่พี่ร้อง พี่มีพัฒนาการของพี่ตลอด เพลงแรกยังไม่มีลูกเล่น เพลงที่ 2 3 4 เริ่มเปลี่ยน เพราะพี่มีการไปฝึกและพัฒนาตัวเองขึ้น เราไม่อยากเป็นตัวถ่วงรายการของเขา เราก็เต็มที่ อยากบอกว่าโอเปร่ามันไม่ง่ายเลยค่ะ

เอ๊ะ : เขาก็จะบอกว่าเสียงไม่น่าฟัง เสียงมันแหบ สาก แต่ผมตอบโจทย์รายการอย่างเดียวเลย ผมไม่คิดอะไรเลย ผมคิดแค่ว่าร้องยังไงให้คนจำไม่ได้แค่นั้นเอง ถ้าผมร้องเสียงตัวเองคนก็รู้หมดสิ แล้วมันจะตอบโจทย์ยังไงอะ คือเขาบรีฟผมมาแค่นั้น แล้วผมมารู้ว่าทุกคนร้องเพลงเสียงตัวเองตอนรอบไฟนอลครับ ถามว่ารู้สึกอะไรไหมกับตรงนั้นก็ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยอะไรมากมาย ผมรู้อยู่ ผมฟังยังรำคาญเลย เจ็บคอแทน เข้าใจครับ เราร้องเพลงแนวอีซี่มา เรารู้ว่าเสียงที่ฟังแล้วนอนหลับมันคือเสียงยังไง เสียงที่ฟังแล้วน่ารำคาญคือยังไง ส่วนตัวก็ชอบทั้งหมดเลย ผมว่าทุกอย่างมันคือดนตรีเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะแนวไหนก็แล้วแค่ครับ โอเปร่าหรือลูกทุ่งเราไม่ดูถูกกันครับ

เป๊ก : ไม่ได้คิดเลยครับ อย่างที่บอกว่าไปแบบใสๆ เลย ไม่ได้คิดมาก อยากไปสนุกแค่นั้นครับ คิดว่าลองดูก็ได้ แล้วคิวก็ได้พอดีครับ ได้ร้องเพลงด้วยทำไมจะไม่ไปล่ะ

ทอม : ไม่ได้กังวลมากขนาดนั้น ผมแค่รู้สึกว่าบางทีเวลาคนเราชอบใคร เราก็อยากให้หน้ากากคนนั้นเป็นคนที่เราชอบมากกว่า ถ้าเกิดผมเปิดมาแล้วไม่ใช่คนที่เขาชอบหรือคิดไว้ก็กลัวเขาจะผิดหวัง แต่ว่าเราก็พยายามเป็นตัวเองให้มากที่สุดครับ เพราะผมคิดว่าการที่ปิดหน้ากากแล้วมันทำให้เราไม่เคอะเขิน เราอาจไม่คิดมากว่าเราทำอย่างนั้นแล้วเขาไม่ชอบเราไหม เราเป็นแบบนี้แล้วเขาไม่ชอบเรารึเปล่าครับ มันเหมือนการทำอะไรแปลกใหม่และคนได้เห็นเราอีกมุมนึงมากขึ้นมากกว่าครับ

ความยากลำบากในการอยู่ใต้หน้ากากแล้วต้องร้องเพลงไปด้วยเป็นยังไงบ้าง?

บุ๋ม : มันยากมากค่ะ การมองเห็นมันยากอยู่แล้ว อย่าว่าแต่กรรมการไม่เห็นพี่ พี่ยังไม่เห็นกรรมการเท่าไหร่เลย (หัวเราะ) คือหน้ากากมังกรเขาเอาลูกไม้มาปิด 3 ชั้น ตอนใส่กลัวเดินสะดุดมาก สังเกตว่ามังกรจะยกกระโปรงตัวเองตลอด และมังกรจะเดินช้าๆ แต่จริงๆ ต้องค่อยๆ เดินเพราะมองไม่เห็น (หัวเราะ) เวลาคันหน้าก็ทำอะไรไม่ได้เลย ต้องอยู่ยังงั้น เป็นรายการที่เหนื่อยมาก อยู่หลาย ชม. มากค่ะ

เอ๊ะ : เดินยากเพราะส้นมันสูงมากครับ ชุดมันหนักมาก ใส่นานก็ปวดหลังแล้วหายใจไม่ค่อยออก ที่หนักสุดคือเพลง “ความเชื่อ” เขาให้ผมขึ้นไปอยู่ข้างบนและค่อยๆ เดินลงมา ไมค์ก็ต้องถือ ร้องเพลงอีก โอ้โห...หนักครับ ถามว่าชุดหนักเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ผมว่าแค่รองเท้าก็ตันนึงแล้วมั้งครับ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องหน้าตอนใส่หน้ากากไม่มีปัญหาเพราะก่อนใส่หน้ากากผมฉีดสเปรย์เย็นอัดเข้าไป ช่วยได้เยอะเลยครับ

เป๊ก : ด้วยชุดมันทำให้ยากต่อการร้องเพลง ยากต่อการเพอร์ฟอร์ม ด้วยความที่ชุดของเรามีลูกจิงโจ้อยู่ตรงพุง เต้นก็ลำบาก หน้ากากก็บีบหัวจนเจ็บ อึดอัดครับ แต่ทุกอย่างก็ออกมาดี ถามว่าคันหน้าไหมก็คัน ก่อนขึ้นเวทีนี่เกือบต้องถอดออกมาเกาตลอด ร้อนอึดอัดหายใจไม่ออกเลยครับ ถามว่าสุขภาพไม่อำนวยทำให้ลำบากเพิ่มขึ้นด้วยไหมก็นิดนึงครับ

ทอม : ต้องบอกว่ายากมาก ความยากของมันคือปกติเราร้องเพลงโดยถือไมค์แล้วไม่มีหน้ากากมันไม่รู้สึกร้อน สื่ออารมณ์ถึงคนได้ง่ายกว่า แต่อันนี้มองไปก็ไม่มีใครเห็นเรา แต่มีร้อนบ้าง เหงื่อเข้าตาบ้างครับ

กับดราม่าที่เกิดขึ้นในรายการก่อนหน้านี้ เราอยากชี้แจงกับคนดูไหม?

บุ๋ม : จริงๆ มันถูกต้องแล้วที่จะต้องเปิดทีละหน้ากาก แล้ววันรอบชิงแชมป์มันควรเป็นการวิจารณ์ความสามารถของเอ๊ะมากกว่า เพราะเขาเก่งมาก ใครที่จะสามารถแปลงเสียงได้ขนาดนี้ มีไม่กี่คนในประเทศไทยหรอกค่ะ เดี๋ยวนี้คนไทยชอบดราม่า ที่เกิดเหตุการณ์ตอนถ่ายทอดสดวันนั้นเขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก แล้วที่บอกว่าเปิดหน้ากากช้ามันเป็นเรื่องการตลาดของเขา แต่อีกสัปดาห์มันก็ประทับใจไม่ใช่เหรอ รายการทีวีทำเพื่อให้ทุกคนมีความสุขไม่ใช่มานั่งทุกข์ คุณจะซีเรียสทำไม ดูฟรียังด่าเลย ไม่เข้าใจจริงๆ (หัวเราะ)

เอ๊ะ : อย่างตอนเป๊กเนี่ยเขามาถ่ายแข่งกับปลาหมึกตั้งแต่เช้า นัด 7-8 โมง ถ่าย 10 โมง เสร็จ 4 โมงเย็น พอเป๊กชนะก็ถ่าย 4 คนสุดท้ายต่อเลย พอถ่าย 4 คนเสร็จ 2 ทุ่ม แล้วจับสลากว่าใครเจอใครก็ถ่ายต่อเลย ผมแข่งกับพี่บุ๋มต่อ เสร็จประมาณตี 1 ผลิตกับทอมก็ถ่ายต่อถึงตี 5 เขาก็เหนื่อยมาก ผมว่าอย่าดราม่ากันเยอะแยะเลยครับ เขาพูดรู้เรื่องก็บุญแล้ววันนั้น ส่วนเรื่องไม่ถอดหน้ากากทุเรียนเนี่ยจริงๆ มันมีกฎอยู่แล้วว่าเปิดหน้ากากครั้งละคน แล้วรายการให้เกียรติผมในการสัมภาษณ์ แต่อาจจะพลาดตรงที่คำพูดของกันต์ว่าเดี๋ยวมารอชมกัน แต่ไม่ได้บอกว่ารอชมอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์หน้า ผมว่าเป็นเสน่ห์รายการนะครับ เป็นมาร์เก็ตติ้งธรรมดา แล้วตอนนั้นสัญญาณมันกวนกล้องตอนสัมภาษณ์ด้วยเลยต้องตัดเข้าโฆษณา เลยยิ่งดราม่าเข้าไปใหญ่ ถามว่าน้อยใจไหมที่วันนั้นคนไม่ได้สนใจผม สนใจแต่เรื่องดราม่า ไม่หรอก ผมไม่อะไรขนาดนั้น

เป๊ก : ต้องบอกว่าสาย D ที่ผมแข่งจะมาสุดท้ายเลย ตอนประกวดเขาก็จะหาแชมป์กรุ๊ป D เร็วที่สุดเพื่อแข่งไฟนอลครับ ตอนนั้นเขาได้คิวของแชมป์กรุ๊ปอื่นมาแล้วด้วยครับ วันนั้นผมต้องอัดหลายเทปติดกัน ก็มีความไม่ไหวเหมือนกันเพราะว่ามาตั้งแต่ 8 โมงเช้า เสร็จตี 5 แล้วเราต้องร้องเพลง มันก็มีความล้านิดนึง แต่ผมก็เต็มที่ ก็สนุกดีครับ ช่วงที่เกิดดราม่าผมไม่ได้อ่านเลย เพิ่งมาสงสัยตอนที่ลงรูปอะไรไปแล้วทำไมทุกคนให้กำลังใจเราเยอะจัง แต่ก็ไม่ได้ไปตามข่าว ก็รู้ว่ามีคนว่าเราบ้างแต่ไม่อะไรครับ พี่บุ๋มก็ให้กำลังใจ บอกอย่าไปใส่ใจครับ

ทอม : ผมเข้าใจในมุมมองของคนดูว่าทุกคนลุ้นมาก ให้ความสนใจมาก เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากรู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใคร รวมถึงในวันรอบชิงด้วยว่าสรุปทุเรียนเป็นใครกันแน่ แต่ผมว่ามันเป็นแพลนของทางรายการที่เขาอาจจะคุยกันแล้ว และด้วยเรื่องเวลา แต่ถ้าพูดในส่วนของผม ผมก็ทำหน้าที่ของผมดีที่สุดแล้วครับ

ได้อะไรบ้างจากการใส่หน้ากากมาร้องเพลง?

บุ๋ม : พี่มีความสุขมากกับการที่ได้ร้องเพลง พี่ได้เจอเพื่อนๆ กลุ่มใหม่ที่มาร่วมสนุก กลายเป็นว่าการใส่หน้ากากทำให้เราได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของหน้ากากแต่ละคน ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลย ในกลุ่มมีเกือบ 20 คนแล้วอะ แต่ไม่กล้าชวนพี่ดุ๋ง (พาที สารสิน) เข้ากลุ่ม กลัวเห็นความไร้สาระ (หัวเราะ)

เอ๊ะ : ผมว่าทำให้คนอื่นได้เรียนรู้ตัวเรามากกว่าว่าเราเป็นคนยังไง นิสัยยังไง ผมไม่ได้บอกว่าเป็นตัวอย่างได้หรือไม่ได้ แต่อยากให้ทุกคนมองว่าเราควรใช้ความเพียรยังไง ผมไม่ได้ทำเพราะว่าอยากประสบความสำเร็จ แต่ผมทำเพราะผมรัก ผมทำโดยไม่รู้สึกว่าเหนื่อย ผมไม่มีคำนั้นในหัว เพราะผมเล่นดนตรีมาตั้งแต่ได้เงิน ชม.ละ 75 บาท ผมมาเต้นกินรำกิน พ่อแม่ไม่ได้สนับสนุนอยู่แล้ว เครื่องดนตรีก็แพง ผมอยู่อาร์เอสกับแกรมมี่ก็เจอค่ายล้ม แต่ผมทำเพลงเพราะความรัก ผมไม่เหนื่อยกับมัน

เป๊ก : หนึ่งเลยคือได้โชว์ตัวตน โชว์สิ่งที่อยากจะโชว์ ที่ผ่านมาอาจจะมีโอกาสน้อยที่จะได้โชว์อะไรแบบนี้ให้คนเห็น ภายใต้หน้ากากคนก็ไม่รู้ว่าเราคือใคร เราก็อาจจะลดสิ่งที่เขาคิดไม่ดีกับเราออกไปแล้วเปิดใจรับฟังดนตรีอย่างแท้จริงครับ บางทีถ้าฟังเพลงเป๊ก ผลิตโชค บางคนอาจจะยังมีอคติเกี่ยวกับเรื่องที่ผมโดนมาตลอดเวลา ทำให้คนมองข้ามผลงานของเราไปครับ

ทอม : ตอนที่มารายการนี้ต้องบอกว่าเป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้เป็นตัวเองมากขึ้นครับ บางทีผมอาจจะกลัวและคิดมากว่าการที่เราจะร้องเพลงในแบบที่เราชอบแล้วไม่เคยร้องมาก่อน หรือเรื่องเราพูดหรือรีแอ๊กชั่นในการโต้ตอบกรรมการ เราอาจจะไม่กล้าทำอะไรแบบนี้กับคนที่เราไม่สนิทหรือไม่รู้จัก เรามัวแต่กลัวว่าจะดีไหม จะผิดไหม เขาจะว่าเรารึเปล่า นี่คือโอกาสที่ทำให้ผมได้เป็นตัวเองมากขึ้นครับ

ถ้าไม่ได้ประกวดรายการนี้ คิดว่าชีวิตตอนนี้จะเป็นยังไง จะเสียดายไหมถ้าไม่ได้มาประกวด?

บุ๋ม : ก็คงใช้ชีวิตยุ่งๆ ของพี่ตามปกติ ยังทำรายการทีวีเป็นพิธีกร คงไม่ได้ร้องเพลง คงไม่มีเด็กมายกป้ายไฟ คงไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตขนาดนี้ คงไม่ได้เจอเพื่อน ถ้าไม่ได้มาแข่งก็คงเสียดาย จริงๆ วันนั้นที่เขาติดต่อพี่เนี่ยเป็นคนสุดท้ายของสาย C เพราะหาคนไม่ได้ค่ะ

เอ๊ะ : ผมก็คงทำเพลงไปเรื่อยๆ รอหมดสัญญากับแกรมมี่แล้วค่อยขยับขยายอีกที ผมก็คิดว่าจะกลับไปทำเพลงร็อกเหมือนกัน คือยังไงก็อยากกลับไปทำเพลงร็อกอยู่แล้ว แต่ด้วยแรงสนับสนุนในตอนนี้ ผมก็ชวนปิ๊ดมาทำเพลงด้วย อย่างพี่โป่ง เดอะซัน ผมก็ขอบคุณที่เอาเพลง “อย่าหยุดยั้ง” มาร้อง พี่โป่งก็บอกว่าเอาไปร้องเลย ผมก็ขอว่าให้พี่โป่งทำเพลงได้ไหม เขาก็บอกว่าเอาเลยเดี๋ยวทำเพลงให้ ผมอยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงเก่าๆ แต่ดนตรียุคปัจจุบัน ทำดนตรีให้ล้ำขึ้นมาครับ ถามว่าถ้าไม่ได้ประกวดจะเสียดายไหม ผมไม่เสียดายนะเพราะจังหวะชีวิตเราไม่รู้หรอกว่าทำแล้วจะประสบความสำเร็จรึเปล่า ผมว่ารายการนี้เหมาะกับคนที่มีความอุตสาหะความเพียร ต้องทำการบ้านร้องเพลงเท่าไหร่ ต้องมาตั้งแต่เช้า กว่าจะได้กลับก็ดึก แล้วจริงๆ เราร้องสดนะครับ แต่คนไม่เห็นก็ชอบดูถูกทั้งที่ยังไม่เคยได้ลองทำดูเลย

เป๊ก : ชีวิตก็คงเป็นเหมือนเดิม สามารถเดินห้างได้ตัวปลิว (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ไม่ค่อยปลิวแล้ว ถามว่าจะเสียดายไหมถ้าไม่ได้มาประกวดรายการนี้ก็เสียดายมาก ดีใจมากที่วันนั้นตอบตกลงไปและให้คิวเขาไปครับ

ทอม : ก็คงเสียดายนะครับ เพราะผมก็คงยังคิดมากอยู่เหมือนเดิมว่าผมพูดแบบนี้จะเป็นอะไรไหม ผมทำแบบนี้เขาจะว่าอะไรรึเปล่าครับ คงเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ปกติผมอาจจะร้องลูกทุ่งอยู่กับบ้าน ผมอาจจะร้องเพลงเพื่อชีวิตเล่นๆ อยู่กับบ้าน ไม่เคยได้มีโอกาสทำหรือแสดงออกอะไรแบบนี้ครับ

พูดถึงมิตรภาพดีๆ ที่เกิดขึ้นของ 4 หน้ากากแชมป์ให้ฟังหน่อย?

บุ๋ม : กับอีก 3 แขมป์เราได้เจอกันบ่อยเพราะได้ร่วมงานหลายโชว์ แต่เขาก็เกรงใจเราเยอะเพราะเราเป็นผู้หญิงคนเดียวและเป็นคุณแม่ของทุกคน อย่างเป๊กจะขี้อ้อนมากหน่อย มุ้งมิ้ง ทั้งที่เราเพิ่งคุยกัน ทำให้รู้สึกว่าทำไมคนเราไปฟังข่าวทั้งที่ไม่เคยเจอตัวจริงเขาเลย ทั้งที่ตัวจริงเขาเป็นเด็กน่ารักมาก ขี้อ้อน เฮฮามาก แต่กับคนที่เขาไม่รู้จักจะให้เขาไปเฮฮามันก็ไม่ใช่ ซึ่งเราก็บอกเขาว่าไม่ต้องสนใจนะ ดาราที่เขาพูดไม่ชัดน่ะมันมีตั้งเยอะแล้วเขายังสตรองได้ แต่เป๊กเป็นเด็กที่แคร์ความรู้สึกคนรอบข้างมาก ที่ผ่านมาเขาเอาคำพูดคนมาเก็บไว้ในใจ เป็นเด็กเซ้นซิทีฟ เราก็บอกว่าเอาเฉพาะคำคนที่รักหนูมาเก็บไว้ในใจเท่านั้น ส่วนทอมไม่กล้ากวนแม่สักเท่าไหร่ แต่เรียบร้อยน่ารัก เป็นเด็กมุ้งมิ้ง คุยเล่นตลอด สบายๆ มาก ตอนนี้เป็นแชมป์แต่ทอมยังเป็นทอมเหมือนเดิม น่ารักมาก ส่วนเอ๊ะ จิรากร บุ๋มเป็นแฟนคลับเขามานานมาก เป็นนักร้องคนเดียวที่บุ๋มตามไปฟังเพลงเขาในผับทั้งที่เป็นคนไม่เที่ยวผับ เลยจำเขาได้มาตั้งนานแล้ว พอเขามาทักบนเวทีก็จำได้เลยว่าเอ๊ะแน่นอนเพราะไม่มีใครทักฉันแบบนี้ จริงๆ เขาเป็นคนนิสัยดีและสู้งาน ก่อนขึ้นคอนเสิร์ตเขาซ้อมตลอดเวลา ร้องเป็นร้อยๆ รอบ เขาให้ใจกับหน้ากากอีกาดำเยอะมากค่ะ

เอ๊ะ : อย่างพิธีกรคือกันต์เขามีความอึด ความเพียรพยายาม จำสคริปต์แม่นมาก เขาบอร์นทูบีกับการเป็นพิธีกรจริงๆ เรียงลำดับทุกอย่างขาดครับ ส่วนผลิตเนี่ย ผมกับเขาอยู่ในช่วงดิ่งลงสู่ความมืดมนของวงการเพลง มันเลยเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง มีอะไรก็ทำหมด เราร้องเพลงก็ขอแค่มีความสุขเท่านั้นพอ ผมก็รู้สึกว่าเขามีไฟ มีของมีทุกอย่าง เหลือแต่ให้คนเห็นคุณค่าเขาแค่นั้นเอง ส่วนพี่บุ๋มผมรู้ว่าพี่บุ๋มชอบการร้องเพลงมาก เคยไปบิ๊กเมาท์เท่นแล้วเจอกับผม เขามาเพราะอยากฟังเพลงแค่นั้นเอง เขามาผับแล้วเจอผมบอกว่าอยากมาฟังแกร้องเพลง นี่คือคนชอบร้องเพลงจริงๆ แล้วพี่เขาทำได้ ก็สุดๆ ล่ะคนนี้ กับทอมเนี่ยผมอยู่กับเขาตั้งแต่ทำอัลบั้มแรกๆ ทุกคนก็จะรู้ว่าเรื่องเพลงอาร์แอนด์บีเขาจะมีอินเนอร์เยอะมาก เขามีความพยายาม เจ๋งครบเครื่องอยู่แล้ว

เป๊ก : เรียกว่าเป็นครอบครัวเลยครับเพราะมีพ่อกา แม่มัง และมีตะมุตะมิอีก 2 ตัว คือพี่โจ้กับน้องทุ ก็น่ารักดีครับ พูดถึงคุณพ่อกาเป็นคนที่เต็มที่กับการทำงานมาก คือจริงๆ แล้วเขาร้องดีมาก ไม่ต้องกังวลอะไรเลยครับ แต่เขาก็จะมีความกังวลว่าเป็นไงบ้าง รู้สึกแย่ตอนเสียงไม่มา คุณแม่มังเป็นคุณแม่ที่น่ารัก เทคแคร์ตลอดเวลา ชอบสนทนาพูดคุย เอ็นดูน้องๆ และเฟซไทม์กับไลฟ์ตลอดเวลาครับ ส่วนน้องทุเรียนก็หลับตลอดเวลาเหมือนกัน หลับได้ทุกที่ เป็นคนตะมุตะมิน่ารักจริงๆ ครับ ร้องเพลงเก่งมากๆ ครับ

ทอม : ต้องบอกว่าถึงตอนนั้นที่เราแข่งขันกันแล้วต่างคนต่างไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร แต่เราก็ทำโชว์ออกมาได้ดี เราไม่ได้รู้สึกว่าเรามาแข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย เจอกันก็ทักทายด้วยเสียงที่เขาแปลง ทักทายกันแบบเป็นห่วง ให้กำลังใจกันว่าสู้ๆ นะ หลังเปิดหน้ากากทุกคนรักกัน ไม่รู้สึกว่าทำไมคนนี้ถึงชนะเรา ไม่มีข้อกังขาแบบนั้นเลย กลับดีใจที่ได้เห็นและเซอร์ไพรส์ว่าคนนี้มีความสามารถขนาดนี้เลยครับ

แฟนคลับจับคู่จิ้นเป็นครอบครัวหน้ากาก ลามไปถึงการจิ้นแนวสาววาย รู้สึกยังไงบ้าง?

บุ๋ม : ตอนนี้แม่มังเป็นศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเพราะรู้เรื่องเยอะสุด (หัวเราะ) ชอบเผาลูกไง คนอินเยอะค่ะ ทุกอย่างมันเป็นกระแส มันคงเป็นช่วงนี้แหละ ก็รู้สึกดีที่ให้การตอบรับ สนุกกับสิ่งที่เราเป็น ส่วนภาพที่แฟนๆ วาดแล้วชอบก็มีหลายอันนะ อย่างเรื่องหวงขนพ่อกาแล้วให้ไปดึงขนอีกาเผือกแทน ซึ่งน้องวาดรูปเก่งมาก และมีน้องๆ ส่งภาพวาดมาให้เยอะมากค่ะ ล่าสุดนี่มีนิยายมาด้วย ปลื้มใจมาก ถือว่าเป็นสีสันดีๆ ที่เราได้เห็นค่ะ

เอ๊ะ : ก็ฮาๆ ดีครับ ไม่ได้คิดอะไรเลย ก็ดีครับ เป็นกระแสที่ดี ขอบคุณที่ติดตามครับ ตกใจไหมไม่ตกใจ ชอบครับ เอาคนแก่ๆ มาเจอกันผมชอบครับ (หัวเราะ) ขำครับ สนุกดี ถามว่ามีภาพไหนที่ฮาสุด คงเป็นภาพที่อีกากินทุเรียนมั้งครับ (หัวเราะ) เป็นภาพที่มีจิกกัดหัวทุเรียน คือมีความดาร์คด้วย กัดแบบเลือดไหลเลย โหดอะ จะเรียกว่าน่ารักหรือโหดดีก็ไม่รู้อะ

เป๊ก : ก็ทุกคนคิดว่าเหมาะสมดีมั้ยล่ะ (ยิ้ม) ถามว่ารู้สึกยังไงที่ได้เป็นคุณหลวงผลิตก็โอเคนะ เป็นนักร้องแล้วได้เป็นคุณหลวงด้วย (หัวเราะ) ตอนนี้เรือนเยอะมากนับไม่ได้ ถ้านับเป็นตัวเลขนี่ไม่รู้เกิน 20 เรือนแล้วรึเปล่า แล้วมีเรือนนอกอีกอะ มีเรือนเมียน้อย เรือนเถื่อน เรือนเมียกระเป๋า มีเยอะครับ เขาก็สร้างกรุ๊ปของเขาแบบน่ารักมากๆ ผมก็ชอบมาก ขอบคุณมากๆ ที่ครีเอทีฟ แล้ว PFC เป็นแฟนคลับที่ตลกมาก ถ้าใครเข้าไปอ่านแล้วจะตลกอารมณ์ดี ถามว่ามีอันไหนฮาสุด คือมีอันที่เขาตัดต่อภาพคุณหลวงผลิตกับคุณหญิงอิศรา เข้าใจทำจริงๆ ตลกดี

ทอม : ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ให้ความสนใจและมีกระแสจิ้นด้วย ผมมองว่ามันดูน่ารักดีนะครับ ทุกคนรักเรา รักหน้ากากจิงโจ้ โพนี่ อีกา แม้กระทั่งมังกร ที่จิ้นให้เราเป็นครอบครัวกัน 4 คนพ่อแม่ลูก จิ้นผมเป็นแฟนกับโพนี่ จิ้นผมกับจิงโจ้ด้วย น่ารักดีครับ จริงๆ ต่างคนต่างปลื้มผลงานกันและกันอยู่แล้วครับ

เล่าเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับเพื่อนๆ หน้ากากให้แฟนๆ ฟังหน่อย?

บุ๋ม : ดาว ขำมิน หน้ากากเจ้าชายค่ะ เขาเป็นตัวโจ๊ก แต่ก่อนพี่เข้าใจว่าตัวจริงเขาไม่น่าจะมึน ที่ไหนได้มึนมาก เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาตลกโดยธรรมชาติของเขา แล้วทุกครั้งที่เขาเล่าอะไรมันต้องแปลซ้ำอีก 2 รอบ (หัวเราะ) อีกคนที่น่ารักมากคือก้อย รัชวิน หน้ากากหมูป่า เราก็คิดว่าเขาเป็นนางเอกจะคุยกับเราไหม ที่ไหนได้คุยเยอะมาก เป็นเด็กร่าเริงสดใสมากค่ะ

เอ๊ะ : อยากเม้าท์แตงโม นิดา หน้ากากพยาบาล คือเขาเก็บกด เขาถามว่าทำไมต้องมาเจอเธอด้วย คือผมกับโมเคยร่วมงานกันเพราะพี่เอกับพี่เซ้งสนิทกัน เจอกันหลายครั้งแล้ว แต่เขาโวยวายตามประสา เขาเป็นคนน่ารักครับ ผมก็บอกไปว่าพี่แก่แล้วให้พี่เกิดบ้าง (ยิ้ม)

เป๊ก : หน้ากากปลาหมึก เอมมี่ มรกต ครับ จริงๆ ผมเป็นเพื่อนสนิทเอมมี่มานานมาก 10 กว่าปี แล้วพอมาเจอบนเวทีจำกันไม่ได้ พอรู้แล้วก็แบบ...ผมอุทานเลยครับ รู้ว่าเขาร้องเพลงได้แต่ไม่รู้ว่าร้องเพราะขนาดนี้ ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาแต่ทำไมไม่รู้ว่าเป็นยู ก็เป็นอะไรที่ตลกดีครับ ตอนที่ไปแกล้งแล้วยังไม่รู้ว่าปลาหมึกเป็นใครก็ตลกดี คือเขาดูน่าแกล้งดี เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เรารู้สึกว่าเราอยากแกล้งเขา แบบหมั่นไส้อะ...ชุดเยอะเหรอ

ทอม : น่าจะเป็นหน้ากากอีกาดำมากกว่าครับ เพราะอีกาเดินไปขนก็จะหลุดตลอดเวลา มันมีอยู่ซีนนึงที่อยู่ในรายการแล้วขนหลุด ผมก็เก็บในรายการ แล้วพี่กันต์อาจจะมองไม่เห็น แต่จริงๆ ผมหยิบให้เฉยๆ แล้วโดนพี่กันต์ดุครับ เป็นหนึ่งอย่างที่มันเกิดขึ้นในระหว่างการถ่ายทำรายการ คือคอยเก็บขนให้อีกาดำนี่แหละครับ

สุดท้ายฝากแฟนๆ ติดตามรายการซีซั่น 2 และผลงานตัวเองด้วย?

บุ๋ม : ขอบคุณแฟนๆ แม่มังทุกคนค่ะ ก็ฝากรายการ The Mask Singer ซีซั่น 2 ด้วยนะคะ บอกได้เลยว่าตัวแกร่งๆ มาทั้งนั้นเลย และยังไงก็ติดตามผลงานของพี่กับรายการต่างๆ ที่ทำอยู่ รวมถึงคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นอีกหลายคอนเสิร์ตที่พี่จะไปแจม แล้วจะบอกข่าวผ่านทางไอจี @boompanadda นะคะ

เอ๊ะ : ขอบคุณทุกคนที่ติดตามผมด้วยนะครับ ส่วนใน The Mask Singer 2 ผมทิ้งทายาทไว้ 1 คนคือหน้ากากอีกาเผือก แล้วเรามาคลี่คลายอีกทีว่าเขาคือใคร และในซีซั่น 2 น่าจะเจอผมอยู่เพราะผมทิ้งทายาทไว้ ผมต้องกลับมาดูแลทายาทผมด้วย คนในซีซั่น 2 มีความสามารถเยอะครับ ความสนุกตื่นเต้นทุกอย่างยังมีเต็มที่ ส่วนผลงานผมน่าจะมีผลงานกับพี่ปิ๊ด บอดี้สแลม น่าจะได้ฟังเร็วๆ นี้ ส่วนปลายปีน่าจะมีผลงานกับพี่โป่ง เดอะซัน กับเพลงยุคเก่าแต่ดนตรีใหม่ๆ ล้ำๆ ครับ

เป๊ก : ขอบคุณแฟนคลับทุกคนด้วยนะครับที่เป็นกำลังใจให้ผมเสมอ ทั้งแฟนคลับดั้งเดิมที่อยู่มาตั้งแต่ 12 ปีที่แล้วที่ผมออกอัลบั้มแรกแล้วไม่ทิ้งกัน และแฟนคลับใหม่ที่เพิ่งมาก็ขอต้อนรับนะครับ ขอบคุณที่ซัพพอร์ตผมอย่างเต็มที่ ผมมีความสุขมากๆ ที่ได้เจอทุกคน เห็นทุกคนช่วยร้องเพลงและมาให้กำลังใจเยอะขนาดนี้ เหมือนฝันเลยแต่ไม่ใช่ฝัน ตอนนี้เป็นความจริงแล้ว ดีใจมากๆ ครับ ส่วนผลงานของผมเร็วๆ นี้จะมีเพลงใหม่ ก็กำลังเร่งทำอยู่ครับ ส่วน The Mask Singer ซีซั่น 2 แซ่บและมันส์ไม่แพ้ซีซั่น 1 ครับ คิดว่าน่าจะสนุกมากๆ เลยเพราะผมเห็น 3 คนแล้วแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครครับ

ทอม : ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบหน้ากากทุเรียนครับ ก็ฝากด้วยนะครับสำหรับรายการ The Mask Singer ซีซั่น 2 ผมเชื่อว่ามันต้องสนุกกว่าเดิมแน่นอน ใครเป็นใครก็ไปรอลุ้นกันครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง ก็ขอให้ชมอย่างมีความสุข ขอให้ทุกคนมีความสุขและเอ็นจอยกับรายการครับ และติดตามผลงานของ Room 39 ด้วยนะครับ.