Inside Dara
สลัดคราบ'เพียงดาว'ปะทะ'ดีนี่''บี-พิงค์กี้'ไขความลับซุป'ตาร์

หากพูดถึงละครที่ตีแผ่ชีวิตเบื้องหลังวงการบันเทิง เชื่อว่า "มารยาริษยา" เป็นต้นแบบของละครที่กล้านำเสนอแง่มุมร้อนแรงหลังม่านมายา ถูกนำมาร้อยเรียงเป็นพล็อตเรื่องสุดประทับใจ เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน "มารยาริษยา" กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชั่น 2012 นำแสดงโดย "บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์" รับบท "เพียงดาว" ประชันฝีมือกับสาว "พิงค์กี้-สาวิกา ไชยเดช" รับบท "ดีนี่" วันนี้เราจะมาพูดคุยกับเธอทั้งคู่ รับประกันความแซบเว่อร์แน่นอน!!


ละครร้อนแรงแห่งปี
กระแสตอบรับละครเรื่อง มารยาริษยา เป็นอย่างไรบ้าง

พิงค์กี้ : กระแสดีมาก จะมีคนที่ติดตามดูละครจากทุกสายงานเลย ทั้งวงการแฟชั่น หรือดาราด้วยกันเอง ส่วนใหญ่ทุกคนจะบอกว่าทำไมใจร้ายจัง อย่างกี้จะไม่ค่อยได้ดูละครย้อนหลัง แต่แม่กี้จะบอกว่า ดูเอาเองเถอะ ความร้ายของเธอมันมากขนาดไหน (หัวเราะ) เรียกว่าแม่อินจัดมาก เขาดูแล้วชอบทำหน้าหยิ่งใส่กี้ด้วยนะ เพราะเขาสงสารเพียงดาว ส่วนใหญ่คนจะชื่นชมเราในลักษณะที่ว่าเราเล่นได้ร้ายดี

บี : คือด้วยคาแรกเตอร์คนจะรู้สึกนิดหนึ่งว่า ทำไมเพียงดาวโง่จัง ไม่ต้องคนอื่นหรอก ขนาดตัวบีเองยังรู้สึกเลย (หัวเราะ) แต่คนดูจะเอาใจช่วย ทุกวันนี้คนไม่เรียก "บี" น้ำทิพย์ แต่จะเรียกเราว่า เพียงดาว คนจะเอาใจช่วยให้เราผ่านพ้นไปให้ได้ ซึ่งถ้าเป็นชีวิตจริงเราจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน


เครียดไหมเวลาที่ต้องเล่นบทบาทปะทะอารมณ์กันรุนแรงขนาดนี้

บี : ถ้าอย่างของบีเครียดนะ บีรู้สึกว่ามันเข้าถึงยาก เพราะในบทเราต้องรู้สึกว่า ฉันเป็นนางพญา เป็นซูเปอร์สตาร์ คิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองรู้สึกมากขนาดนั้น เพราะเวอร์ชั่นแรกพี่นก (สินใจ เปล่งพานิช) เขาเล่นเอาไว้ดีมาก แต่เวอร์ชั่นบี การเล่าเรื่องจะไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะโดนเปรียบเทียบ แต่ในส่วนของนักแสดง บีคิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว

พิงค์กี้ : ในฐานะนักแสดงบทของดีนี่ ถือว่าเป็นบทที่ยากมาก กี้คิดว่าเหมือนเราจะได้ก้าวผ่านกำแพงความคิดว่า เราเป็นนางเอกจะต้องเล่นบทเรียบร้อย ซึ่งกี้เคยผ่านมาแล้ว เราอยากจะลองทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ และจะทำให้ดีที่สุด กี้รู้สึกว่าถ้าคนดูอินกับละครแล้วด่าเราออกมา ถึงจะเรียกว่ามาถูกทางแล้ว กี้จะรู้สึกดี ถือว่าเป็นคำชมสำหรับเรา


บทบาทที่ได้รับแตกต่างจากชีวิตจริงมากไหม

บี : นิสัยขี้วีน ขี้เหวี่ยงนี่ไม่ใช่เลย แต่ว่าอาชีพนางแบบเราได้ทำตรงนี้ และอยู่ในวงการนี้มานานแล้ว ค่อนข้างจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกอย่างหนึ่งคือชีวิตจริงบีไม่หูเบาเลย (ยิ้ม) ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในละครที่ป้ากบ (ธงธง มกจ๊ก) มาด่าเราว่า อีแก่หนังเหี่ยว ขนาดนั้น ป้ากบคงไม่รอดแล้ว (หัวเราะ)

พิงค์กี้ : สำหรับกี้ส่วนที่เหมือนดีนี่คงเป็นในเรื่องของการเป็นคนทำงานเหมือนกัน แต่นิสัยอื่นๆ ไม่เหมือนเลยนะ เพราะดีนี่เป็นพฤติกรรมห้ามเลียนแบบ (หัวเราะ) ตัวดีนี่จะไม่เรียกว่าเป็นคนแรง แต่เรียกว่าเป็นคนที่สามารถเอาตัวรอดได้ในสังคม โดยไม่มีใครรู้ และไม่มีใครจับได้


คิดว่าคนดูจะได้รับอะไรจากละครเรื่องนี้ แล้วทำไมถึงจะต้องดู

บี : สิ่งที่คนดูจะได้รับชัดเจนมากคือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งในชีวิตของเพียงดาวก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นคนดีเต็มร้อย เขาทำทุกอย่างโดยใช้อารมณ์นำก่อนเหตุผล ถ้าใครไม่ได้ดั่งใจจะเหวี่ยง เพราะรู้สึกว่า ฉันทำทุกอย่างดีที่สุด เพอร์เฟกท์ที่สุด แล้วทำไมเธอจะทำให้เพอร์เฟกท์อย่างฉันไม่ได้ เป็นคนไม่ค่อยให้เกียรติใคร วันหนึ่งพอได้มาเจอกับดีนี่ ที่มาแอ๊บใส่ ทำให้เราแพ้ภัยตัวเอง เรื่องนี้จะทำให้รู้ถึงนิสัยของคนสองประเภทที่ไม่มีตรงกลาง สุดท้ายเพียงดาวจะได้รับบทเรียน เพราะพื้นฐานเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่การแสดงออกอาจจะไม่ถูกต้อง กว่าจะรู้ตัว ก็ต้องได้รับผลของการกระทำเยอะเหมือนกัน

พิงค์กี้ : ตัวละครทั้ง 2 ตัว เหมือนเป็นกระจกสะท้อนว่าสิ่งไหนควรทำ และสิ่งไหนไม่ควรทำ กี้ว่าถ้าเรามีความโกรธแค้น เราต้องมองผ่านและปล่อยไปบ้าง บทสรุปสุดท้ายของดีนี่ ที่ไม่มีความกตัญญู ถึงขนาดเขี่ยคนที่คอยช่วยเหลืออย่างป้ากบทิ้ง ตอนแรกอาจจะยังไม่เห็นผลกรรม แต่สุดท้ายกรรมที่ตามมาจะหนักมากกว่าไม่รู้กี่เท่า


ความเหมือนในความแตกต่าง
รู้สึกอย่างไรที่มีคนเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นก่อน

พิงค์กี้ : กี้ว่ามันนานาจิตตัง เอาเป็นว่าแค่เขาดูละคร เราก็แฮปปี้แล้ว ส่วนเขาจะคอมเม้นต์ว่าชอบของเก่ามากกว่าหรืออย่างไรก็ตาม เราถือว่าเขาได้ดูแล้ว และนั่นเป็นความคิดเห็นของเขา

บี : บีเป็นแฟนคลับละครเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก กลายเป็นภาพติดตาที่เราจำได้ แต่อย่างที่บอกเวอร์ชั่นนี้ อาจจะเปลี่ยนไปตามลักษณะของการเล่าเรื่อง คือโครงเรื่องยังเหมือนเดิม แต่บางรายละเอียดอาจจะไม่เหมือนกัน เรื่องการเปรียบเทียบต้องมีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา


เคลียร์ข่าวเม้าท์ในกองถ่าย
มีกระแสข่าวออกมาว่า บีทะเลาะกับผู้กำกับ "บุ๋ม-รัญญา ศิยานนท์"

บี : คืออันนี้งงมาก (ยิ้ม) ข่าวก็คือข่าว ความจริงไม่เคยทะเลาะกันเลย เวลาถ่ายละครเสร็จเรายังนั่งคุยกันและปาร์ตี้กันต่อ ขนาดถ่ายละครจบยังมีนัดปาร์ตี้กันเลย

พิงค์กี้ : ขอยืนยันว่ารักกันมาก เราจะมีกรุ๊ปในโทรศัพท์กัน มีพี่บุ๋มด้วย ยังไลน์คุยกันอยู่เลย พิงค์กี้มีข่าวว่าคุณแม่ไปยุ่งวุ่นวายในกองละคร

พิงค์กี้ : คือคุณแม่มีเอาอาหารไปให้ในกองถ่ายเป็นเรื่องปกติ แล้วก็มีข่าวออกมาว่าคุณแม่ยุ่ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริงเลย

บี : เรื่องนี้บีช่วยยืนยันได้ว่า ไม่จริงนะ (หัวเราะ)


เปิดม่านมายา
อยู่วงการบันเทิงมานาน คิดว่าได้รับอะไรจากวงการนี้บ้าง

บี : ตอนแรกบีเข้ามายังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นจะไม่ค่อยสนใจโลกที่เปลี่ยนไปเท่าไหร่ เพราะยุคนี้คนมักจะบอกว่า มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะมาก เด็กรุ่นเก่าจะหายไปหรือเปล่า แต่เรารู้สึกว่าเรายังทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว


วงการทุกวันนี้กับเมื่อก่อนแตกต่างกันเยอะไหม

บี : ถามว่าแตกต่างมั้ย จะพูดยังไงดี เรียกว่ามีความแตกต่างตามยุคตามสมัยมากกว่าอยู่ที่ว่า เราจะควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยุคสมัยนี้สิ่งฉาบฉวยเยอะ เราต้องควบคุมตัวเองให้ได้แค่นั้นเอง

สลัดคราบนางเอก
ตัวตนของบีเป็นคนอย่างไร

บี : บีเป็นคนมีโลกส่วนตัวเยอะมาก เพราะเราทำงานในวงการ อย่างเล่นละครต้องคิดเยอะ ทุกอย่างเยอะไปหมด พอเราอยู่บ้านจะตีกรอบให้ตัวเองผ่อนคลาย เพราะเราอยากพักสมอง พักจิตใจบ้าง บีจะไม่หลงแสง สี เสียง หรืออะไรต่างๆ เลย ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับเรา เมื่อก่อนเคยเป็นยังไง ปัจจุบันบียังเป็นอย่างนั้น มีเพื่อนก็คบกันอยู่แค่นี้ คือเราเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามานะ แต่เรารู้ตัวเองว่าควรจะอยู่ตรงไหน ทำอะไรประมาณไหน ไม่ใช่ว่ากระแสละครเรื่องนี้ดัง แล้วฉันจะเหลิง เพราะฉันดัง นั่นไม่ใช่บีแน่นอน


มีอะไรที่อยากจะบอกน้องๆ ที่อยากจะอยู่วงการได้อย่างยาวนาน

บี : ความจริงแล้ว ถ้าอยากจะทำงานในวงการ ต้องถามตัวเองก่อนว่า เรารักอาชีพตรงนี้จริงหรือเปล่า หรืออยากเข้ามาแบบฉาบฉวย แค่อยากหาสตางค์ อย่าไปคิดแค่นั้น เพราะอาชีพนักแสดงถ้าเรารักมัน เราจะอยู่กับมันได้นาน อย่างบีรักอาชีพตัวเอง เราอยากจะทำให้คนนิยมชมชอบในเรื่องของการทำงาน แต่เราไม่อยากให้คนมาโฟกัสเรื่องส่วนตัว อยากให้เขาโฟกัสที่เรื่องผลงานมากกว่า


เวลาบีโดนถามเรื่องส่วนตัว รู้สึกอึดอัดหรือเปล่า

บี : ไม่อึดอัดนะ อย่างที่บอกว่า ถ้าเป็นเรื่องอะไรที่เราตอบได้ แล้วไม่น่าเกลียด เราสามารถพูดได้ แต่อย่างบางที เราต้องไปพูดเรื่องของคนอื่น หรือบุคคลที่สาม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรา ขอไม่ออกความเห็นดีกว่า

ค้นหัวใจสาวสวย
เรื่องหัวใจกับไฮโซฮิม เป็นอย่างไร นี่เป็นบุคคลที่สองไม่ใช่บุคคลที่สาม (ฮา)

บี : (ยิ้ม) จริงๆ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรายังคงสถานะความเป็นเพื่อน คุยกันปกติเหมือนเพื่อนผู้ชายทั่วไป อย่างที่เคยบอกทุกครั้ง เขาไม่ใช่คนในวงการ เราอยากให้เขามีชีวิตส่วนตัวมากกว่า สำหรับบีเราเข้าใจที่คนอยากจะรู้เรื่อง บีสามารถตอบได้ แต่เราจะตอบเท่าที่เราพูดได้เท่านั้นเอง คิดว่าสถานะตอนนี้โอเคมากๆ เราอยากจะทำอาชีพตรงนี้ และอยากจะให้คนสนใจในเรื่องของผลงานมากกว่า บีชัดเจน (หัวเราะ) แต่ถ้าถามเรื่องแต่งงาน ยังไม่ได้คิดอยู่ในหัว เพราะคิดแค่เรื่องงานและครอบครัว มาก่อนเลย


หัวใจของพิงค์กี้ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

พิงค์กี้ : เหมือนที่พี่บีบอก ครอบครัวและงานมาเป็นอันดับแรก สำหรับกี้ยังต้องโตขึ้นไปเรื่อยๆ ณ ปัจจุบัน เรายังไม่มีเวลาเอาไปให้ใคร ทำงานเสร็จกลับบ้านนอน เราขอทำงานของเราไปเรื่อยๆ ก่อน แต่กี้ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะให้เราไปเจอกับใครในอนาคตบ้าง เรื่องความรักก็มีเพื่อนๆ เป็นแม่สื่อให้บ้าง แต่เรายังมีความสุขกับสถานะแบบนี้ เราขออยู่อย่างนี้ดีกว่า


กระแสข่าวกิ๊กกับ "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" สรุปความสัมพันธ์เป็นอย่างไร

พิงค์กี้ : กับไมค์คือเราเป็นเพื่อนกัน ข่าวเกิดมาจากการที่ไมค์เอารูปไปโพสต์ลงอินสตาแกรมเล่นๆ ปกติ แต่จริงๆ ไม่ได้มีอะไรเลย เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว คือ ณ อายุตอนนี้ กี้สามารถมีแฟนหรือคนรักได้แล้ว แต่สำหรับกี้เราพอใจที่จะอยู่แบบนี้ไปก่อน เพราะไม่ได้คิดเรื่องนี้เท่าไหร่


จบเรื่องเม้าท์ของ "เพียงดาว" ขาวีน กับ "ดีนี่" แอ๊บแตก ขอย้ำว่า วีนและแอ๊บ แค่ในละครเท่านั้นนะจ๊ะ