Inside Dara
ฉีกบทบาทท้าทายครั้งสำคัญก้าวสู่ขั้นที่เติบโตของ‘วิว’

เป็นนางเอกสาวที่มีผลงานหลากหลายอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “วิว” วรรณรท สนธิไชย ล่าสุดเธอได้รับบทบาทการแสดงที่ท้าทายไปอีกขั้นกับการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก “เทค มี โฮม (Take me home) สุขสันต์วันกลับบ้าน”

ผลงานล่าสุด
ภาพยนตร์ “Take me home สุขสันต์วันกลับบ้าน” บทบาทเป็นอย่างไร

วิวเล่นเป็น “ทับทิม” มีน้องชายชื่อ “แทน” รับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ ในเรื่องวิวเป็นผู้หญิงที่มีหลายบุคลิกในคนเดียวกัน มีความลึกลับซับซ้อน มีอารมณ์หลายแบบมาก มันมีอะไรที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้สักอย่างหนึ่ง ท้าทายดี เราอยากลองเล่นอะไร ที่เราไม่เคยเล่นอยู่แล้ว อยากเล่นอะไรที่มันยากขึ้น อยากรู้ว่าเราจะสามารถทำมันได้ไหม ได้ไปเวิร์กช็อปกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) และพี่โขม (ก้องเกียรติ โขมศิริ) ได้นั่งอ่านบทกับโอ้ รู้สึกว่าคาแรกเตอร์มันยาก จริงๆ มันเหมือนมนุษย์ทั่วไป ว่าวันนี้อยากได้สิ่งนี้กับใคร คนนี้เราอาจจะต้องพูดดีๆ ด้วย คนนี้เราอาจจะต้องเข้มใส่ เป็นคนที่เหมือนมีความคิดเยอะ มีความปรี๊ด พอจะปรี๊ดก็ปรี๊ดไปเลย มีอารมณ์เหวี่ยงขึ้นมา ถ้าได้เห็นจากตัวอย่างหนังจะเห็นว่า แต่งเป็นหลายหน้ามากเลย เป็นอะไรที่ทำให้บทนี้มีความน่าสนใจ รับรองว่าแฟนๆ ได้ความขนลุกกันจริงจัง เพราะพี่โขมบอกว่าตั้งใจทำหนังผีแบบจริงๆ ทุกคนจะได้ดูหนังผีแนวใหม่ ได้คิดไปตามเรื่อง มีอะไรให้คาดเดาที่คุณจะคาดเดาไม่ออกกันแน่ๆ ไปดูเอาความสนุก ไปดูความรักจากครอบครัว จากพี่-น้อง เราจะเติมเต็มความอบอุ่นใจให้ในตอนสุดท้าย ในเรื่องความหลอน หลอนแน่ๆ กลับบ้านไปต้องมีหนาวๆ ว่าคนที่บ้านเป็นคนหรือไม่

ร่วมงานกับ มาริโอ้ เป็นอย่างไรบ้าง

เคยเจอกันมาแล้วในหนัง “จันดารา” วิวไปเล่นรับเชิญ แต่แทบจะไม่ได้เจอกันเลย อันนี้มาร่วมงานกันแบบเต็มตัว สนุกดี อาจจะเป็นเพราะว่าเรามีอาจารย์คนเดียวกัน เป็นลูกศิษย์หม่อมน้อยด้วยกัน เลยมาทางเดียวกัน หม่อมพูดว่า ตั้งแต่เห็นบทครั้งแรกแล้ว รู้สึกว่า วิวกับโอ้ มีบางมุมที่คล้ายกัน มีความที่เหมือนเป็นพี่น้องกันได้ เล่นแล้วเชื่อ โอ้เขาเป็นคนที่เปิดรับ แล้วเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ ต่างคนต่างช่วยกันได้ดี เรื่องนี้นักแสดงเด็กก็เยอะ หนูนึกว่าเป็นหนังเด็ก แต่ทุกคนเก่ง ทำงานกับเด็ก แต่ไม่ปวดหัวเลย น้องเขาเล่นเก่งกันเลย น้องๆทำงานกลางคืนกันด้วย แต่ไม่มีใครงอแงเลย มีแต่อยากจะถ่ายหนังกัน อุปสรรคเรื่องนี้ น่าจะเป็นการต่อสู้กับความง่วงมากกว่า เพราะเรื่องนี้เราถ่ายทำกันตอนกลางคืน ถ่ายตั้งแต่เช้า ยันเช้าอีกวันหนึ่งเลยก็มี สิ่งที่ต้องเตรียมตัว คือพลัง ไม่ให้หมดพลังไป แต่โชคดีว่าวิวเป็นคนที่ เวลาตื่นเต้นแล้วจะมีพลังเยอะ ตอนทำงานจะเป็นคนที่บ้าพลัง และในกองสนุกสนานกันมาก

ด้วยความที่เป็นหนังผี ได้เจออะไรแปลกๆ ในกองบ้างไหม

ไหว้กันตั้งแต่แรกเลย จุดธูปกันกี่ดอกก็ไม่รู้ วิวเป็นคนกลัวผีมาก ตอนแรกที่แม่ให้อ่านบท หนูหันไปบอกแม่ว่า แม่ วิวไม่อ่านตอนกลางคืน ที่ไม่ยอมอ่าน เพราะว่าพี่ที่เขาทำบทมา มีรูปประกอบให้ด้วย เพื่อความสมจริง เพื่อให้เรานึกภาพออก เลยอ่านไม่จบ แล้วก็กลัว วันแรกที่ได้ไปเจอพี่โขม ถามพี่โขมว่า นี่มันหนังผีเหรอ เพราะตอนแรกวิวนึกว่าเป็นหนังฆาตกรรม โรคจิต คือ หนูกลัวผี ไม่อยากเล่น ไม่เคยเล่นหนังผี ละครผีเลย วิวจะบอกเลยว่า ไม่เล่น ไม่เอาเลย เพราะว่าตามกองละคร เขาชอบเจอกัน ชอบเล่ากัน เลยคิดว่า ไม่เอา จนพอมาเจอเอง ตอนถ่ายทำ เราไม่กลัวนะ เพราะมีคนเยอะ หนูจะไม่ไปไหนคนเดียวแน่ๆ ก็เลยรอด ปลอดภัย พกพระด้วยตอนถ่ายทำ ก็ไม่ได้เจออะไร แต่ว่าตอนที่ได้มาดูตอนตัวอย่างหนัง เราก็กลัว มันน่ากลัวมาก

ศาสตร์ของการแสดงหนัง ต่างจากละครอย่างไร

หนังจะเป็นอะไรที่เรียลกว่า แต่เรื่องนี้มันมีสิ่งลี้ลับ มันเลยไม่ได้เป็นธรรมชาติขนาดนั้น การถ่ายทำมันจะต่างกัน เทคนิคจะต่างกันหน่อย และเพื่อนร่วมงานอย่างโอ้ หรือว่าพี่ปีเตอร์ (นพชัย ชัยนาม) เป็นนักแสดงสายหนังจริงๆ เราก็จะรู้สึกว่า เขาเล่นกันแล้วเราเชื่อ และหนังมันไม่ต้องรอคิว แต่ต้องรอจังหวะ อย่างตัววิวอาจจะติดมาจากละคร ด้วยกล้องที่ตัดไปตัดมา มันต้องรอคิว แต่หนัง คือ ถ่ายไปเลย ถ่ายคิวแรกอาจจะงงๆ ว่า จังหวะมันไม่เหมือนกัน แต่พอถ่ายไปเรื่อยๆ สิ่งแวดล้อมจากคนที่เขาเคยเล่นหนังมา ก็ช่วยเรา

ผลงานต่อจากนี้
ผลงานละครจะมีอะไรให้แฟนๆ ได้ติดตามกันบ้าง

มีละครที่ถ่ายปิดไปแล้ว มี ในเล่ห์เสน่หา A love to kill (รักซ่อนแค้น) เรื่องนี้ดราม่ามาก เคยดูในเวอร์ชั่นเกาหลี ชอบมาก มาเวอร์ชั่นไทยยังคงบ่อน้ำตาแตก แต่ว่ามันไม่เหมือนกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้เนอะ และเขามีปรับแต่งให้มันมีอารมณ์แบบคนไทย พี่หนุ่ม (อรรถพร ธีมากร) เจ๋งอยู่แล้ว ถ่ายกันแบบหนังเลย และมี สัญญาแค้นแสนรัก ปิดไปหมดแล้วทั้ง 3 เรื่อง นอกจากนี้มี คลับฟรายเดย์ เดอะซีรีส์ ที่กำลังจะเปิด มี แต่ปางก่อน รักฝุ่นตลบ ก่อนหน้านี้วิวหายหน้าไปเยอะแล้ว เพราะไปถ่ายละคร จนคนนึกว่าไม่เล่นละครแล้ว ต่อไปก็จะได้เห็นวิวกันอย่างต่อเนื่อง

ผู้ใหญ่ให้โอกาสได้ลองบทบาทที่หลากหลาย และมีงานอย่างต่อเนื่อง คิดว่าเขาเห็นอะไรในตัวเรา

คิดว่าผู้ใหญ่คงเห็นว่าเราพัฒนาขึ้นบ้าง สามารถรับผิดชอบคาแรกเตอร์ของตัวเองได้ เลยให้โอกาสทำงานต่อ ถือว่าเป็นความโชคดี ที่เด็กใหม่ก็ยังแก่ไม่เท่าหนู เพราะว่าคนในรุ่นหนูมันไม่มีใคร (หัวเราะ) ก็เลยได้จังหวะพอดี ที่จะได้กวาดบทโตๆ มาหมดอะไรอย่างนี้ คือจริงๆ ทุกคนได้งานหมดแหละ แต่ว่าเราเหมือนเป็นจังหวะที่ดี ที่ได้งานต่อเนื่องกันพอดี ก็เลยดูเหมือนเยอะ มันเป็นจังหวะพอดี เป็นโอกาสที่ดีมากกว่า ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่มอบโอกาสให้ ส่วนจะได้เห็นวิวร่วมงานกับช่องอื่นบ้างไหม จริงๆ มีติดต่อมา แต่อย่างที่บอกว่า ต้องดูบท ถ้าเกิดว่ามีโอกาสก็เล่นแน่นอน

ด้วยความที่มีทีวีดิจิทัลเข้ามา มองวงการเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ทุกอย่างมาเร็วไปเร็ว คนจะลืมความละเอียด ทุกอย่างอยากให้เร็ว อยากให้มีความแปลกใหม่ แต่เราต้องอย่าลืมคุณภาพ วิวว่าสุดท้ายแล้ว ทุกๆ อย่างมันไปไวมาก สิ่งที่ทำให้เรายังอยู่ได้และไม่ไปตามมัน คือ สติ เราต้องคุมมัน อย่าไปตามมัน

วิวเข้ามาในวงการตั้งแต่ยังเป็นรุ่นน้อง แต่มาวันนี้กลายเป็นรุ่นพี่ไปแล้ว

เราทำงานตลอดทุกวันจนไม่รู้ว่า เวลามันผ่านไปเร็วมากๆ พอมานับก็ 8 ปีแล้วที่เราทำงานในวงการนี้ เราจะไม่รู้ตัวเลยจนกว่าจะสังเกตคนรอบข้าง มีคนเรียกเราว่า พี่ แล้วไหว้เรา จนหนูเริ่มที่จะหาคนไหว้ไม่ได้แล้ว กลายเป็นคนรับไหว้อย่างเดียวเลย เราก็ทำใจ ตามสภาพไป ไม่ได้กลัวว่าจะมีคลื่นลูกใหม่มาแล้วจะเป็นยังไง มันก็เป็นไปตามรุ่น แต่ว่าบทบาทที่ให้เราเล่นก็ยังคงมีอยู่ แล้วได้รับบทที่ยากขึ้น ได้พัฒนาขึ้น ได้บทหลากหลายขึ้น ที่ตอนเด็กเราก็ยังไม่สามารถเล่นบทแบบนี้ได้ มันก็ยิ่งทำให้เรารู้ว่า ยิ่งเวลาผ่านไปไวขึ้น เรายิ่งอยากจะทำทุกอย่างให้เต็มที่

อยากเรียนอะไรเพิ่มเติม และอยากทำอะไรอีกไหม

อยากเรียนภาษาเยอะๆ เผื่อไปทำงานที่ต่างประเทศด้วย เดี๋ยววิวจะมีโปรเจกท์ไปที่จีน ต่อไปอาจจะได้ไปจีนมากขึ้น เคยไปงานแฟนมีตติ้งที่จีน มีแฟนคลับเยอะมากจนเราตกใจ เขาเป็นแฟนละครของเรา ตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าเขาจะสนใจ แต่เขาติดละครไทยมาก เพราะว่าละครไทยเราไปดังที่นั่น เลยอยากจะพูดอะไรได้บ้าง บางทีเขาติดต่อเรามา แต่เราคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง คงต้องเรียนเพิ่มขึ้น ได้มีโอกาสคุยกับพี่ป้อง (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ) พี่ป้องก็บอกว่าดีนะ เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง นอกจากนี้ วิวมีทำเป็นเครื่องประดับ ทำกับคุณแม่ ทำมาประมาณ 1 ปีแล้ว กระแสดีนะ ขนาดยังไม่เริ่มจริงจัง แค่ขายในไอจี ก็ขายได้เรื่อยๆ ชื่อแบรนด์ว่า “Keira”

เรื่องของความรัก
ตอนนี้หัวใจดูเป็นสีชมพู หลายคนจับตามองความสัมพันธ์กับ “หน่อง” ธนา ฉัตรบริรักษ์

ดีนะ อาจจะเหมือนไม่ค่อยมีอะไรให้เห็น แต่ที่จริงแล้ว วิวเป็นปกตินะ คนน่าจะเห็นจนชินแล้ว อย่างเวลาไปข้างนอก เราก็จะเป็นปกติ เพียงแต่ว่าไม่ค่อยได้ลงโซเชียลอะไร เพราะว่าไม่อยากให้คนมาวุ่นวาย คือเราแค่ทำเรื่องส่วนตัว ให้มันเป็นเรื่องส่วนตัว คนเขาก็จะเหมือนให้เกียรติ เว้นว่างเราไว้ ส่วนมากเราไปลงอะไรในโซเชียลมากกว่าที่ทำให้คนได้เห็นอะไรแบบนี้ วิวรู้สึกว่า ทุกวันนี้เราโตแล้ว มันควรจะใช้โซเชียลให้ถูกต้อง ใช้ในเรื่องงาน แต่ในเรื่องส่วนตัว วิวไม่ได้ปิดอะไร ยังเป็นปกติ คงเป็นเพราะเราโตขึ้น เหมือนเราไม่ได้ไปตามกระแส ไม่ได้ตื่นเต้นไปตามคอมเม้นต์ต่างๆ ไม่ได้สนใจข่าวอะไรแบบนี้ เหมือนปล่อยมันไป คือ ถ้างานเราดี แล้วเราทำตัวดี มันจะไม่ค่อยมีผลอย่างอื่นในด้านที่ไม่ดี สถานะ เป็นคนที่คุยๆ กัน ไม่ได้ปิด แต่ว่าความพิเศษ มันคงเป็นไปตามระยะเวลา ถ้ายิ่งนาน เราก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น

หลายคนมองว่า หน่อง ค่อนข้างติสต์ มีปรับอะไรอย่างไรบ้าง

คนชอบถามวิวว่า คุยกันรู้เรื่องมั้ย คำถามนี้เลย คือ คุยกันเข้าใจเหรอ (หัวเราะ) เขาก็ปกติแหละ แต่ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้เปิดกับทุกคนมาก กับคนอื่นเลยอาจจะได้รู้จักเขาแค่นี้อะไรอย่างนี้ แต่จริงๆ เขาเป็นคนชิลๆ เป็นคนธรรมชาติๆ วิวว่าแบบนี้ดีแล้ว ไม่ต้องหวือหวา เป็นตัวของเราเอง ด้วยความที่เขาเข้ามาเป็นยังไง ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นคนที่เข้ามาแต่แรกด้วยความพิเศษเลย ก็จะทุ่มเต็มที่ แล้วจะค่อยๆ หายไป ลดไป แต่อันนี้คือเราเป็นแบบนี้กันตั้งแต่แรก มันเป็นเหมือนกับว่าเราโตแล้ว ไม่ได้เป็นปั๊ปปี้เลิฟ ไม่ได้รีบอะไรกัน ค่อยๆ ศึกษากันไปดีกว่า


นี่แหละตัวตนและวิธีคิดสไตล์ “วิว” วรรณรท
เธอชื่อ : วรรณรท สนธิไชย
ชื่อเล่น : วิว
เกิดวันที่ : 10 เมษายน พ.ศ. 2532
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
ผลงานที่ผ่านมา : ความลับของซูเปอร์สตาร์ แก้วล้อมเพชร ดอกรักริมทาง มาลัยสามชาย สายน้อย สุดสายป่าน เล่ห์นางฟ้า ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน : ภาพยนตร์ เทค มี โฮม (Take me home) สุขสันต์วันกลับบ้าน