Inside Dara
ธรรมมะเปลี่ยน “ตั๊ก” “แม่” แฮปปี้ลูกเป็นคนใหม่

เป็นอีกหนึ่งคู่แม่ลูกที่ตัวติดกันมาก ๆ แถมยังมีวีรกรรมแซบ ๆ ด้วยกันเยอะ เรียกว่าเป็นคู่แม่ลูก ดุ เด็ด เผ็ด มัน เลยก็ว่าได้ สำหรับ ตั๊ก-บงกช คงมาลัย และ คุณแม่ชนาภา ชีพนุรัตน์ แต่ ณ วันนี้ความดื้อรั้นของตั๊กหายไป สร้างความชื่นใจให้คนเป็นแม่มาก ๆ เป็นเพราะอะไรที่ตั๊กเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เพราะมีธรรมะเข้ามาหนุนนำจิตใจ จากภาพสาวขี้วีน กลายมาเป็นคนใจเย็นและเข้าใจทุกสิ่งได้มากขึ้น


อะไรทำให้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?

ตั๊ก : ตั๊กก็เริ่มรู้สึกว่าอยากให้แม่เขามีความสุข พอเขามาไม่สบาย ตั๊กก็มาคิดว่า บางทีเราทะเลาะกัน เราดื้อ เขาก็คงไม่มีแรงมาทะเลาะกับเรา ไม่เหมือนแต่ก่อนเด็ก ๆ ที่ทะเลาะกันง้องแง้ง ๆ ก็เลยคิดว่าเราก็ยอมเขาดีกว่า ตามใจเขาได้ก็ตามใจ เป็นเพราะตั๊กอายุมากขึ้นด้วย ตั๊กไปถือศีลเลยได้เรียนธรรมะ จริง ๆ แล้วเรื่องธรรมะเนี่ยมันอยู่ที่ใจเราด้วยนะ แล้วตอนนั้นตั๊กก็เหมือนกับกลัวว่าแม่จะเป็นอะไร ตั๊กก็เลยรู้สึกว่า เราอยากจะปรึกษาใครที่เขาให้คำตอบเราได้ ปลอบใจเราได้ พอเราเข้าไปในทางธรรมะ ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนทำใจ แต่ก็ไม่อยากให้แม่ไม่สบาย อยากให้เขาเหมือนแต่ก่อน แต่เราโตขึ้นทุกวัน แม่เขาก็ต้องแก่ลงทุกวัน

แม่ : เวลานี้นะให้เพชรให้ทอง ไม่ต้องการ อยากให้เขาเป็นคนดีและอยากให้เขาเชื่อฟังเรา และให้เขามีเหตุผลขึ้น อันนั้นต้องการมากที่สุด ตอนนี้บอกว่าให้เอาไปเลย 100 ล้าน แต่ให้ตั๊กเหมือนเดิม ไม่เอา เป็นแบบนี้ดีแล้ว ตอนนี้แม่เป็นโรคหัวใจ และแม่ไม่ได้เป็นโรคเดียว ตอนนี้เขาก็ทำให้แม่ได้ทุกอย่างเลย ไม่กระทบกระเทือนตรงไหนเลย ช่วงนี้แฟนก็ไม่มี เขาก็ไม่เคยออกไปเที่ยวเหมือนแต่ก่อนเลย อยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้ที่เขาไปก็มีแต่สายบุญอย่างเดียว

ตั๊ก : ทุกคนต้องเคยทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม บางทีเราก็มั่นใจในสิ่งที่เราคิด แต่แม่เขาจะคอยบอก คอยเตือน แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ห่วงเรานั่นแหละ เพียงแต่ว่าเราจะมองว่าเขาทำไมไม่เชื่อเรา เหมือนไม่ไว้ใจเรา หรือทำไมเขาถึงได้ฟังคนอื่น มันก็มีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา พอตอนนี้แม่เขาป่วยเราก็ไม่อยากจะขัดเขา อะไรที่เขาอยากให้เราทำ เราก็ทำ เขาเคยพูดกับตั๊กมานานแล้วว่าอยากให้ตั๊กเลิกติดเพื่อน แม่ก็เคยพูดว่าอย่าไปเลย เราเป็นผู้หญิง อีกอย่างเพื่อนก็ไม่ได้ดูแลเราได้เสมอไป เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย บางทีเราทำงานเราก็เหนื่อยแล้ว จะต้องไปเที่ยวทำไม ตั๊กก็เลยคิดได้ว่าอะไรที่ทำให้แม่ได้ก็อยากจะทำ ก็เลยเริ่มที่จะไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนในสถานที่อโคจร อย่างแม่เคยบอกว่า มีแฟนน่ะมีได้ แต่อยากให้มีใครคนใดคนหนึ่งที่แบบว่าคบกันไปนาน ๆ เลย แล้วเขาก็เหมาะสมกับตั๊ก แม่จะได้ไม่ห่วง เราก็เลยมานั่งคิดว่า ถ้าเรามีแฟนตอนนี้ เราอาจจะยังไม่รู้ว่าเขาจะเหมาะหรือไม่เหมาะ ตั๊กก็เลยยังไม่มี คือเหมือนกับเอาสิ่งที่เขาพูดเอามาคิด เอามาทำให้เขา เมื่อก่อนเขาก็พูดมานานแล้ว แต่ไม่คิดจะทำ แต่ด้วยความที่ยึดถือความเป็นตัวของตัวเองด้วย และเชื่อว่าเราก็มีชีวิตของเรา อะไรที่เรามีความสุขเราก็ทำ อยากให้แม่เขายอมรับในสิ่งที่เราเป็นบ้าง ให้เขารู้บ้างว่า นี่ก็ชีวิตวัยรุ่นคนหนึ่งไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้คิดจะแต่งงานด้วยซ้ำ แต่ว่าบางทีก็เป็นเรื่องเป็นราวกันไป

ทุกวันนี้มีคนเข้ามาจีบไหม?

ตั๊ก : ก็มีค่ะ แต่ตั๊กก็เหมือนคุยเป็นเพื่อนทั้งหมดค่ะ ช่วงนี้ตั๊กไม่ค่อยจะคิดมากเรื่องจะคบใคร คือด้วยความที่เราเริ่มโต ตั๊กกำลังตั้งบริษัทที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ เพิ่งเป็นผู้กำกับเรื่องแรกด้วย ก็เลยอยากทำตรงนี้ให้ดี อยากให้ประสบความสำเร็จด้วย อยากที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา ด้วยความที่เรายังไม่เจอคนที่ใช่ด้วยแหละ แม่ยังบอกเลยว่าถ้าเจอคนที่ใช่ทุกอย่างก็คงลงตัว


แม่อยากได้ลูกเขยแบบไหน?

แม่ : ไม่คิดอยากได้ใครเลย เพราะผู้ชายสมัยนี้มันหายากมากที่มันจะมีใจเดียว สมัยนี้นะเขาบอกว่า คนดีชอบแก้ไข คนหลายใจชอบแก้ตัว ดูอย่างแม่สิ คนเรามันเคยเจ็บมาก็ไม่อยากให้ลูกเจ็บ แต่ลูกจะมีแฟนก็ได้นะ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตั๊กเขาเป็นคนที่แบบว่าอารมณ์บางครั้งเขาก็เกิดนะ ถามว่าถ้าไปมีครอบครัวเขาศึกษาดีพอไหม ไม่พอหรอก อยากให้เขาโตกว่านี้อีกนิดหนึ่ง เขามีชื่อเสียงขนาดนี้ เป็นดารา 30-40 ก็ยังไม่สายที่จะแต่งงาน


ทุกวันนี้ยังเป็นห่วงตั๊กเรื่องอะไรมากที่สุด?

แม่ : ก็หลายเรื่องนะ เรื่องงานนี่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะเขาไปได้ดีมาก ที่เป็นห่วงและนอนคิดทุกวันเลยคือ ถ้าตั๊กเขาไปมีครอบครัว ปกติเขาอยู่กับเรา แม่กับลูกก็เถียงกันเป็นของธรรมดา แล้วถ้าเกิดเขาไปมีครอบครัว แล้วครอบครัวนั้นเขาไม่เคยโดนเถียง แล้วตั๊กเขาเคยเถียงแม่ เขาไม่ยอม เขาเป็นตัวของเขาเอง ก็เลยห่วงกลัวจะเข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้ พ่อแม่พี่น้องผู้ชายจะรับได้ไหม ก็เลยอยากจะให้เขาศึกษาตรงนี้ไปนาน ๆก่อน คนเรามีแล้วเลิกก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนครั้งเดียว ถ้าศึกษากันตอนเป็นแฟนกันไม่ดีก็เลิกกันได้ แต่ถ้าแต่งไปแล้วก็ไม่ดี เพราะการเป็นแม่ม่ายมันก็ดูไม่ดี

ตั๊ก : แม่เขาเลี้ยงตั๊กเหมือนเด็ก คือจะคอยห่วง กลัวไปหมด ซึ่งเขาไม่ได้คิดว่า ในภายภาคหน้าในอนาคตเราไม่ได้อยู่ตลอด วันหนึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม มันก็ต้องมีชีวิตต่อไป เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่อยากให้แม่เขาเข้าใจคือ อยากให้เขารู้ว่า ถ้าเขามั่นใจว่าเขาเลี้ยงตั๊กมาดี เขาก็จะต้องมั่นใจว่าลูกเราต้องดีได้ คือตั้งแต่วัยรุ่นทุกคนต้องเป็นอยู่แล้ว คือติดเพื่อน แต่พอเข้า 25-26 ก็คิดได้ แต่ก่อนตั๊กก็คิดว่าเราทำอันนั้นผิดพลาดจังเลย เราเสียใจจังเลย เหมือนกับนั่งจมอยู่กับความทุกข์ที่เราทำ แต่พอตั๊กไปถือศีล ก็มีแม่ชีคนหนึ่งมาพูดกับตั๊กนะว่า จะไปเสียใจทำไม คนเราจะรู้จักตัวเองได้ก็ต้องลืมตัวเองก่อน จะได้รู้จักตัวเอง มันเป็นธรรมชาติ

ธรรมะสามารถเปลี่ยนคนได้โดยอัตโนมัติ?

ตั๊ก : ธรรมะมันตอบคำถามได้ทุกอย่าง เรามีปัญหาชีวิตแล้วเราแก้ไขได้ เพราะเราไปเรียนรู้ธรรมะ เวลาที่เราทุกข์ใจหรือมีอะไรที่แก้ไม่ได้ ธรรมะแก้ได้นะ เราต้องเข้าไปศึกษาจริง ๆ เข้าไปทำความเข้าใจว่า เราเกิดมาได้ยังไง ตายยังไง แล้วตายไปแล้วไปไหน คือตอนวัยรุ่นตั๊กไม่เคยเกิดคำถามเหล่านี้ แต่พอเริ่มโตมา พอมีความทุกข์ก็จะคิดว่าเราเกิดมาทำไม ทำไมไม่ตายไปนะ แล้วเริ่มหาแล้วว่าจะตายเมื่อไหร่ คราวนี้เลยเริ่มเข้าธรรมะแล้ว พอเริ่มกลัวว่าคนใกล้ตัวจะเสียไป ทุกวันนี้ตื่นมาก็ต้องมีภาวนาสวดมนต์ ถ้าไม่ว่างจริง ๆ ก็สั้น ๆ วันเทศกาลก็ต้องชวนแม่ไปนั่งสมาธิกัน มันทำให้ใจเราสงบนิ่ง มันทำให้ร่างกายเรารู้สึกดี สดชื่น ควบคุมจิตเราไม่ให้คิดมาก ตั๊กเป็นคนคิดมากไงคะ แต่พอนั่งสมาธิแล้วสบาย


การทำงานตอนนี้เหมือนขยับขั้นขึ้นมาเป็นผู้กำกับ?

ตั๊ก : จริง ๆ แล้วตั๊กก็ชอบภาพยนตร์อยู่แล้ว ต้องบอกว่าการที่ตั๊กเข้ามาในวงการบันเทิงได้ เพราะแม่เป็นคนผลักดันแล้วก็เป็นความฝันของแม่มากกว่า ตั๊กไม่เคยฝันว่าตั๊กอยากเป็นนักแสดงหรือดารา แต่พอเข้ามาปุ๊บ เราก็มีความสุขและก็ได้มาเรียนรู้ศึกษามันจนเรารัก พอได้มาเล่นหนังปุ๊บ ก็เลยคิดว่าอยากจะเล่าในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เลยคิดอยากทำภาพยนตร์อาจจะเป็นเพราะเราดูหนังเยอะ และเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับงานภาพยนตร์เยอะ ก็เลยอยากทำ ซึ่งการทำงานก็ยากง่ายแตกต่างกันไปกว่าการเป็นนักแสดง การเป็นผู้กำกับจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด เสื้อผ้าเราต้องการอะไร เราจะต้องรู้เรื่องแอ๊คติ้งการแสดง เราจะได้ไปแนะนำคนอื่นเขาได้ แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานหน้ากล้องค่ะ จริง ๆ แล้วก็เป็นเหมือนงานร่วมกันไป ทุกวันนี้เหมือนตั๊กจะถูกเฟดตัวออกมาจากบทนางเอก?

ตั๊ก : ตั๊กก็ไม่รู้สึกว่าตั๊กเฟดตัวออกมา แต่ตั๊กได้เล่นบทที่มันแตกต่าง ก็ยังได้เล่นในสิ่งที่อยากเล่นอยู่ เพียงแต่ว่าอยากให้คนได้ลองชมภาพยนตร์ก่อน แล้วค่อยถามดีกว่าว่าเป็นยังไง เพราะว่าถ้าได้ดูตัวภาพยนตร์แล้วจะได้รู้ว่าใครเป็นนางเอก อย่างเรื่อง “จันดารา” ตั๊กก็รู้อยู่แล้วว่า หม่อมน้อยก็ทำหนังที่มีหลายคนเล่นอยู่แล้ว คือตั๊กไม่ค่อยซีเรียส แต่ก่อนตั๊กอาจจะเล่นบทนำคนเดียว แต่ก็เล่นมาหมดแล้ว บางทีเราคนเดียวก็อาจจะเหงา ถ้าเกิดตัวเรานำเดี่ยว ๆ ทั้งเรื่อง คนก็อาจจะเบื่อ หนังก็อาจจะไม่สนุกก็ได้ เรื่องนี้อาจจะต้องเล่น 2 คน เรื่องนี้อาจจะต้องเล่นหลาย ๆ คน มันก็แล้วแต่เรื่อง

แม่ : แม่อยากให้เขาเล่นเป็นตัวประกอบบ้างก็ดี มันจะได้แตกต่าง เพราะเมืองนอกนะ ต่อให้ไม่ได้เป็นนางเอก แต่เล่นฉากเดียวแล้วสำคัญก็มี “จันดารา” เนี่ย มีดาราดัง ๆ เล่นเยอะ แต่บางคนเล่นแค่ฉากเดียวก็มี หนังบางเรื่องตั๊กเขาก็ไม่รับนะ แม่บอกว่ารับไปเลย แกจะมาเล่นเป็นนางเอ๊ก นางเอก อยู่ได้ยังไง ประเทศไทยเดี๋ยวนี้เขาไม่มีกันแล้ว ไม่ได้เล่นเป็นตัวนางเอก แต่เล่นเป็นตัวเอกก็โอเค

ตั๊ก : ตั๊กไม่มายด์นะตรงนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นนางเอก บางคนอาจจะคิดว่าตั๊กอายุมากขึ้นหรือเปล่า คือมันก็คิดได้นะ แต่ว่าตั๊กก็คิดว่าตั๊กอยู่ตรงนี้ได้ เพราะมันเป็นอาชีพเรา เราเป็นนักแสดง เราก็เล่นหนังเล่นละครของเราไป ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องเล่นคนเดียว เด่นที่สุด อย่างละครตอนนี้บางทีก็มีนางเอก 3 คน

ดูเป็นคู่แม่ลูกไม่หวานแหวว?

ตั๊ก : คนอาจจะคิดว่าทำไมแม่ลูกคู่นี้ทำไมเถียงกัน ตั๊กก็เป็นอย่างนี้กับแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ที่บ้านก็จะไม่มานั่งหวานใส่กัน จะคุยกันแบบบ้าน ๆ แต่ก็มีอยากมีฟิลแบบหวาน ๆ ใส่กันนะ อย่างหอมเนี่ย แม่เขาก็จะไม่ให้หอมแล้ว เราก็จะแบบทำไมไม่ให้หอมอะ อยากหอม ทำไมไม่หวานเลย แต่แม่เขาก็จะแบบจั๊กกะจี๋


ณ วันนี้ความเข้าใจระหว่างแม่ลูกมีมากน้อยแค่ไหน?

แม่ : เข้าใจมาก เวลาเขาอ่อนลงเราก็เงียบ แม่อาจจะพูดไม่หวาน แต่ตอนนี้ก็เข้าใจเขา สงสารเขา ตอนนี้ยิ่งสงสารเขา เพราะเขาก็ดูแลแม่อย่างดี แม่อยากจะไปไหนเขาก็พาไป บางทีเขาเองก็เอาใจมากจนแม่รำคาญเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ตั๊กเนี่ยเวลาเขาจะไปไหน ทุกเช้าเขาจะเข้าไปในห้องแม่ ไปกราบเท้าก่อน ไปจูบเท้า จูบแก้ม แล้วเขาก็ไป เขาเป็นอย่างนี้ประจำ เขาทำมาแต่ไหนแต่ไร กลางคืนทะเลาะกับแม่ ด่ากันเจ็บแสบขนาดไหน แต่เช้ามาจะต้องเข้าไปทำอย่างนี้

ตั๊ก : ก็รู้ว่าแม่เขาก็ห่วงเรา แม่เขาก็หวังดี ถึงแม้อาจจะไม่หวานกับเรา เขาคงอยากให้เราเข้มแข็งมั้ง แต่ว่าตอนนี้ก็โตก็เข้าใจแล้ว ก็อยากให้เขาอย่าไปมองอะไรที่มันแง่ร้ายมาก ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง ก็ถูกสอนมาให้มองโลกในแง่ดี แล้วก็ทำความเข้าใจกับทุก ๆ อย่าง แต่แม่เขาเคยผ่านอะไรมา เคยเจ็บอะไรมาเขาก็จะจำ แล้วจะแบบว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นกับชีวิตเขาอีก แต่ก็อยากบอกให้แม่รู้ว่า ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปเจออีกนี่ เราอยากให้เขามองโลกในแง่ดี เขาจะได้มีความสุข

เห็นสาวตั๊กเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ต้องยอมรับเธอจริง ๆ และถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคู่แม่ลูกที่อาจไม่เข้าใจกันในตอนแรก แต่ถ้ามีใครยอมใครสักคน ความเข้าใจก็จะเกิดขึ้น และทำให้ครอบครัวมีความสุขมาก ๆ