Inside Dara
2558 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง! 'จบ เจ๊ง จอด จาก' วงการบันเทิงปรับตัวเพื่ออยู่รอด!

2558 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป นับได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงมากมาย "บันเทิงไทยรัฐออนไลน์" รวบรวมเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงตลอดปี 58 อาทิ นิตยสารบันเทิงล้มหายตายจาก ปรับตัว หรือขายทิ้งเพื่อความอยู่รอด, การปิดตัวของค่ายหนังดัง "จีทีเอช", ดาราดังติดปีกอิสระไม่ต่อสัญญา ฯลฯ

เดินทางผ่านเวลามาจนใกล้หมดเวลาปี พ.ศ. 2558 แล้ว หากจะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงไทยปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว เพราะมีหลากหลายเรื่องราวที่ทำให้เห็นถึงสัจธรรมที่ว่า “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สรรพสิ่งไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน” ดังนั้น การยอมรับความเปลี่ยนแปลง การปรับตัว หรือการหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อความอยู่รอด และในวันนี้ “บันเทิงไทยรัฐออนไลน์” รวบรวมเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในวงการบันเทิงมาฝากกัน

เป็นข่าวช็อกของวงการสื่อบันเทิงเลยทีเดียว เมื่อเหล่านิตยสารบันเทิงชื่อดังทยอยปิดตัวลง เพราะพิษเศรษฐกิจ และพฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนจากสื่อสิ่งพิมพ์มาเป็นสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยเริ่มจากนิตยสาร “ซุบซิบ” ที่ปิดตัวลงเมื่อกลางปีที่ผ่านมา คงเหลือเพียงนิตยสาร “ซุบซิบ HOT” รายปักษ์ 15 วันเท่านั้น จากนั้นถึงคิวของนิตยสาร “Oops!” ที่ต้องโบกมือลาแผงหนังสือในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่เว้นแม้แต่นิตยสาร “OHO” ที่ต้องบ๊ายบายวงการสื่อบันเทิงไปด้วย ขณะที่นิตยสารบันเทิงยักษ์ใหญ่ "ทีวีพูล" ก็ต้องปรับตัวเองด้วยการหันมาทำ Free Copy เร่แจกตามย่านรถไฟฟ้า ขณะที่นิตยสารในเครือทีวีพูลนั้น "Spicy" ก็เตรียมทำ Free Copy เช่นกัน ส่วน "สตาร์นิวส์" มีการยุบกองบรรณาธิการและโยกไปให้พนักงานที่ยังเหลือทำควบ

ส่วนนิตยสารแฟชั่น “เปรียว” ก็อำลาแผงหนังสือสิ้นปีนี้เช่นกัน ในขณะที่นิตยสารแฟชั่นดัง “LIPS” ต้องปรับตัวขยายธุรกิจผลิตนิตยสารแจกฟรี 2 เล่ม คือ LIPS GARCON และ LIPS LOVE คู่กับนิตยสารลิปส์ และที่ทำให้หลายคนตกใจไปตามๆ กันคือการที่ อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม บิ๊กบอสค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตัดสินใจขายกิจการสิ่งพิมพ์ในเครือแกรมมี่ทั้งหมด ได้แก่ นิตยสาร Image, In Magazine, Madame Figaro, Maxim, Her World และ Attitude รวมมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ให้กับ บริษัท ซีทรู จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทออร์กาไนเซอร์รับจัดงานอีเวนต์ และประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยเป็นธุรกิจส่วนตัวของ นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชียด้วย

อีกหนึ่งข่าวช็อกวงการส่งท้ายปลายปี 2558 ก็คือการตัดสินใจปิดค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ "จีทีเอช" หรือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างจีเอ็มเอ็ม พิกเจอร์, ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ หับ โห้ หิ้น บางกอก หลังผลิตผลงานทั้งภาพยนตร์ ละคร ซิทคอม และซีรีส์ออกสู่สายตาคนดูมานานกว่า 11 ปี ทั้งที่ในความจริงธุรกิจกำลังไปได้สวยทีเดียว แต่เพราะวิสัยทัศน์ในการบริหารที่แตกต่างกันในกลุ่มผู้ถือหุ้น จึงทำให้เหล่าผู้บริหารค่ายตัดสินใจปิดตัวบริษัทลงอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 และในคอนเสิร์ตส่งท้าย "Star Theque GTH 11 ปีแสงคอนเสิร์ต" แม้ภาพโดยรวมจะออกมาไม่ประทับใจคนดูสักเท่าไร แต่ไฮไลต์สุดท้ายของคอนเสิร์ตที่เป็นคลิปวีดิโอเพลง "ทุ้มอยู่ในใจ" ที่ร่วมร้องโดยเหล่านักแสดงภาพยนตร์ รวมถึงซีรีส์ต่างๆ ของจีทีเอช ก็สร้างความประทับใจปิดท้ายตำนานจีทีเอชให้คนดูไม่น้อย ถึงแม้จีทีเอชจะปิดตัวลงไปแล้ว แต่ผลงานต่างๆ ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ก็สร้างความประทับใจ และอยู่ในความทรงจำของคนดูทุกคนอยู่เสมอ

ซึ่งล่าสุดแฟน GTH ไม่ต้องตกใจเพราะการจากไปครั้งนี้จากรายงานข่าวระบุว่ามีเพียง วิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่จากไปเพราะความไม่ลงตัวในเรื่องการต้องการนำ GTH เข้าตลาดหุ้น แต่ทางหุ้นส่วนที่เหลือมองว่าทางค่ายยังไม่พร้อม สุดท้ายจึงเดินทางใครทางมัน แต่! ทุกฝ่ายของ GTH ยังคงอยู่มีเพียง "คุณวิสูตร" ที่เดินออกไป ทั้งนี้การทำหนังทุกอย่างยังเดินหน้าได้ตามปกติ ขณะที่ซีรีส์ก็ทำป้อนให้กับช่อง GMM25 และช่อง One แทนช่อง GTH ออนแอร์ที่ถูกปิดตัวลง

เป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว ที่ทีวีดิจิตอลเมืองไทยนำเสนอรายการข่าวสารบันเทิงต่างๆ ให้คนไทยได้ชมกันอย่างเต็มรูปแบบ และดูเหมือนว่าศึกทีวีดิจิตอลจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาปี 2558 ที่ผ่านมา หลายต่อหลายช่องงัดกลยุทธ์จุดแข็งของช่องตัวเองออกมาต่อสู้กันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะความบันเทิงทางด้านละครและซีรีส์ ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด มีทั้งละครแนวตลาดที่เอาใจคนดูส่วนใหญ่ ซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์ดังจากต่างประเทศมาดัดแปลงบท และให้นักแสดงไทยมาเล่น ไปจนถึงทำซีรีส์เนื้อหาเข้มข้น เอาใจกลุ่มคนดูที่ไม่ชอบอะไรแบบเดิมๆ

ส่วนรายการต่างๆ ก็มีการแข่งขันอย่างเข้มข้นเช่นกัน ทั้งซื้อลิขสิทธิ์รายการมาจากต่างประเทศ ครีเอตรายการใหม่ๆ ดึงเรตติ้งจากคนดู ฯลฯ ซึ่งเรตติ้งของช่องหลักทั้งช่อง 3, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์ ไม่พ้นถูกแชร์ฐานคนดูไปยังช่องทีวีดิจิตอลอื่นๆ ที่มาแรง จนเรตติ้งลดลงไปตามๆ กัน และทำให้มีผลต่อการซื้อโฆษณาของเอเจนซี่ที่ถูกแชร์ไปยังช่องทีวีดิจิตอลอื่นๆ ด้วย เนื่องจากช่องทีวีดิจิตอลค่าโฆษณาถูกกว่าช่องยักษ์ใหญ่ อีกทั้งยังมีแฟนๆ ช่องที่เหนียวแน่นอยู่บ้าง

แต่ที่กลายเป็นข่าวช็อกวงการทีวีดิจิตอลอย่างแรง หนีไม่พ้นกรณีช่อง "ไทยทีวี (THV)" และ "LOCA" ภายใต้การบริหารของบอสใหญ่ทีวีพูล ติ๋ม พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ที่ต้องปิดตัวไป เนื่องจากขาดทุนอย่างหนัก และมีข่าวว่าไฮโซทายาทกาแฟหมื่นล้าน กึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ จะมาเทกโอเวอร์ ไทยทีวี แต่สุดท้ายกึ้งก็ให้สัมภาษณ์แบ่งรับแบ่งสู้ และยืนยันว่ายังไม่มีการตกลงตามที่มีข่าวแต่อย่างใด

เรียกว่ากลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในหมู่ดาราไปซะแล้ว สำหรับการไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม เพื่อเป็นนักแสดงอิสระ สามารถร่วมงานได้ทุกที่ เพราะในยุคนี้ทีวีดิจิตอลมีหลากหลายช่อง ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักแสดงอิสระที่สามารถร่วมงานกับค่ายใดก็ได้ โดยไม่ติดขัดเรื่องสัญญา และน่าสังเกตว่าช่องทีวียักษ์ใหญ่อย่างช่อง 7 สี ดูเหมือนจะเสียดุลไปพอสมควร เพราะนักแสดงดังๆ ที่เรียกกระแส และเรตติ้งให้ช่องมาตลอด ไม่ต่อสัญญาหลายคน ซึ่งในปีนี้มีดาราพร้อมใจเป็นนักแสดงอิสระกันเพียบ อาทิ อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์, ต่าย นัฐฐพนธ์ ลียะวณิช, เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์, แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่, กันต์ กันตถาวร, พีช พชร จิราธิวัฒน์, กิ๊ฟซ่า ปิยา พงศ์กุลภา, กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์, โฟร์ ศกลรัตน์ วรอุไร, เอมี่ กลิ่นประทุม ฯลฯ แต่เป็นอิสระแล้วรุ่งหรือร่วง งานนี้คงต้องดูกันยาวๆ เพราะตัวอย่างทั้งรุ่ง และร่วงก็มีให้เห็นมาเยอะแล้ว

เดี๋ยวนี้จะหวังงานในเมืองไทยอย่างเดียวก็อยู่ยาก เพราะดาราคลื่นลูกใหม่มีเยอะเหลือเกิน ณ พ.ศ.นี้เป้าหมายของดาราไทยไม่ได้มองใกล้ๆ แค่ดังใน "ไทยแลนด์" แต่เขาๆ เธอๆ มองไกลปรับตัวและเปลี่ยนแปลง สู้ตาย! พาตัวเองเขย่งก้าวกระโดดให้ดังไกลไปทั่วเอเชีย

งานนี้เหล่าดาราตัวท็อปของเมืองไทยเลยขอโกอินเตอร์ไปเจอแฟนๆ ต่างชาติ เพื่อสร้างงานในต่างแดนบ้าง โดยเฉพาะในประเทศจีนนั้น ถือว่าตลาดละครไทยกำลังไปได้สวยทีเดียว เพราะละครไทยหลายต่อหลายเรื่องที่ฉายในเมืองจีนได้รับกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาดาราไทยได้รับเชิญให้ไปพบปะแฟนๆ ที่จีนอยู่บ่อยๆ แถมยังได้มีโอกาสร่วมงานกับค่ายหนัง ค่ายละครที่นั่นอีกด้วย ซึ่งบรรดาคนดังของไทยที่มีโอกาสโกอินเตอร์ไปร่วมงานในเมืองจีนมีหลายคน อาทิ ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์, มาริโอ้ เมาเร่อ, เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ, มิน พีชญา วัฒนามนตรี, สน ยุกต์ ส่งไพศาล, ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, ออม สุชาร์ มานะยิ่ง, นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี, มิกค์ ทองระย้า, พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีดาราไทยที่ได้ร่วมงานกับประเทศในเอเชียหลายคน อาทิ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข ที่มีโอกาสร่วมงานเพลงที่ญี่ปุ่น, ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่ถูกทาบทามให้เล่นภาพยนตร์ที่อินเดีย ก็รอเคลียร์คิวตัวเองว่าจะสามารถไปร่วมงานภายในต้นปี 2559 ได้หรือไม่, ปอย ตรีชฎา มาลยาภรณ์ ที่มีผลงานภาพยนตร์ในฮ่องกง ฯลฯ เรียกว่านอกจากจะมีงานมีเงินจากการโกอินเตอร์แล้ว ยังถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย

ปี 2558 กำลังจะผ่านพ้นไป ปี 2559 กำลังจะเข้ามา ก็ต้องมาดูกันต่อว่าปีหน้าฟ้าใหม่ จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในวงการบันเทิง รวมไปถึงวงการสื่อให้ติดตามกันอีก บอกได้เลยว่าอย่ากะพริบตา เพราะอาจมีเซอร์ไพรส์ที่คิดไม่ถึงมากกว่านี้รออยู่ก็ได้!!.