Inside Dara
“กวินท์- ปุ้ย” เปิดใจทั้งน้ำตา เล่าชีวิตคู่สุดกดดันคนจับตาคู่รักเน็ตไอดอลต้องมีความสุขตลอดเวลา

เรียกว่าเป็นคู่รักที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยกันมาเยอะจริงๆ สำหรับนางแบบ-เน็ตไอดอลดัง "ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา" ศรีภรรยาสุดแซ่บของนักร้องหนุ่ม "กวินท์ ดูวาล" เพราะกว่าที่จะตัดสินใจแต่งงาน ทั้งคู่ก็เคยเลิกกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะทัศนคติการใช้ชีวิตที่ต่างกันมาก แต่สุดท้ายเพราะหัวใจที่ไม่เคยเลิกรักกัน จึงทำให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีและลงเอยด้วยการแต่งงาน ซึ่ง กวินท์ และ ปุ้ย ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ที่ทั้งคู่อยากมาออกรายการนี้มาก เพราะกำลังเจอปัญหาชีวิตคู่ที่หาทางออกไม่ได้ ทั้งที่ยังรักกันจะช่วยกันหาวิธีแก้ไขอย่างไรไม่ให้รักต้องเจอทางตัน ภายใต้ความกดดันคนจับตาคู่รักเน็ตไอดอลต้องมีความสุขตลอดเวลา

ปุ้มปุ้ย : อยากมาขอคำปรึกษา พี่อ้อย-พี่ฉอดมาก ยอมรับชีวิตหลังแต่งงานเจอปัญหาหนัก หน้าฉากที่คนเห็นโมเมนต์น่ารัก แต่ชีวิตจริงไม่ใช่ พร้อมเผยปัญหาการปรับตัวชีวิตคู่กับสามี เจอไลฟ์สไตล์ความต่างทั้งเรื่องมุมมองความคิดและการมีเวลาให้กัน โดยเฉพาะปัญหาสามีติดเกมส์ทำให้มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้งบั่นทอนชีวิตรักของทั้งคู่และยังหาทางออกไม่ได้ เพราะต่างคนก็มีเหตุผลของตัวเอง

ปุ้มปุ้ย : เรื่องเล่นเกมส์เป็นเรื่องหนึ่งที่ ปุ้ย รู้สึกว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ บ้านหลังใหญ่ขึ้น แต่กลายเป็นว่า ขนาดเราแต่งงานแล้วเรายังเหมือนคนที่เหงาที่สุดเลย มีบ้านหลังใหญ่ ประสบความสำเร็จ แต่ทำไมต้องมานั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียว ขนาดที่แฟนเล่นเกมส์

ถาม ชีวิตคู่ของคนจริงๆไม่ได้มีภาพที่หวานสวยที่สุดหรอก ข้างหลังมันอาจจะมีอะไรก็ตามที่เป็นชีวิตจริงของคน ไม่ใช่ไม่รักกันนะ แต่คนสองคนมีความต่างยังไงก็ตามมันอาจจะใช่ความเข้าใจเยอะมาก แต่มันจะถูกไหมที่เวลามีปัญหาคือ เราเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า บ้านมันอาจจะเงียบ แต่ความกรุ่มๆข้างใน มันอาจจะเก็บกดก็ได้นะ

กวินท์ : คือ ผมมาถึงจุดที่ไม่ได้แล้ว เป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว เขาไม่ชอบไม่เป็นไร แต่มันจะต้องคุยกันหลังจาก สมมุติว่าเราทะเลาะกันหลังจากนั้นเราต้องเคลียร์กัน เพราะว่าถ้าไม่เคลียร์กันก็จะไม่เข้าใจกัน

ปุ้มปุ้ย : แล้วผลของการเคลียร์กัน

กวินท์ : ผลของการเคลียร์กันไม่ใช่ นั่งโทษกันว่าใครถูกหรือผิด แต่แค่มาเคลียร์กันว่ามุมมองของคุณเป็นยังไง มุมมองของผมเป็นยังไง และเราจะทำยังไงให้เราได้เจรจาให้มันสามารถอยู่ด้วยกันได้ด้วยไม่ตีกัน นี่คือ สิ่งที่เราพยายามจะทำ

ปุ้มปุ้ย : แล้วเขาติดเกมส์ แล้วเราไม่โอเคกับการที่เรากลับบ้านมาเราไม่อยากเห็นเขานั่งเล่นเกมส์ คือ ถึงเราไม่ได้มีอะไรคุยกันเหมือนเมื่อก่อนเพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน แต่อย่างน้อยมานั่งข้างๆกันก็พอ แต่เรารู้สึกว่าการเล่นเกมส์เอาเขาไปอยู่อีกโลกหนึ่งแล้วคือเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย แล้วสิ่งที่เขาจะแก้ไขคือ โอเคเราจะไม่เล่น แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่เล่น แล้วสุดท้ายพอมาเคลียร์กันแล้วมานั่งคุย นั่งปรับกันสุดท้ายเขาพูดออกมาเลยว่าเธอ .. เราติดเราเลิกเล่นไม่ได้

กวินท์ : แต่คำว่า เราติดเราเลิกเล่นไม่ได้ เพราะเราติดจริงๆ เพราะ ปุ้ย เขาคิดว่าผมไม่ทำงาน ซึ่งเราทำงานแล้วถ้าผมไม่ทำงานผมจะหาเงินมาจากไหนแต่ผมมีช่วงเวลาส่วนตัวของผม และผมเล่นเกมส์ในส่วนช่วงเวลาของผม บางส่วนผมแล้วเราก็เล่นยาวไปจนเราไม่ได้ดูเวลามันเลยกระทบชีวิตคู่ของผมกับ ปุ้ย ซึ่งเวลา ปุ้ย เดินเข้ามาแล้วไม่พอใจเพราะว่า ปุ้ย เก็บมาหลายรอบแล้ว แต่พอไม่ไหวเขาก็เดินเข้ามาดึงประตูแล้วทำหน้าเหวี่ยงแล้วผมก็พูดกับเขาไปว่าอย่าทำแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกแย่ แทนที่จะพูดว่า..เลิกเล่นเกมส์นะจะได้ไปกินข้าวกัน แต่มันไม่มีประโยคนี้เพราะมันต้องเลยทันที เพราะผู้หญิงเขาเป็นแบบนี้ครับ ต้องการอะไรทันที ห้ามรอ 5 นาที 10 นาที แต่ว่ากินข้าวตอนนี้ต้องลุกครับผม

ปุ้มปุ้ย : เพราะชีวิตประจำวันของเราคือ 6 โมงเช้าเราต้องตื่นแล้ว กินข้าว ทำงาน ใช้แรงงาน ทำงานถ่าย Vlog คิดคอนเทนต์เดินทางกว่าจะถึงบ้าน 2 ทุ่ม เพราะฉะนั้นบางวันเราแทบไม่มีเวลากินข้าว และเราต้องมากินข้าวเย็นกับเขาเพราะฉะนั้นการที่เราเหยียบเท้าเข้ามาในบ้าน คนที่ไม่ได้กินข้าวแล้วทำงานหนักมาทั้งวันต้องมารอเขาที่ต้องเล่นเกมส์เสร็จตานี้ก่อน ถึงได้กิน แล้วคือ เราย้ายบ้านไปอยู่แถวราชพฤกษ์ร้านอาหารไม่ได้เปิดดึกเหมือนทองหล่อค่ะ 2-3 ทุ่ม คือ ไม่มีอะไรให้กินแล้ว หนูเลยมีความรู้สึกว่าการกินข้าวเย็นมันไม่ต้องรอให้เล่นเกมส์เสร็จ

กวินท์ : ซึ่งมันไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอด แต่ผู้หญิงคิดว่ามันเป็นทุกวัน ในมุมมองผมก็จะรู้สึกว่า อะไรอีกแล้ว และ เขาจะชอบบอกว่าเราไม่ชอบพาเขาออกไปกินข้าวข้างนอกเพราะว่าเราชอบบ่น แต่ที่เราบ่นเพราะผู้ชายคนหนึ่งที่อยากบ่นเพราะรถมันติด เพราะกรุงเทพฯมันเป็นอย่างนี้ แต่ถามว่าเราเคยปฏิเสธไหม ไม่เคยพาไปทุกรอบ

ปุ้มปุ้ย : ตัดภาพไปตอนคบกันแรกๆเธอเราชอบรถติดมากเลย เพราะมันได้ใช้เวลากับเธอมาก (หัวเราะ) บ้านอยู่ทองหล่อ ขับไปรับเราที่ เมืองทอง พาไปทานข้าวที่พระราม 7 เรายังบอกเลยว่าเราเกรงใจเดี๋ยวเราไปเจอกันที่ร้านได้นะ เขาก็บอกว่าไม่เขาชอบขับรถเพราะจะได้ใช่เวลาบนรถไปกับเธอ

กวินท์ : อันเราจำได้ แต่บางทีเราคบกันมานานแล้ว มันสั่งอาหารเดี๋ยวนี้มันส่งที่บ้านแล้ว

ปุ้มปุ้ย : มันจะมีไม่กี่อย่างที่ทำให้หนูเห็นแล้วสามารถปรี๊ดได้เลยก็คือ หิวข้าว แล้วสิ่งที่หนูต้องการคือเขาต้องสแตนบายแล้วออกไปกินข้าวด้วยกัน เพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันน้อย เพราะกิจกรรมเดียวที่หนูมีกับเขาคือ การได้ไปกินข้าวเย็น ถ้าวันหนึ่งที่หนูสามารถกินข้าวเองคนเดียว โดยที่ไม่ต้องกินกับเขาแล้วหนูไม่จำเป็นต้องมีเขาแล้วหนูรู้สึกแบบนี้เลย

กวินท์ : ผมปรับเพื่อเขาได้อยู่แล้วครับ แต่การกระทำมันอาจจะไม่ทันที

ปุ้มปุ้ย : ความสุขในชีวิตหนูมันมีไม่กี่อย่าง หนูทนความลำบากได้ ความยากจนได้ หนูพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาทุกอย่าง แต่สิ่งที่หนูขอในชีวิตไม่กี่อย่าง คือ เรื่องกินเพราะหนูทำงานหนัก หนูเลยรู้สึกว่าหนูต้องได้กินในสิ่งที่หนูอยากกินกับเรื่องเซ็กซ์ แค่นั้นที่หนูขอเพราะสองอย่างนี้ ไม่มีต้นทุนไม่ต้องใช่เงินแต่ใช้ความรักความเอาใจใส่

กวินท์ : คือแค่ ปุ้ย พูดและเปลี่ยนวิธีคิดแล้วการกระทำ อย่างเข่น แค่พูดว่าเธอเลิกเล่นได้แล้วนะ ไปกินข้าวกันได้แล้ว เรารักเธอแค่นั้น

ถาม คนเราอยู่ด้วยกันไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เพราะรู้ว่า ปุ้ย ก็เหนื่อยมาก จริงๆเวลานี้เป็นแบบนี้นะ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต อย่าเพิ่งไปคิดว่าฉันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือเปล่า เพราะชีวิตมันจะเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

กวินท์ : เธอต้องดูเพราะจากที่เราคบกันวันแรกจนถึงวันนี้ มันแตกต่างกันเยอะเลยนะ การทำร้ายข้าวของมันไม่มีแล้ว การทำลายยิ่งใหญ่มันไม่มีแล้ว คือ เราก็เป็นคู่วัยรุ่นที่ปรับปรุงกันมาเรื่อยๆเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ดีขึ้นสำหรับคู่เรา

กวินท์ : เราก็พยายามที่จะปรับตัวในในเรื่องกินและเรื่องเล่นเกมส์ และเรื่องเซ็กซ์ เราจะใส่ใจมากขึ้น

ถาม บ่อยครั้งที่เราไม่คุยกันดีกว่าให้มันเงียบๆไปดีกว่า แต่พอปัญหามันถูกสะสมมันจะก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะรู้สึกว่าไม่ต้องพูดอีกต่อไปแล้วจนมันเกิดอคติ พอเราได้คุยกันเราทั้งคู่อาจจะรู้ว่าเราต้องการอะไร

กวินท์ : ซึ่งผมอยากให้คนทางบ้านได้รู้ว่าจริงๆชีวิตเรามันมีทั้งทุกข์ ทั้งสุข มันมีเศร้า มันมีทุกอย่างอย่ามองว่าทุกอย่างสดใสไปหมด แต่เราทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันที่จะไปด้วยกันในจุดจุดนั้น แต่ในระหว่างทางมันก็ไม่ได้ง่ายนะ

ถาม แต่กว่าจะเริ่มฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานามาด้วยกันขนาดนี้ ช่วงแรกที่คบกันคู่นี้เคยเกือบเลิกกันมาแล้วเพราะอะไร

กวินท์ : ตอนนั้นเราเป็นทหารมาแล้ววันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อนของปุ้ย เลยอยากจะไปเที่ยวกันต่อผมเลยรู้สึกว่าเราอยู่ในค่ายมานานมากแล้วถึงแม่ว่าเราไม่มีเงินแต่เราอยากจะไปกินเหล้ากับเพื่อน ปุ้ย ไม่พอใจ ปุ้ย อยากให้กลับบ้านวันนั้นเพราะ ปุ้ย ต้องทำงานตอนเช้า เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ไปกินเหล้ากับเพื่อนคุณจะนอนก็นอนสิ แล้วเช้าอีกวัน ผมเลยโทรไปง้อเขาก็ทำเสียงไม่ดีใส่ผมตัดสินใจว่าจะไม่ทนกับคำพูดแบบนี้ตบอดไปเพราะคู่เราไม่ควรจะเป็นแบบนี้ และเราตัดสินใจว่าจะเลิกกับเขาถึงรู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด และผมก็ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวเขาซึ่งถ้าผมไม่ได้เลิกอาจจะไม่เห็นสิ่งนั้นในตัวเขา อย่างเช่น ถ้าผมไม่มีผู้หญิงในชีวิตของผม ผมก็ไม่อยากอยู่ เราได้เห็นศักยภาพที่เขาทำให้เราเป็นคนดีขึ้น (น้ำตาคลอ)

ถาม รูปที่ขึ้นมาคือ

กวินท์ : รูปดอกไม้ (น้ำตาคลอ)

ปุ้มปุ้ย : เวลาที่ กวินท์ ให้ดอกไม้ ปุ้ย เราจะชอบเอาไปใส่หนังสือให้มันแห้งแล้วมันสวยดี เราเลย tag เขาไปในตอนนั้น

กวินท์ : เรารู้สึกว่าไม่มีผู้หญิงคนนี้ในชีวิตแล้วเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมเที่ยวเหมือนเดิม ในจังหวะนั้นเราคิดว่าการที่เราไม่มีเขาในชีวิตเพราะเราคิดว่าเราดึงเขาลงอยู่เราไม่มีเงิน (ร้องไห้) เราทำอะไรดีๆให้ผู้หญิงคนนี้บ้าง เราเลยทักไปหาเขาว่าเรากำลังจะตายแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว

ปุ้มปุ้ย : ตอนแรกเราคิดว่าที่เขาทักมาหลังจากบอกว่าเลิก หมาหวงก้างแล้ว พอเห็นว่าเรามีคนใหม่ก็จะกลับมาแล้ว

กวินท์ : เราก็บอกกับเขาว่าไม่เป็นไรคุยกันต่อได้เลย แต่เราจะอยู่ตรงนี้เราจะพยายามของเรา คือ คนนั้นอาจจะได้แต้มไปเรียบร้อยแล้วแต่ไม่เป็นไรเราก็จะอยู่กับเขาแบบนี้ คือ เรื่องนี้เราขอโทษเธอแบบมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากๆ ... แต่สุดเราได้มาแต่งงานกันแล้วเราก็ต้องทำให้มันดีที่สุดรู้เปล่า (อันนี้บอกตัวเราทั้งคู่) เพราะว่าคู่ชีวิตมันต้อง 50/50 ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งทำคนเดียว

ถาม บางคู่บอกว่าก่อนแต่งกับหลังแต่งชีวิตเปลี่ยนไปมากเลย บางคนบอกว่าหลังแต่งชีวิตชีวามันหายไป จืดชืดมันไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป

ปุ้มปุ้ย : คู่ของเรามันได้กันมาตั้งแต่ก่อนแต่งแล้ว (หัวเราะ) เพราะฉะนั้น คนที่พูดว่าชีวิตหลังแต่งงานเปลี่ยนเขาอาจจะแค่ไปมาหาสู่กัน แต่เรา 2 อาทิตย์แรกเราย้ายเข้าบ้านผู้ชายเลย คือ ใช้ชีวิตอยู่ก่อนแต่ง คือ ตัวปุ้ยเองจะชอบมีคนทักมาแบบจะเป็นเหมือนพี่ ปุ้ย ทำยังไงแฟนถึงจะดี คือ ปุ้ย จะอัพเดทตลอดเวลาอะไรที่ทำแล้วให้ดูดี ดูไม่เก่า ปุ้ย ทำหมดเลย เพราะเราจะเป็นคนที่แต่งงานแล้วแต่ยังแซ่บ !! อยู่

ถาม เพราะเติมความรักให้สดใสตลอด เวลาที่ทั้งคู่เซอร์ไพรส์กันจึงน่ารักมากให้ของขวัญอะไรกัน

กวินท์ : เราก็บลัฟกันเรื่อยๆครับ อันแรกคือ ที่ปุ้ย ซื้อของแพงที่สุดที่เขาซื้อมาให้ผม คือ นาฬิกา Rolex Daytana แล้วผมไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขาดีผมเลยโทรไปปรึกษารุ่นพี่ผมเลยซื้อกระเป๋า Hermes และก็ Cartier อันหนึ่งให้เขา

ปุ้มปุ้ย : ใจหนูแว๊ปแรกที่เห็น คือ ของปลอมแกล้งหนูแน่ๆ เพราะว่าเขาชอบแกล้งเรา เพราะเขาเคยให้เพื่อนคนมารุมต่อยเขา แต่พอเขาบอกว่าของจริงเรารีบเปิดหาใบเสร็จก่อนเลย แล้วดมดู เอ้ย ใช่ ... กลิ่นหนังแบบนี้ เช็กละเอียดเลยค่ะ แต่พอรู้ว่าเป็นของจริงก็รู้สึกว่าแพง รู้สึกเสียดายเงิน ตอนนั้นคิดว่าเงินเขาจะเหลือเท่าไหร่มาซื้อให้เรา แต่เราก็อยากได้ด้วยเสียดายด้วย แล้วเราก็บอกเขาว่าเราจะขึ้นให้เขาทุกวันเลย เราก็ตอบแบบแอ๊บๆใสๆของเราไปค่ะ