Inside Dara
ริต้า ทุ่ม 10 ล้านเปิดธุรกิจ เลื่อนแต่ง ขันเงิน ไปอีก 2 ปี

ริต้า ศรีริต้า ลั่นไม่พร้อมให้ทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน เมินคนเคยมองเป็นดอกฟ้ากับหมาวัด คบ ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม ไม่อยากให้มองที่เปลือกนอก ไม่ซีเรียสถูกเร่งขอแต่งงาน เลื่อนต่อไปอีก 2 ปี แย้มกำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับสปาธรรมชาติสำหรับผิวกาย ทุ่มงบลงทุนร่วม 10 ล้าน...

คบกันมา 4 ปีกว่าแล้ว สำหรับคู่ของนางเอกสาว ริต้า ศรีริต้า เจนเซ่น กับหนุ่มแร๊พเปอร์ชื่อดัง ขันเงิน เนื้อนวล แห่งวงไทยเทเนี่ยม แม้ในช่วงแรกที่คบกัน หลายคนก็เคยมองว่า เหมือนเป็นดอกฟ้ากับหมาวัด แต่พอนานๆ เข้า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด เพราะหนุ่มขันเงินได้พิสูจน์อะไรให้เห็นหลายๆ อย่าง ว่ารักจริงหวังแต่งแน่นอน หลายคนจะลุ้นให้มีข่าวดีกันสักที แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่พร้อม รอต่อไปอีก 2 ปีเรื่อยๆ โดยมองว่าเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชีวิต ขอให้พร้อมกว่านี้ก่อน อย่างล่าสุด สาวริต้าก็ได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท ทำธุรกิจเกี่ยวกับสปาแบรนด์ออกานิก้า ซึ่งเปิดช็อปแล้วที่สยามพารากอน โดยสาวศรีริต้าได้เปิดใจถึงเรื่องความรัก และธุรกิจของตนเองที่ลงทุนลงแรงทำด้วยใจให้ฟังว่า

เห็นบอกว่าไม่อยากให้เซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน? "ยังไม่พร้อมค่ะ แค่เห็นคนเซอร์ไพรส์กันแล้วเราก็เริ่มคิดว่าเรื่องแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่จะเซอร์ไพรส์ในความคิดของริต้า มันเป็นความพร้อมของทั้งสองฝ่าย มันก็ต้องเป็นความพร้อมของกาลเวลาด้วย แล้วเรารู้สึกว่าทุกวันนี้เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก แล้วเราก็อยากทำธุรกิจก่อน คือแน่นอนคนที่ริต้าคบ ริต้าต้องการที่จะแต่งงานแน่นอน แต่ว่าขอเวลาริต้าทำธุรกิจ ทำอะไรให้เสร็จก่อน เพราะว่าแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับริต้า การแต่งงานมีแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้นค่ะ" กดดันไหม ที่หลายคนเค้ามักจะถามว่าเมื่อไรจะพร้อมสักที? "ก็ไม่นะคะ และไม่ซีเรียสที่จะตอบคำถามว่าเมื่อไรค่ะ"

ช่วงแรกที่คบกันกับพี่ขันเงิน หลายคนเค้าจะบอกว่า เหมือนดอกฟ้ากับหมาวัด เราได้เคยมีการคุยกันเรื่องนี้ไหม? "คือริต้ารู้สึกว่า คนเรามีสิทธิ์ที่จะคิด หรือตัดสินอะไรก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเค้าในการที่จะมอง วิเคราะห์ พิจารณา แต่ริต้ารู้สึกว่า ระยะเวลานี้ล่ะค่ะที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง ริต้ารู้สึกว่าคนมองก็แค่มองผิวเผิน มองฉาบฉวย เค้าไม่รู้จักเราจริงๆ ว่าเราเป็นยังไง นิสัยใจคอเราเป็นยังไง ริต้าเชื่อว่าทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คนคิด บางทีภาพลักษณ์ดูสวยหรู ข้างในอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะฉะนั้น ริต้าไม่อยากให้คนมองกันแค่เพียงเปลือกนอก ริต้าอยากให้คนมองกันลึกถึงข้างในจริงๆ ค่ะ" ช่วงแรกเราซีเรียสไหม ที่หลายคนมองเราอย่างนี้? "ไม่ซีเรียสเลยค่ะ" พี่ขันเคยบอกเมื่อปีที่แล้วว่า อีกประมาณ 2 ปีถึงจะพร้อมแต่ง มาปีนี้ก็เหลืออีกแค่ปีเดียว เราพร้อมรึยัง? "ก็อีก 2 ปี ต่อไปอีกค่ะ ริต้าไม่รู้หรอกเรื่องแบบนี้ค่ะ พรุ่งนี้ริต้าอาจจะพร้อมก็ได้ค่ะ ไม่แน่ไม่นอน แต่รู้ว่าวันนี้ไม่พร้อมค่ะ"

ตอนนี้เราทำธุรกิจแล้ว? "แบรนด์ออกานิก้าเนี่ย ช็อปแรกก็จะอยู่ที่พารากอน แต่ภายในเดือนกรกฎาคม จะเปิดเป็นแฟล็คชิพสโตร์อันใหญ่ จะเปิดขึ้นที่สุขุมวิท 49 ก็จะทำเป็นกลาสเฮาส์เลย อันนี้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้าง จะสิ้นสุดเสร็จจริงๆ กลางปีค่ะ จะเป็นช็อปที่สเปเชี่ยลมากๆ คือ ได้แรงบันดาลใจมาจากกลาสเฮาส์โรงกระจกที่เก็บพันธุ์พืชนะคะ แล้วก็เป็นอะไรที่ปลอดสารพิษ เราก็เลยเอาไอเดียนี้มาเป็นแฟล็คชิพสโตร์และเอามาเป็นผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ" ทุกสิ่งทำมาจากธรรมชาติหมดเลยใช่ไหม? "ค่ะ แท้ๆ อย่างเช่น สบู่ของเราทำมาจากผัก 100% เป็นธรรมชาติจริงๆ เราพยายามทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติจริงๆ ออแกนิกจริงๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเทียนเราก็ทำมาจากถั่วเหลือง ตัวไส้เทียนก็เป็นคัตตอน 100% มันไม่ใช่แค่เทียนที่ให้กลิ่นหอมธรรมดา แต่มีส่วนผสมของโจโจบาออย เชียบัตเตอร์ วิตามินอี และสารสกัดจากแมกโนเลีย มันเป็นมาสซาสแคนเดิล ก็คือ เทียนที่สามารถเอาหยดแล้วนวดผ่อนคลายได้เลย ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มด้วย และก็ช่วยผ่อนคลายด้วย อย่างน้ำหอมเองก็ตามปกติจะเป็นแอลกอฮอลล์ แต่เราใช้แอลกอฮอลล์จากอ้อยค่ะ ซึ่งเป็นพืช ด้วยความริต้าเป็นคนชอบและก็เป็นโจทย์ที่พัฒนามา 3 ปี เราเป็นคนรักอะไรที่เป็นธรรมชาติ อะไรที่เป็นออกแกนิก ริต้ารู้สึกว่าทุกวันนี้ส่วนผสมที่มีสารตกค้าง สารพิษเต็มไปหมด ยากที่จะหากอะไรที่มันเพียวกับผิว อะไรที่ไม่ตกค้างกับผิว มันเป็นความสวยที่ยั่งยืน เราก็เลยตั้งใจทำอันนี้ขึ้นมา"

สิ่งที่เราทำมาทั้งหมด เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วใช่ไหม? "ถูกต้องค่ะ มันเป็นความงามที่เรารู้สึกว่ายั่งยืน มันไม่เป็นภัยต่อเรา คือไม่ใช่สวยแค่ 3 วันแล้วหลังจากนั้นมันมีอะไรสะสม อันนี้มันเป็นอะไรที่ธรรมชาติจริงๆ ด้วยกลิ่นหอมของเอสเซนเชียลออย ก็รู้อยู่แล้วมันช่วยบำบัดเป็นอโรม่าเธอราพี ริต้าพยายามอยากที่จะใช้กลิ่นบำบัด อันนี้เป็นแค่ก้าวแรกของออกานิก้าเท่านั้น ปีนี้เนี่ยริต้าก็ได้ไปต่างประเทศด้วย ผลิตภัณฑ์ก็จะได้ไปประกวด ไปสู่ต่างประเทศ ที่คุยไว้ก็จะมีประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศส แล้วก็อิตาลี ก็คือภายในปีนี้ทั้งหมด" เป็นเหมือนแบรนด์ไทยแล้วพาแบรนด์ไทยโกอินเตอร์? "ใช่ค่ะ แบรนด์นี้เนี่ยเป็นแบรนด์ที่เมดอินไทยแลนด์ ทำด้วยคนไทย 100% นะคะ แล้วก็เมืองไทยเนี่ยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับการทำผลิตภัณฑ์สปามากๆ เลยค่ะ ด้วยส่วนผสมดีๆ มาจากเมืองไทยค่อนข้างเยอะ และผลิตภัณฑ์สปาของเมืองไทยเนี่ย ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เพราะฉะนั้น การที่เรายิ่งใช้วัตถุดิบที่ดี คัดเลือกอะไรอย่างดี กรรมวิธีที่ปราณีตแล้วเนี่ย มันก็จะผลักดันให้แบรนด์ไทยแบรนด์เนี้ยก้าวสู้ตลาดโลกได้แน่นอน ด้วยแพ็กเกจจิ้งที่เวิลด์คลาสอยู่แล้วนะคะ และเราก็ได้มาตรฐานรับรองแบรนด์อยู่แล้วในการผลิต" เราคิดเองทำเองและลงไปดูการผลิตด้วยเองรึเปล่า? "เราต้องดูเองทุกอย่างค่ะ ไม่งั้นไม่สามารถออกมาได้ คือเราต้องทำทุกขั้นตอนเองค่ะ แน่นอนริต้ามีคนที่เก่งมากๆ คอยช่วยคอยให้คำแนะนำ ด้วยความที่เราโชคดี เราอยู่ตรงนี้ เรามีคนเมตตานะคะ ดีใจที่ได้รู้ ได้เจอคนดีๆ เราก็ต้องขอบคุณมากๆ บอกเลยว่า ออกานิก้ามีก้าวแรกได้เพราะว่ามีมิตรที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีคนที่ให้ความเมตตาเอ็นดูค่ะ ต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะ"

ใช้เวลาประมาณเท่าไรในการทำผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา? "3 ปีค่ะ กว่าจะพัฒนามาได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวแพ็กเกจจิ้งที่ออกมา คือแพ็กเกจจิ้งแต่ละตัว ไม่ว่าจะแปลกใหม่หรูหราไม่ซ้ำใคร หรือว่าชื่อแบรนด์เองก็ตามที่ไม่เหมือนใคร และเรารู้สึกว่ามันมีจุดเด่น คือสิ่งพวกนี้มันต้องใช้ระยะเวลาในการคิดค้น ไม่ได้ออกมาได้ภายในไม่กี่เดือน" คาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ที่เราทำจะตีตลาดมากน้อยแค่ไหน? "เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ตอนนี้เราก็บุกตลาดตามที่ทางการตลาดเค้าได้ชี้แนะไว้ เช่น ตีออกต่างประเทศ และยังมีช็อปเล็กๆ ที่เราจะไปร่วมด้วย ก็จะได้เห็นแบรนด์ออกานิก้าโตไปอย่างแน่นอน แน่นอนว่าเราก็ต้องคาดหวังอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดเราก็ต้องทำให้แบรนด์ดี เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์เราต้องดีจริงๆ เราถึงกล้าออกมา ในด้านตรงนี้เนี่ยริต้ายืนอยู่ข้างหลังมากกว่า ริต้าไม่ได้มาเป็นเบื้องหน้านะคะ เราไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็คือเราเป็นตัวเบื้องหลังที่คิดธุรกิจนี้และทำการตลาด" ทำไมถึงไม่เป็นพรีเซ็นเตอร์เอง? "เพราะว่าแบรนด์นี้ริต้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ และอยากให้คนจดจำภาพแบรนด์ออกานิก้า ในภาพที่ริต้าตั้งใจ ในช็อปในรูปลักษณ์ที่ริต้าทำออกมา ไม่ได้อยากจำภาพว่าเป็นศรีริต้า อยากให้จำว่านี้เป็นดอกแมกโนเลีย มีโลโก้แบบนี้ หน้าตาของช็อปเป็นแบบนี้ อยากให้คนจำกลิ่น อยากให้คนจำความรู้สึกเวลาเดินเข้ามาในช็อป อยากให้คนรู้สึกว่ากลิ่นนี้มันรีแลกซ์ บำบัด ไม่ได้อยากให้เค้ารู้สึกว่าเนี่ยคือ ศรีริต้า มันไม่ใช่สิ่งที่ริต้าต้องการ เพราะฉะนั้น เลยไม่ใช้ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์เลย"

ราคาผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น ราคาสูงมากน้อยเพียงไร? "ต้องบอกว่าราคากลางๆ นะคะ ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพด้วย ของๆ เราคุณภาพดีจริงๆ พรีเมี่ยมจริงๆ แล้วใช้วัตถุดิบที่ดีจริงๆ แน่นอนเราจะทำให้ราคามันต่ำกว่านี้ไม่ได้ แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์เราเป็นออแกนิก มันก็จะมีราคาของมันที่เพิ่มมากกว่าที่อื่นอีก แต่แน่นอนสิ่งที่ได้กลับมามันจะปลอดสารพิษสารตกค้าง ดีกับผิวจริงๆ ใช้แล้วมันไม่มีการปนเปื้อนอะไรที่ตกค้างเลย" ลงทุนสูงไหม? "คือจะทำสิ่งที่ดีๆ ริต้าเชื่อว่าต้องมีการลงทุนแน่นอน" ลงทุนประมาณกี่หลัก? "ก็กลางๆ ค่ะ" ถึง 10 ล้านไหม? "ถึงอยู่แล้วค่ะ มากกว่านั้นอีก" ทำคนเดียว เรามีหุ้นส่วนไหม? "ไม่มีค่ะ คนเดียวเลย เพราะเป็นสิ่งที่เราสนใจด้วย" ฝากผลิตภัณฑ์นี้? "ริต้าก็อยากฝากออกานิก้านะคะ ใครที่มาพารากอนก็อยากให้แวะมาสัมผัสประสบการณ์ของกลิ่น และความออแกนิก และกลิ่นที่จะพาจินตนาการของคุณเดินทาง กลิ่นที่จะทำให้คุณผ่อนคลาย มีความสุข นั่นคือสิ่งที่ออกานิก้ามีความตั้งใจที่สุดค่ะ".