Inside Dara
จากสาวแบ๊ว "กัสจัง-จีร่าร์" ขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยวกับซิงเกิลแรก "ลองมาทัก"

คิดมาก คิดนานกว่าจะก้าวออกจากเซฟโซนตนเอง Guzjungjiraa (กัสจัง–จีร่าร์ พิทักษ์พรตระกูล) นักแสดง-ยูทูบเบอร์สาว ล่าสุดขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว ปล่อยซิงเกิลแรกในชีวิต “ลองมาทัก (Try Me!)” เป็นเพลงที่จะบอกให้กล้ารักก็ต้องกล้าลอง (จีบ) ก่อนไม่เห็นเป็นไร?!! จากความมั่นใจเกินร้อย เลยชักชวนสาวกัสจังมาเยือน “มาลัยไทยรัฐ” ครั้งแรก พร้อมแฟชั่นหวานๆ คิคุแบ๊วๆ แต่แซ่บซี้ดจี๊ดถึงใจกันเลยทีเดียว

กว่าจะเป็น “นักร้อง” ของสาวกัสจัง ไม่ใช่เรื่องง่าย 15 ปีก่อนเธอเคยทิ้งความฝัน หลังเดบิวต์เป็นศิลปิน “เกิร์ลกรุ๊ป” มาก่อน พอสบโอกาสอายุอานามแตะเลข 3 เลยเกิดแรงฮึบ! จับไมค์สักครั้ง แถมต่อสู้กับความรู้สึกตนเองเพราะกลัวๆทำแล้วไม่ดีจะโดนดราม่าอะไรอีกหรือเปล่า...“กับซิงเกิล “ลองมาทัก” เป็นซิงเกิลแรกของกัสจัง ใช้เวลานานมาก เพลงนี้แก้ไขเกือบปี เดี๋ยวดนตรีไม่ถูกใจ เนื้อไม่ลงตัวมีการปรับเยอะมาก เป็นเพลงที่ลงทุนเอง ไม่ได้มีค่าย ทำลงช่องโซเชียลของตัวเอง พยายามผลักดันให้ไปต่างประเทศ เพราะเพลงเป็นศิลปะอย่างนึงที่สามารถก้าวไปไกล คนทั่วโลกสามารถฟังเพลงได้”

ถือเป็นการสานฝันการนักร้องหรือเปล่า? “คือจริงๆก็ชอบทำงานในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ตอนนี้จะคิดแค่ว่านักร้องเป็นอีกคอนเทนต์นึง

ที่เราอยากทำมากกว่า 15 ปีที่แล้ว เราก็เคยอยู่จุดเดบิวต์เป็นเด็กเทรน เป็นเด็กฝึกหัดมาแล้ว เราเลือกที่จะไม่เซ็นสัญญา มันมีเหตุที่ทำให้ตัดสินใจ ณ ตอนนั้นเราต้องการหาเงินช่วยที่บ้าน ถ้าเราเซ็นสัญญาเพื่อเป็นศิลปิน ช่วงแรกๆเราอาจจะไม่มีรายได้เลยนะเป็นปี ไม่รู้ว่าดังหรือไม่ดัง ถ้าออกมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ป รายได้จะเพียงพอมั้ยเพราะเราต้องการรายได้ช่วยที่บ้าน โชคดีเป็นเด็กแคสติ้ง มีโฆษณา ตอนนั้นเรามีรายได้ผ่อนบ้านได้ เราเลือกที่จะไปการแสดงมากกว่า ถามเสียใจมั้ยที่ไม่ได้เป็นนักร้องก็ไม่ได้เสียใจหนัก ยังโชคดีมีการแสดงที่รองรับเราไม่งั้นก็คงแย่เหมือนกันค่ะ”

นอกจากเสียงหวานๆชวนจึ้ง ลุคแบ๊วก็จัดเต็ม ราวกับ “ตุ๊กตาบาร์บี้” ที่ทำให้สะดุดตาสะดุดใจแฟนๆยิ่งนักงานนี้สาวกัสจังเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า...“อาจจะเป็นลุคส่วนตัวค่ะ ปกติจะเป็นสายแบ๊วมาตั้งแต่เด็กๆ อยากฉีกไปสายสวยแต่ลองทำแล้วมันไม่เกิด คู่แข่งสายสวยมันมาก (หัวเราะ) ก็เลยหาจุดยืนของตัวเอง เพราะคนที่จะมาแบ๊วแข่งกับเราได้มันน้อย ยิ่งด้วยวัยขึ้นเลข 3 วัยแบบนี้ไม่ค่อยแต่งตัวฟรุ้งฟริ้งเท่า ตนเองแน่นอนเพราะคิดว่าคู่แข่งน้อย กลายเป็นว่าตอนนี้ถ้าวันไหนแต่งตัวเบาๆ จะโดนแซว ไม่ใช่ตัวจริงเป็นใคร ดูไม่ใช่กัสจัง ผิดกับคุณแม่ แค่ไปเซเว่นจะแต่งตัวเต็มตลอด แม่บอกทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกจากบ้านเราไม่รู้จะเจอใครทั้งสิ้น หน้าต้องแต่ง เป็นสิ่งที่เถียงกันตลอดว่าไปเซเว่นแม่จะแต่งหน้าทำไม บางทีเราไปห้างยังขี้เกียจแต่ง เขาเลยบ่นเราไม่ได้เพราะเราบ่นเค้ามากกว่า”

ช่วงแรกๆที่ตัดสินใจทำเพลงมีหวั่นใจจะเจอดราม่าถล่มบ้างไหม สาวกัสจังพยักหน้ายอมรับกลัวมาก พร้อมเล่าเรื่องราวหนหลังให้ฟังว่า “ตอนเด็กๆเป็นคนมีความเชื่อมั่นสูงมาก จริงๆหนูเริ่มต้นเล่นหนังฮอลลีวูดก่อนที่จะมีข่าว พอมีแฟนที่ไทยทำให้งานด้านฮอลลีวูดก็ไม่ได้รับเลย มาโฟกัสแค่งานในเมืองไทย เลยเจอกับข่าวต่างๆนานา คนไม่โฟกัสที่ผลงานของเราเลย โฟกัสที่ข่าวของเรา ชีวิตของเรา ทำให้เสียความมั่นใจไปเหมือนกัน ทั้งๆที่ตอนแรกเราดูสตรองมาก มาตอนหลังฟังหมออธิบาย หลังจากที่เราเป็นโรคซึมเศร้า โรคแพนิค ทุกอย่างเกี่ยวข้องที่ว่าเราเก็บความรู้สึกของตัวเอง เราไม่ปล่อยออกมาเราเสียใจ แต่ทำเป็นว่าเรารับได้กับมันตลอด น่าจะเป็นการหวั่นกับการที่ถ้าเราไปได้ไกลกว่านี้เราจะโดนดราม่ามาฉุดรั้งอะไรอีกมั้ย”

ตอนนั้นกัสจังเป็นคนที่ทำอะไรเจอดราม่าทำให้ทุกวันนี้หวาดผวาขนาดไหน “ใช่ค่ะ ทำอะไรก็ผิด ตอบอะไรก็ผิด เป็นความรู้สึกที่ผวามากกว่า พอเรากลับมาคิดทำไมเราถึงเป็นโรคแพนิค อยู่กับความหวาดผวาจนหนีไปเรียนต่างประเทศ ตอนนั้นเราให้เหตุผลไปเรียนต่อ แต่เราแค่หนีความวุ่นวายให้คนลืมเราไปเลย ทั้งๆที่ความฝันของเราคือการทำงานในวงการบันเทิง แต่ตอนนั้นเราอยากเป็นคนที่ไม่มีตัวตนไปเลย พอกลับมารักษาซึมเศร้า ได้ใช้ชีวิตเรื่อยๆได้คิด วงการบันเทิงเป็นแพชชันของเราที่ขับเคลื่อน ยังอยากใช้ชีวิตอยู่เราเลยกลับมาสู้ใหม่”

สาวกัสจังเล่าให้ฟังด้วยว่าช่วงที่เราถอยไปตั้งหลักแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น 3-4 ปี อยู่กับความซึมเศร้า ตอนนั้นวิธีบำบัดเหมือนการเที่ยวกลางคืน เที่ยวดื่มเพื่อให้ลืมทุกข์ ค่อนข้างเละเทะ ไม่มีแพชชัน ต้องเป็นความหวังคนนี้คนนั้นทำอะไรก็ไม่ถูกใจใคร มันเหนื่อยจนจุดนึงที่อาจจะไม่ออกข่าวมาก มาย เคยฆ่าตัวตาย เพื่อนพาล้างท้อง รพ. พอเราฟื้นขึ้นมาเลยหาจุดยึดเหนี่ยว เป็นคริสต์เตียน เข้าโบสถ์จนสภาพจิตใจเราดีขึ้นกับปัญหาสุขภาพล่ะเป็นยังไงบ้าง “มีภูมิแพ้ค่ะ อีก เรื่องนึงไม่เคยบอกสื่อ หน้า ด้านขวาที่ติดอะไรตรงหน้าตลอด เกิดการติดเชื้อจากการทำหน้าที่เกาหลี ช่วงปีใหม่ปีที่แล้ว อยู่ดีๆหน้าปูดบวมเหมือนหน้าเน่า ที่แก้มขวา ตอนแรกลำบากมากทำงานไม่ได้เกือบ 3 เดือน ต้องทิ้งงานไปดูดออก วัน-2 วันขึ้นมาอีก จนมีเพื่อนคนนึงแนะนำว่าควรไปเพาะเชื้อเหอะ ครั้งแรกที่รับโทรศัพท์จากคุณหมอค่อนข้างใจหายมากเพราะเป็นเชื้อตัวที่ติดยากมาก อาจจะเกิดจากน้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่สะอาด เป็นเคสที่ซวยเข้าไปที่หน้าเรา ทุกวันนี้ยังต้องกินยาทุกวันอยู่เลยและคอยตรวจเลือดเช็กค่าไต ค่าตับด้วย”

ส่งผลหวั่นใจทำศัลยกรรมมากน้อยขนาดไหน “กลัวค่ะคิดว่าไม่ทำอะไรอีกแล้วเข็ดเลย ครั้งนี้เข็ดเลยจริงๆ ตั้งใจจะทำคอนเทนต์เตือนภัยคนเหมือนกัน หลายๆคนจะถามว่าทำที่นี่ดีกว่าที่นั่นจะบอกว่าไม่นะ ส่วนตัวทำทั้งที่ไทยและเกาหลี ทุกที่มีปัญหาได้หมด”

มาอัปเดตหัวใจกันหน่อยโสดไม่โสดกันแน่ งานนี้สาวกัสจังกล่าวว่า “โสดค่ะ ไม่เคยโสดนานขนาดนี้มาก่อนเลย โสดมา 2 ปีได้ ตั้งแต่เปิดตัวคนล่าสุดแล้วก็ไม่ได้มีใครเลย ตอนนี้แฮปปี้ดีในสถานะโสด แต่ไม่ได้ปิดกั้นก็มีคนคุยเรื่อยๆ”

แสดงว่าตอนนี้ก็มีคนเข้ามาคุยๆ “ค่ะ” มีหนุ่มคนไหนเข้าตาเราบ้างยัง ทำเอาสาวกัสจังหัวเราะเสียงดัง ก่อนเล่าต่อว่า...“ก็มีคนที่คุยแล้วรู้สึกโอเคที่สุดค่ะ”

คนที่คุยๆ เป็นคนที่เราเริ่มไปจีบเค้าก่อนเหมือนในเพลงมั้ย “ไม่ๆ (หัวเราะ) ขอไม่พูดถึงดีกว่า แต่ก็มีคนที่คุยแล้วรู้สึกว่าชอบอะไรเหมือนๆกัน มีไลฟ์สไตล์คล้ายกันๆ มุมมองในทางเดียวกัน ทำความรู้จักกันมาสักพักนึงแล้วดีกว่า”

คาดหวังความรักครั้งนี้ยังไงบ้าง “ไม่คาดหวังเลยค่ะอยากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ รู้สึกที่ผ่านมาคาดหวังแล้วมันเหนื่อย คาดหวังแล้วไม่เป็นตามหวังมันเจ็บ พอตอนนี้เราไม่คาดหวังแต่เรียนรู้กับมัน เรารู้สึกว่ามันแฮปปี้กว่า ไม่เอาพลังไปโฟกัสที่ความรักมากจนเกินไป เราใช้พลังงานกับหลายๆด้าน เมื่อก่อนยอมรับเป็นคนคลั่งรัก ตอนนี้ก็ยังคลั่งรักเหมือนเดิมเพียงแต่เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ที่มันมีพื้นที่ให้กันและกันมากขึ้น ไม่ต้องคุยกันตลอดเวลาก็ได้ เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กันมากกว่า เมื่อก่อนจะเป็นทั้งตัวเราและตัวแฟนด้วย ตัวติดกัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องเจอกัน 24 ชม. ก็ได้ ว่างเมื่อไหร่ สะดวกเมื่อไหร่ค่อยมาเจอกัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทุกครั้งที่เจอกัน มันมีเรื่องอะไรให้คุยกันมีอะไรให้อัปเดตกันตลอด”

มุมของเราตอนนี้เริ่มมองชีวิตครอบครัว “ตอนนี้มองแค่ว่าขอมีคู่ให้ได้ ให้รอดก่อน เพราะจริงๆเราคบใครมองถึงอนาคตอยู่แล้ว เราไม่ได้มองคบเล่นๆ เพราะเราอยากมีครอบครัว อยากมีลูกอยู่แล้วแต่ตอนนี้ให้มันชัวร์ มีแฟนก่อน”

เคยเช็กดวงเรื่องความรัก เราติดอะไรทำไมความรักเรามีเหตุตลอด “ตอนเด็กๆดูค่ะ แต่พอเป็นคริสต์เตียนแล้วไม่ดูดวงแล้วค่ะ เรามองเป็นที่เรานี่แหละ ทุกครั้งเลิกกันเรามานั่งวิเคราะห์ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราไม่โทษดวง โทษตัวเองนี่แหละ เรารู้ตัวว่ามันไม่ดี ครั้งหน้าก็อย่าไปทำมัน บางทีเป็นจุดบอด พอเรามีแฟน มีความรัก เขายอมเรา เรามีนิสัยไม่ดี ไม่ปรับเปลี่ยนเลยไม่โทษใครทั้งนั้นค่ะ”.

ช่างภาพ : กระต่ายขาว สตูดิโอ