Inside Dara
จิ๊ก เนาวรัตน์ ยอมรับครั้งแรก! เฟคคบเกย์โกยเงินล้าน-โดนเลขาฯแย่งสามี

จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ เปิดใจผ่านรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ based on celeb story ทางช่อง GMM25 ถึงความรักที่ผ่านมา โดยเผยถึงสาเหตุของการหย่าร้างกับสามี และการเลิกรากับพระเอกรุ่นน้องที่เป็นข่าวฮือฮาทั้งวงการ!

"ตอนนี้ปล่อยวางเรื่องความรัก สมัยก่อนคนเข้ามาจีบ พระเอกมาจีบจริงจังก็มี เพราะเราเป็นเด็กใหม่เข้าไป มีพระเอกอยู่คนนึงที่ดูใจ แต่เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ยังเป็นช่วงเราดูๆ กันอยู่ ตอนเขาเสียมีภาพเราร้องไห้ข้างเตียงที่มีร่างเขา คือตอนนั้นเสียใจในลักษณะที่ทำงานร่วมกัน ยังไม่ใช่เรื่องความรัก แต่เพราะเราเคยทำงานร่วมกัน ใจวูบไปเลยนะตอนนี้ เพราะถ้าใช้เวลามากกว่านั้นก็อาจจะเป็นความรักก็ได้

แต่ก่อนคุณแม่รักและเป็นห่วงไปไหนด้วยกันตลอด หนุ่มๆ เลยไม่กล้าเข้ามาจีบ เคยมีความรักก่อนเข้าวงการ ตอนเรียนอยู่ แล้วผู้ชายไม่อยากไปเรียนเมืองนอก เพราะอยากรอไปพร้อมเรา แม่เขาก็เลยมาต่อว่าถึงที่โรงเรียน เราก็เลยรู้สึกกลัวความรัก"

แล้วกับคนที่แต่งงานนี้เริ่มยังไง "พอเข้าวงการก็ไม่ได้เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง เราไม่มีเวลาเพราะทำแต่งาน จนมามีครอบครัวจริงๆ ตอนอายุเกือบ 30 คนนี้เพื่อนแนะนำ เป็นความรักสั้นๆ เราไม่ได้เช็กประวัติกัน ตอนนั้นคิดแค่ว่าเรารักกันตอนนี้ ซึ่งจริงตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ได้

จากนั้นคบกันประมาณ 3-4 เดือนเอง แล้วพอดีมีอะไรวุ่นวายเรื่องงานเข้ามามาก จนเราตัดสินใจไม่เอาละการเป็นนักแสดง แต่งงานไปอยู่เมืองนอกกับพี่เขาดีกว่า

คิดว่าพี่คนนี้ใช่ละ เราจะไม่ปล่อยเขาไป เราก็ตัดสินใจแต่งงานกับเขาเลย ตอนนั้นพี่น้องโกรธเลยนะเพราะเราตัดสินใจเองแบบไม่ได้ดูอะไรเลย ตอนนั้นคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องยอมรับ จากที่บอกปัญหาเรื่องงานเยอะทั้งสัญญาทั้งภาษี เราอยากไปจากโลกนี้แต่ยังไม่อยากตายนะ แต่อยากไปจากตรงนี้ เรียกได้นะว่าแต่งหนีปัญหา"

ถามจริงๆ ใช่ความรักหรือเปล่า "ตอนนั้นถามว่ารักมั้ย คือเราใช้เหตุผลในการเลือก แต่อยู่ไปก็เริ่มมีปัญหา ไปอยู่นู้นยังไม่มีนะ เราทำทุกอย่างเอง แล้วก็มีลูก 2 คน เราไม่เคยรู้สึกเลยนะว่าตัดสินใจผิดเพราะเลือกเอง เราไม่โกรธเขานะ เข้าใจทุกอย่าง เพราะคนเรา 2 คนมันชอบไม่เหมือนกัน คนนึงชอบเรียบๆ คนนึงชอบหรู"

แล้วมามีปัญหากันได้ยังไง "แต่ปัญหาที่ทำให้เป็นปัญหาเนี่ยคือกลับไทยแล้ว แรกๆ 5-6 ปีที่อยู่อเมริกาไม่เปลี่ยนนะ ยังไม่มีปัญหาอยู่นั้นเราก็พยายามรับมือ จนกลับมาเมืองไทยเล่นละครเรื่องนางทาส แล้วพอดีละครดัง ถ่ายยาวมาก สามีก็เลยกลับมาอยู่ที่นี่ด้วย มาเปิดบริษัทที่นี่

พอกลับมาอยู่เมืองไทย พอมาบริษัท เขาก็ใกล้ชิดกับเลขาฯ เขาทุกอย่าง เขามาจากนู้นคงไม่รู้มั้งว่าเลขาฯ จีบไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ผู้หญิงต้องรู้เนอะ (หัวเราะ) 2-3 ปีเราก็ปล่อยไปเรื่อยๆ จนได้มารู้เอง เพราะแต่ก่อนไม่เคยเช็ก พอรู้ก็เอาให้ชัวร์ จะไม่จบกับใครถ้าไม่เคลียร์

เราได้มารู้ว่าเขาเป็นแฟนกันเลย เลี้ยงดูปูเสื่อ ซึ่งเราไม่ชอบที่จะมามีอะไรแบบนี้ เขาเคยเต็มร้อยให้กันจะมาเลย 50 ไม่ได้ เราเลยตัดสินใจจบ ถามตัวเองว่าอยู่ได้มั้ยคนเดียว ถ้าเลิกมาเแล้วอยู่ไม่ได้ เป็นอีบ้าอีบอ นี่ไม่เอา แต่ถามแล้วใจเราอยู่ได้ เราเลยตัดสินใจจบ

คือถามว่าส่วนหนึ่งเราเป็นเหตุมั้ยที่เขาไปมีคนอื่น แน่นอนเราว่าเราก็ทำงาน แต่ก็มองกลับอีกนะว่าตอนที่เขาทำงานเราก็ยังนั่งรอเขาได้นะ 6 ปีเราก็นั่งคอย กลับบ้านดึกดื่นเราก็นั่งคอยเหงาๆ ณ วันนี้เรามาทำงานเขาไม่รอเราบ้าง เขาไปมีเลยหักดิบเราเกินไป"

มีความพยายามเคลียร์กันมั้ย "ตอนที่รู้เรื่องพยายามจะคุย เขาบอกให้กลับมาคุยบ้าน เชื่อมั้ยวันที่รู้เรื่อง ขับรถไม่มีเลี้ยวเลย ตรงอย่างเดียว หัวสมองคิดแค่ว่า ทำไมเราทำอะไรผิด ทำไมมันมาถึงแล้วเหรอเวลานี้ทำไมเร็วจัง คิดจนไปไม่มีการเลี้ยว กลับบ้านไม่ถูก หลงไป 3-4 ชั่วโมง ต้องจ้างแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ นำทาง

ที่เป็นแบบนี้เราไม่ได้สะเทือนใจแต่งง ถามตัวเองไปเรื่อยๆ จนกลับถึงบ้านเขายังไม่กลับ พอเขากลับมาบ้าน เขาก็ไม่ยอมคุย ปิดประตูแต่เราไม่ยอม ให้มาคุยกัน

ก็เคลียร์กันว่าทำไมเกิดแบบนี้ ทำไมไม่ให้เกียรติกัน เขาก็บอกว่าเราบ้าบอไปคนเดียว คิดไปเอง อย่าทำให้เขาปวดหัว เขาต้องทำงานต่อ เรื่องแค่นี้ คือเขามองว่ามันเรื่องเล็กๆ ในชีวิตเขา แต่ของเรามันยิ่งใหญ่

วันที่หย่าเราไม่เอาอะไรเลย ถ้าเราเอาก็เหมือนเราไม่ขาด เหมือนอยู่ใต้อาณัติเขา แล้วจะเราเลิกทำไม ถ้าคิดจะเลิกต้องอยู่ให้ได้ อย่ามีพันธะอะไร"

ตอนนั้นหลักฐานที่เจอจนรู้ว่าเขามีคนอื่นคืออะไร "เราสังเกตว่าถ้าเราไปบริษัทคนจะมองแปลกๆ พอเปิดประตูเข้าไปเขาจะคุยโทรศัพท์ พอหันมาเห็นเราแล้วตกใจ แล้วก็โวยวายว่าทำไมเปิดประตูมาเลย คือเขาโวยวายจนเราแปลกใจ ก็มารู้ว่าเวลาเรามาคนข้างล่างจะต้องโทรบอกเขาก่อน

จากนั้นเราก็เลยเช็กจากเบอร์โทรศัพท์ ก็เห็นว่าโทรคุยกันกับเลขาฯ ยาวตี 1 ตี 2 คุยกันยาวๆ เราก็ว่าแปลกๆ เลขาฯ เขาต้องคุยสั่งงานกันขนาดนี้เหรอ จนสุดท้ายว่าเขาส่งเสียเลี้ยงดูกันเลย และกำลังจะส่งเลขาฯ คนนี้ไปเรียนเมืองนอก

ถามว่าตอนนั้นเศร้ามากมั้ย ตอนนั้นเราขออยู่กับตัวเองคนเดียวก่อน ดูแต่ซีรีส์ยันสว่างทุกคืนให้ไม่คิด และเราก็คิดว่าเราไม่กลับไป ถ้ากลับไปแล้วก็ต้องไปนั่งคิด ระแวง เราก็ไม่กลับ

และเราจะไม่พูดว่า ตกลงจะเลือกใคร อย่าไปพูด พี่ไม่พูด ทำไมจะต้องเอาผู้ชายคนเดียวที่ไม่รักเราแล้วไป ถ้าเขาบอกผมเลือกคุณ บอกเลยตอแหล เขาไม่จบกันหรอก ไม่มีทาง เพราะฉะนั้นให้เขาไปมีความสุขกันดีกว่า คนเราเกิดคนเดียวก็ตายคนเดียวช่างมัน

ร้องไห้มั้ยตอนนั้น "ตอนนั้นเราร้องไห้ครั้งเดียวเพราะลูก 2 คน รู้สึกว่าเราต้องสู้แล้วนะเพื่อลูก แต่ผู้ชายไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตเลย

พี่ไม่เคยคิดว่าต้องอยู่เพื่อลูก ไม่ ไม่ต้องทน คนเราไม่ต้องทน ถ้าผู้ชายไม่ให้เราเต็มร้อยก็จบสิ เขากลับบ้างไม่กลับบ้างทรมานตัวเอง ตัวเรามีคนเดียวในโลกเราก็ดูแลตัวเรา เรื่องผู้ชายไม่ใช่ขาดไม่ได้ซะหน่อย

ตอนแรกเราก็ไม่ได้บอกลูก เพราะกลัวลูกไม่เข้าใจ จนโตมาบอกเขาก็บอกไม่เป็นไรแม่ โลกนี้ 100 คู่ เลิกกัน 80 คู่ เราก็แหมะรู้งี้บอกตั้งนานแล้ว (หัวเราะ)"

เหนื่อยมั้ยกับการเลี้ยงลูกคนเดียว "การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พี่จะไม่บ่นว่าเหนื่อย ค่อยๆ เลี้ยงไปด้วยความสนุก พี่เป็นแม่ที่ปล่อยลูก ถ้าอยากไปเจอผู้หญิงก็ให้เขาไป แต่ถ้าพาผู้หญิงมาบ้านแล้วแม่มีสายตาไม่ถูกใจเขาจะไม่พามาอีก (หัวเราะ)

ถ้าถามว่าพี่หวงลูกแบบผิดปกติมั้ยเหรอ คือพูดแบบแม่การหวงลูกของเราไม่ผิดปกติ เพราะแม่มีสิทธิ์หวงได้ (หัวเราะ) แต่เขาก็ไม่ค่อยอะไรหรอก จนเราต้องบอกลูกนะว่าไปเรียนหนังสือก็มองๆ สาวบ้างนะ"

ตอนนี้มีผู้ชายเข้ามามั้ย “ส่วนตัวพี่ถ้าถามว่าตอนนี้ มีผู้ชายเข้ามามั้ย มีสิคะ เราคุยนะแต่ไม่ได้เปิดใจ เข้ามาเห็นเราคุยบ้าๆ บอๆ เขาก็ไป ผู้ชายสมัยนี้หายาก พี่ชอบคนอบอุ่น ไม่ต้องหล่อ แต่ดูดี อายุมากกว่า ไม่ชอบเด็ก มันก็เลยเหลือน้อย (หัวเราะ)

แต่เคยมีคดีเด็กนะ “โอ๊ยไม่อยากจะบอก ทั้ง 2 คนเฟคกันมาเป็นปี แต่หาเงินได้เงินกันเป็นล้านนะตอนนั้น น้องคนนี้เขาไม่ได้แมนเต็มที่ เราก็ไม่รู้ ปลื้มเขาดูสะอาดสะอ้าน เราก็ปลื้มเขาเข้ามาจีบ เพื่อนก็บอกอย่านะไม่แมน

แต่เราก็ว่าไม่เห็นจะเป็นหนิ สุดท้ายเรารู้เอง ไปถ่ายรายการด้วยกันเขาเริ่มเขียนคิ้ว แต่งหน้า เราก็เริ่มรู้แล้ว ตอนนั้นเราอาจจะเพี้ยนไปเองก็ได้ว่าเขาจีบ

จนตอนหลังก็คุยกันว่าจะทำยังไงคนรู้หมดแล้ว ตอนนั้นไม่ได้โกหกหรอกแต่เฟค ทนๆ ไปก่อนจนสิ้นปี รับงานคู่ โกยหลายล้านนะ (หัวเราะ) วู้ดดี้เป็นคนทำให้พังทลาย (หัวเราะลั่น) เจาะถึงไส้ถึงพุง จากนั้นน้องเขาก็มีโลกของเขาไป ก็ไม่เป็นไรจบกันไป แต่ยอมรับจากนั้นก็เริ่มผวานะว่าคนที่เขามาแล้วจะอะไรกับเราหรือเปล่า"

การจะมีรักครั้งใหม่ลูกมีส่วนตัดสินใจมั้ย “ไม่นะ เขาไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่เราไม่เคยพาผู้ชายเข้าบ้าน ไม่เคยคุยถึงผู้ชายให้ลูกรับรู้ เราอยู่กับลูกก็คุยแต่เรื่องครอบครัวเรา"

คิดมั้ยทำไมเราไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก “พี่ว่ามันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตที่เราไม่ค่อยประสบความสำเร็จความรัก แล้วอีกอย่างเราอยู่ตรงนี้ผู้ชายเขาก็ไม่กล้าเข้ามาหาเรา

เราไม่คาดหวังแล้วนะเรื่องที่จะแต่งงานอีกครั้ง ถ้าจะมีก็คงเป็นเพื่อนกัน แต่จะมาแต่งงานกันนี่คงไม่เอาแล้ว และความสุขในวันนี้คือการทำงานกับลูก”.