Inside Dara
โทนี่ หลิน คู่รักสุดแนว ควงคู่เล่นละครด้วยกันครั้งแรกใน แนวสุดท้าย จูบจริง เลิฟจริง

ปิดท้ายโปรเจ็คต์ เดอะ ไรท์เตอร์ กับเรื่อง “แนวสุดท้าย” จากบทประพันธ์ของ ทมยันตี ที่ถือว่าเป็นละครแนวบู๊แอ็คชั่นครั้งแรกของช่อง GMM25 ซึ่งได้ดาราหนุ่ม สุดแนว โทนี่ รากแก่น มารับบทบู๊ สุดมันส์เข้มข้น งานนี้แฟนสาวในชีวิตก็เล่นด้วยกันนะจ๊ะ เรียกว่างานนี้ โทนี่ หลิน เข้าพระเข้านางกันแบบ เลิฟจริง อินจริง จูบจริงด้วย แอร๊ยยย ฟินนน

นับเป็นการรวมตัวดาราฝีมือดีแน่นจอ อาทิ อาร์ต – พศุตม์ บานแย้ม มาประชันบู๊กันสุดมันส์กับโทนี่ พร้อมด้วย แก้ว – จริญญา ศิริมงคลสกุล, หลิน – มชณต สุวรรณมาศ, เบเบ้ – ธันย์ชนก ฤทธินาคา, บี๋ – ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ และ ตั๊ก – นภัสกร มิตรธีรโรจน์ ผลงานการกำกับของ โอ๋-คฑาเทพ ไทยวานิช

เรื่องราวดำเนินไปอย่างเข้มข้น สนุก น่าติดตามทุกตอน สุดฯ มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์คู่รักสุดแนว โทนี่ หลิน ถึงการทำงานในละครเรื่องแนวสุดท้าย ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมาฝากแฟนๆ ด้วยค่ะ

ในเรื่องรับบทเป็นใครคะ

โทนี่ : ผมรับบทเป็น ชาคริตครับ เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยสืบราชการลับ ซึ่งเคยเป็นทหารมาก่อน ชาคริตจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในความถูกต้องว่า การรักษาชีวิตของคนคือสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับการช่วยประเทศชาติ และเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของหน่วยที่ทำงานแบบไม่สนใจชีวิตของใคร ซึ่งมันไม่ถูกต้องสำหรับเขา

: หลินรับบทเป็น กวางอันซู หรือ ซูซี่ค่ะ เป็นคนเวียดนามที่จู่ๆก็ต้องมาเป็นสายลับแบบไม่เต็มใจเท่าไรนัก มีอาชีพบังหน้าเป็นโพลแดนซ์ เกิร์ล อยู่ในบาร์ แล้วชีวิตของซูซี่ก็รันทดมาก โดนถูกทำร้ายร่างกายตลอด ทำให้ซูซี่เป็นตัวละครที่ค่อนข้างอมทุกข์มาก เศร้ามาก

เตรียมตัวสำหรับละครเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

โทนี่ : เรื่องนี้มีคิวแอ็คชั่นโหดมาก ได้พี่จิม ที่มีประสบการณ์ทำงานกับฮอลลีวู้ดมาช่วยดีไซน์ซีน เรื่องราวเป็นแบบนี้ คนๆ นี้จะสู้ยังไง การต่อสู้ก็จะคล้ายๆ กับเรื่อง 007 เรื่อง จอห์นวิค ละครเรื่องนี้ เป็นละครเรื่องแรกที่ผมได้แอ็คชั่นแบบเต็มๆ ที่ผ่านมาก็มีแอ็คชั่นบ้าง แต่ไม่ฮาร์ดคอเท่าเรื่องนี้

เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ยากและท้าทายมากๆเลยครับ ตอนแรกผมไม่มั่นใจเลย กดดันกับบทนี้มาก ก็เลยไปเรียนอาจารย์มาสอนศิลปะการต่อสู่ Combative ซึ่งอาจารย์คนนี้สอนให้กับทหารและตำรวจ ที่เรียนเพราะผมอยาก ได้ทัศนคติของนักสู้ แล้วก็ความมั่นใจ เมื่อเราเข้าฉากกับคนที่ตัวใหญ่กกว่าเรา เราจะได้ไม่กลัวเขา เรียนไป 10 คลาส อาจารย์เขาก็สอนจริงจังเลยครับ บิดข้อมือก็บิดจริงๆ ให้รู้ว่ามันเจ็บแบบนี้

หลิน : ก่อนถ่ายทำก็แอบมีเทคคอร์สเต้นค่ะ เพราะว่าในเรื่อง ซูซี่ มีอาชีพบังหน้าเป็นโพลแดนซ์ เกิร์ล แล้วมันเป็นการเต้นที่ยากมาก ซึ่งจริงๆ ในตอนถ่ายทำก็มีอาจารย์มาเต้นให้ดูก่อน แล้วอาจารย์เขาก็มีแต่กล้ามเนื้อ แต่เรามีแต่หนัง แรงก็ไม่มี แต่เราก็แค่เลียนท่าทาง การโพสต์ท่ายังไง เพื่อให้ครูเข้ามาต่อบทได้ ยากสุดๆ

เป็นคู่รัก พอมาทำงานด้วยกันยากหรือง่ายคะ

โทนี่ : ช่วงแรกๆ ก็ยากนะครับ เพราะเรารู้จักกันมาก่อน ในเรื่องผมจะต้องสงสารเขา ช่วยเหลือเขา แต่ชีวิตจริง หลินเป็นคนไม่น่าสงสารเลยครับ (หัวเราะ) เพราะเขาเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ดูแลตัวเองได้ดี

ส่วนในเรื่องของการทำงาน ผมมองว่าไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไร เพราะเขาทำการบ้านมาอย่างดี ซึ่งอันนี้สำคัญมากในการทำอาชีพนักแสดง เขาจะอ่านหนังสือเล่มจากบทประพันธ์จริงมาก่อน แล้วเขาก็เล่าให้ผมฟังด้วย เพราะผมขี้เกียจอ่าน นิสัยเขาเป็นคนขยันอ่าน ขยันเขียน ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกเวลาได้ต่อบทกับเขา

หลิน : ตื่นเต้นค่ะ ทำงานด้วยกันครั้งแรก แล้วเกือบ 90% เข้ากับพี่โทนี่ มีฉากกุ๊กกิ๊กกัน ก็มีเขินบ้างนิดหน่อย แต่ด้วยความที่บทเราเศร้าตลอด ก็เลยทำให้ความรู้สึกเขินมีมากเท่าไร

แล้วเวลาเล่นเลิฟซีนด้วยกันล่ะ

หลิน: ก็เกร็งด้วยกันทั้งคู่ค่ะ ให้มาหวานใส่กันแบบนี้ ไม่ใช่วิถีคู่เราอยู่แล้ว แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด

โทนี่: ถ้าเรามัวเขินกันคิดว่านี่คือหลินก็จะไม่กล้าจูบ เลยต้องคิดว่านี่ไม่ใช่หลิน พอเราลืมตรงนี้ไปได้ความเป็นชาคริตก็ทำให้เราแสดงได้อย่างไม่เขินครับ

เรื่องนี้บู๊หนักมาก มีเจ็บตัวจริงๆ บ้างมั้ยคะ

โทนี่ : ก็มีคิวบู๊พลาดบ้างเป็นเรื่องปกติครับ แม้จะผ่านการเรียนมาบ้าง แต่เวลาถ่ายทำ ต้องมีการดีไซน์หน้าเซต แล้วเราก็ต้องฝึกซ้อม จดจำ สิ่งที่ต้องทำในฉาก จำๆ แล้วก็ทำในซีนเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งท่าทางเยอะมาก ซึ่งบางทีเราก็จำไม่ได้ทุกอย่าง มันเลยมีการพลาดบ้าง

เป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ อย่างโจเซฟ The Face Men Thailand เตะผมแล้วปลายเท้าโดนจมูก ตอนแรกผมเห็นแบบเป็นรอยแดง เหมือจมูกจะเบี้ยวด้วย ก็ตกใจ แต่จริงๆเป็นแผลเก่า (หัวเราะ) เราก็โล่ง ก็จะโดนแบบนี้กันบ่อยมากครับ แขนนี่ช้ำทุกวัน ถ้ามีเลือดออก ก็ล้างน้ำออกแล้วเล่นต่อเลย

ผมเคยเจ็บตัวหนักสุดก็คือ โดนเตะเข้าลิ้นปี่ จุกมากกกก แต่ ณ วินาทีนั้น เราต้องเล่นต่อ เพราะว่ามีคิวยิงปืน คิวระเบิด คิวเอฟเฟกต์ ที่มันต้องรวดเดียว ผมก็ต้องทนโดนเตะไปหลายที พอเขาสั่งคัทปุ๊ปผมก็ลงไปนอนกองกับพื้นเลยครับ

หลิน : “มีพลาดบ้างค่ะ คือในเรื่องเราจะไม่ได้มีคิวบู๊มากเท่าพี่โทนี่ เพราะว่าในเรื่องเราจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ โดนตบตลอด ซึ่งส่วนมากคนที่จะมาเหวี่ยงมาตบ ตี เราก็จะเป็นแก๊ง The Face Men ซึ่งพวกเขาก็ตัวใหญ่มาก แล้วก็เป็นครั้งแรกของที่ต้องมาแอ็คชั่นกับเรา

“ซีนวันแรกที่เจอกับนิกกี้ นิกกี้ต้องทำร้ายหลิน ต้องเข้ามาตบ ด้วยความที่มือเขาใหญ่ และกะระยะไม่ถูก จะตบครั้งแรกกะระยะแล้วไม่โดน แล้วในกล้องเห็นชัดว่าไม่โดน เลยต้องกะระยะให้ใกล้เข้ามาอีก คราวนี้ก็โดนจริงเลยค่า… (หัวเราะ) โดนแบบเฉียดหูไปนิดนึง แต่มันก็ไม่เจ็บขนาดนั้น เขาตกใจ เราก็ตกใจ แต่ทุกคนบอกซีนบู๊เนียนมากเลย ที่โดนตบนี่เนียนมากเลย ก็เนียนสิ ก็โดนจริงๆ บ้องหูเลยเนี่ย

ความน่าดูของ ละครแนวสุดท้าย

หลิน : ละครเรื่อง แนวสุดท้าย เป็นละครจากบทประพันธ์ของทมยันตี ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยมีใครนำมาทำเป็นละครหรือหนังใดๆ เป็นเรื่องจริงของกลุ่มคนที่มีอยู่จริง

โทนี่ : คนดูจะได้รับความสนุกครบรส แล้วก็แง่คิดในละครเรื่องนี้ ก็คือ การรักชาติ คนที่ทำอาชีพนี้ เขาบอกใครไม่ได้เลยว่าทำอะไร แต่เรื่องนี้ทำให้เราได้รู้ว่า กลุ่มคนที่ทำอาชีพนี้ เขามีวิถีชีวิตเป็นอย่างไร ที่แน่ๆ ที่จะได้เห็นคือ คนกลุ่มนี้เขาทุ่มเททุกอย่างทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อชาติ ไม่ได้หวังเกียรติยศอะไร เพราะว่ามันไม่มีให้ ไม่มีใครในกลุ่มนี้ตายไปแล้วได้รับเกียรติ หรือได้รับการจัดงานศพที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาเลยด้วยซ้ำ พวกเขาทำเพื่อชาติจริงๆ คนกลุ่มนี้จึงถูกเรียกว่า แนวสุดท้าย

นอกจากด้านดราม่า แอ็คชั่นแล้ว ยังมีมุมเรื่องความรักด้วย ก็ทำให้รู้อีกว่า คนในกลุ่มนี้จะพยายามไม่มีความรัก เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร หรือถ้าเกิดความรักในหมู่กันเอง พวกเขาก็จะพยามมีกำแพงต่อกัน เพราะว่าพวกเขาให้ความสำคัญของภารกิจมากกว่าตัวเอง

หลิน : หลินรู้สึกว่าเรื่องราวมันสนุกนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องที่มีเค้าโครงเรื่องจริง ทำให้มันไม่ได้เวอร์ อีกอย่างมันทำให้เราเห็นชีวิตจริงว่า ไม่มีใครดีสุด หรือว่าชั่วสุด ทุกคนจะมีเหตุผลที่ต้องมาทำสิ่งนี้ แล้วก็มีปมที่ตัวละครค่อยๆ เฉลยออกมาให้เราได้ลุ้นกับเนื้อเรื่อง

โทนี่ : ผมอยากได้ทุกคนได้ดูละคร แนวสุดท้าย มากเลยครับ เพราะว่าอยากให้คนได้เห็นอีกสเต็ปหนึ่งของวิธีการนำเสนอละครไทย ที่มีความเรียลมากขึ้น มีความสมัยใหม่มากขึ้น แล้วก็เป็นแอ็คชั่นที่อาจจะไม่ได้มีระเบิดตูมตาม หรือไล่ยิงกันแล้วยิงยังไงก็ยิงไม่โดน แต่มันเป็นการเอาชนะกันในแบบใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดครับ