Inside Dara
‘อิงฟ้า’ ภูมิใจได้ไปเมืองคานส์ ไม่สนดราม่า ลั่นหมดยุคบูลลี่แล้วควรเปิดโลกให้กว้าง!

ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ "อิงฟ้า" ภูมิใจได้ไปเมืองคานส์ ไม่สนดราม่า ลั่นหมดยุคบูลลี่แล้ว วอนคนไทยควรเปิดโลกให้กว้างเพราะคนต่างชาติเขาเข้าใจ!

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่คนบันเทิงชื่นชอบไม่น้อย สำหรับงานภารกิจเดินพรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 โดยครั้งนี้ได้มีนักแสดงซุป’ตาร์ของเมืองไทยไปร่วมงานเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ “อิงฟ้า วราหะ” ซึ่งถือเป็นการเดินพรมที่เมืองดังกล่าวของเธอเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่วายโดนชาวเน็ตบางกลุ่มเข้ามาดราม่าและวิจารณ์เรื่องชุดที่ใส่ในวันแรกอีกด้วย

ล่าสุดในงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 อิงฟ้าได้เปิดใจถึงความรู้สึกที่ได้เดินทางไปร่วมงานที่เมืองคานส์ อีกทั้งเคลียร์ปมดราม่าที่เกิดขึ้น โดยเธอเผยว่า “สำหรับฟีดแบ็กที่ไปเมืองคานส์ เราก็ได้อ่าน สำหรับคนที่ไม่ชอบวันแรก จริงๆ ที่หนูไปเดินพรมแดง ตอนแรกเราไม่ได้มีชื่ออยู่ในลิสต์ จริงๆ จะไม่ได้เดิน แต่ทางแบรนด์ Christophe Guillarmé เขาขอให้เราไปเป็นแบบช่วยเดินชุดเขา ซึ่งก็เป็นชุดของทางฝรั่งเศส สไตล์แฟชั่นบ้านเขาก็จะเป็นฟีลนี้ เราก็เลยโอเค ให้เขาตัดสินใจช่วยกันเลือกชุด แล้วก็ใส่ชุดนั้นเดินออกไป ไม่ได้เป็นชุดที่ทางเราเตรียมไปค่ะ

ภาพรวมเราก็รู้สึกว่าโอเค เราก็ชอบ คนไทยอาจจะไม่ชอบสไตล์นี้ แต่บ้านเขา เขารู้สึกว่าแบบนี้มันก็สวยของเขา แต่ที่เหลือเราก็เตรียมชุดไป มีเปลี่ยนแพลนเปลี่ยนชุดบ้าง ก็แก้ไขกันหน้างานเลยค่ะ แล้วคือมีโอกาสฟิตติ้งก่อนที่จะเดินเลย บางอย่างก็แก้ไม่ทัน เช่นความยาว ไม่รู้เป็นความตั้งใจ หรือเขาแก้ไม่ทัน เพราะเรามีเวลาฟิตติ้งให้เขาน้อยมากๆ แต่ทางแบรนด์เขาน่ารักมากเลย หนูอยากให้คนไทยใจดีกับเขานิดหนึ่ง มันอาจจะเป็นไซซ์ของนางแบบที่โน่น เราไม่มีเวลาฟิตติ้งให้เขาด้วย

และวันสุดท้ายที่เราได้เดิน เราได้เดินพรมเดียวกับ “แองเจลิน่า โจลี” คือถ้าหนูรู้ หนูจะอยู่ข้างในนานกว่านี้ หนูเดินก่อนเขาประมาณ 5-10 นาทีได้ แล้วก็ได้เจอกับดาราฮอลลีวูดหลายคน ก็ไม่คิดไม่ฝัน แอบน้ำตาคลอไปหลายรอบเหมือนกัน รู้สึกภูมิใจ ในจอมันเหมือนพรมยาวมาก แต่จริงๆ มันสั้นมาก ประมาณ 20-30 ก้าว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เราต้องทำแอร์ไทม์ตรงนั้นให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้ได้ภาพหรือได้บรรยากาศตรงนั้นมาฝากคนไทย”

อิงฟ้า เล่าว่า “ในส่วนของวันแรกได้เดินตอน 4 ทุ่ม สิ่งที่ทำให้รู้สึกคอมพลีตคือมีช่างภาพประมาณ 2-3 คนเรียกชื่อเรา อิงฟ้า ฟ้า ทั้งที่เราก็ไม่ได้บอกว่าเราคือใคร ก็ได้ยินตอนเดินคู่กับบอสณวัฒน์ ใจฟู ยังหันมาบอกบอสว่าเขารู้ชื่อหนูได้ไง ไม่ว่าเขาจะรู้ด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่แค่เขาเรียกชื่อเรา ก็ถือว่าคอมพลีตแล้วค่ะ

สำหรับดราม่าของบอสณวัฒน์ที่มีช่างภาพให้ถอยออกจากเฟรม คือเป็นปกติค่ะ จริงๆ ก็แอบลุ้นกลัวบอสนอยด์ แต่บอสไม่นอยด์ พอเห็นรูปแล้วแบบโห พี่หล่อเนาะ ดูดีเนาะ อะไรแบบนี้ เราก็ดีใจ แต่เราก็อยู่ในเหตุการณ์ที่อาจจะมีช่างภาพบอกว่าให้ออกจากเฟรม แต่คือมันเป็นช่วงที่เขารู้ว่าเราจะพรีเซนต์ชุด เพราะหนูไปในนามของแบรนด์ Christophe Guillarmé เขาเลยอยากถ่ายชุดเต็มๆ ประมาณนั้น ส่วนปีหน้าจะไปอีกไหม ก็มีแววว่าจะได้เห็นกันอีกค่ะ ต้องมาเป็นกำลังใจให้ Lady Bee กับคุณบุญเลื่อง ว่าจะไปในทิศทางไหนค่ะ

ส่วนงานนี้เราให้คะแนนตัวเองในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจให้ 90 ค่ะ เรื่องการเตรียมตัวให้ 50-60 เพราะเรารู้สึกว่าเวลาเราน้อยจริงๆ ซึ่งมีคนชมว่า อิงฟ้า ไปคานส์เอนเกจเมนต์ ก็ต้องขอบคุณแฟนคลับด้วยค่ะ แฟนคลับที่โน่นด้วย ช่วยกันดันและซัพพอร์ตเต็มที่ เอนเกจเมนต์เป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับสื่อที่โน่น ที่เขาจะเลือกลงภาพหรือข่าว”

ดาราสาว ได้เผยต่อว่า “ดราม่าให้สัมภาษณ์แบบใช้ล่าม จริงๆ มีดาราหลายคนที่มีโอกาสได้ไป แล้วเลือกที่จะไม่สัมฯ เพราะว่าไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ตอนแรกเขาก็ถามว่าหนูอยากสัมฯ ไหม เพราะถ้าภาพออกมารู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีดราม่าเรื่องการที่เราไม่พูด เขาก็ให้เราเลือกว่าจะสัมฯ หรือเอาแค่ภาพพอ หนูก็ตัดสินใจว่าหนูจะสัมฯ จะตอบเป็นภาษาไทย เพราะเรามีล่ามไว้ทำไม ก็เอาไว้แปลได้ คนไทยจะติดภาพว่าพูดไทยไม่ได้ มันจะออกมาไม่ดี แต่จริงๆ มีต่างชาติหลายคนเขาไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ เขาก็ใช้ล่ามเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติ เราผ่านดราม่าเรื่องนี้มาหลายครั้งกับการประกวดนางงาม อันนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งดราม่าเล็กๆ ที่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ให้ค่าอะไร เราอยู่ตรงนั้นแล้วเรากล้าที่จะพูดจะทำก็โอเคแล้วค่ะ

คือคนเราไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเราทำได้ทุกอย่างเป๊ะๆ มันก็อาจจะเก่งเกินคนแล้ว หนูอาจจะถนัดในสิ่งที่พวกเขาไม่ถนัดก็ได้ มันก็ฝึกฝนกันได้ในอนาคต อาจจะมีอิงฟ้าในเวอร์ชั่นที่เก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นก็ได้ ก็อยากให้ทุกคนรอติดตามเป็นกำลังใจให้กันดีกว่า ส่วนเวลาที่เราไปที่โน่น เวลาเราสัมภาษณ์ เราก็จะเซย์ซอรี่เขาก่อนเลย สำหรับภาษาอังกฤษของเรา ซึ่งเขาก็จะบอกว่าไปต้องกังวลเลย ถ้าคุณมีล่าม แต่กลับกลายมาเป็นคนไทยที่รู้สึกว่ามันไม่ควร ก็อยากให้ลองเปิดโลกกว้างเยอะๆ ลองมีมุมมองใหม่ๆ ดูบ้าง มันน่าจะหมดยุคการบูลลี่กันแล้ว จะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วแหละ”