Inside Dara
หมดกัน “เอส” เผยเคยเกือบเลิกแฟนสาวชาวเยอรมัน เพราะฝ่ายหญิงสั่งให้ยกฝาชักโครก!

“เอส กันตพงศ์” เปิดตัวแฟนสาวชาวเยอรมันออกสื่อพร้อมกันครั้งแรก เผยเรื่องอเมซิ่งเคยจะเลิกกัน เพราะฝ่ายหญิงให้ยกฝาชักโครก โอดมีปัญหาเรื่องวัฒนธรรม คนเยอรมันมีวินัยและเป็นระเบียบ ทนไม่ไหวขอห่างกัน 1 เดือนเพื่อทบทวน รู้ตัวว่ารัก เฮิร์ตหนักกว่าฝ่ายหญิง ขอโอกาสปรับตัว ครอบครัวเร่งแต่งแล้ว

หลังออกมาประกาศว่ามีแฟนแล้ว เป็นนางแบบสาวชาวเยอรมัน ล่าสุด “เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” พระเอกช่อง 7 ก็ควงหวานใจ “คริสติน่า วิงเคล่อ” มาโชว์ตัวออกสื่อซะเลย โดยเดินแบบคู่กันเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าตื่นเต้นกว่าฝ่ายหญิง ในขณะที่อีกฝ่ายชิลกว่าตนเยอะ

“ครั้งแรกเลย งานเดินแบบแบบนี้มีดาราผู้หญิงเยอะแยะ ถ้าไม่พาแฟนมาโดนโกรธแน่เลย (หัวเราะ) ไม่หรอกครับ เขาไปช่วยงานเอสที่สมาคมหลายครั้งแล้ว เขาคุ้นเคยกับน้องๆ ที่สมาคม ก็เลยมาช่วยงานการกุศลครั้งนี้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเปิดตัวซะทีเดียวและมีงานนี้พอดีครับ เวลาผมไปไหนเขาก็ไปด้วย เราก็พาเขาไปด้วยตลอด เขาก็ชอบอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนจิตใจดีอยู่แล้ว เราก็เลยชวนเขามา”

“เขามาเมืองไทยตั้งแต่ปลาย เม.ย. แล้วเราก็บอกว่ามีงานนี้ เขาก็เลยมาช่วย ส่วนใหญ่เขาก็บินไปบินมา ซึ่งแฟนเขายังเรียนอยู่ที่เยอรมัน เขาเป็นคนเยอรมัน เรียนเกี่ยวกับ Health tourism ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่เขาเรียนช้า อายุ 27 แล้ว เพราะเขาเรียนด้วยทำงานไปด้วยครับ”

บอกตนตื่นเต้นมากกว่าแฟนซะอีก

“เขาโอเคนะ ผมตื่นเต้นมากกว่าอีกว่าเขาจะเป็นยังไง เขาจะเดินแบบได้มั้ย สุดท้ายเขาเดินได้ดีกว่าเราอีก ซึ่งผมไม่ได้เทรนด์ให้เขาเลยเพราะตอนอยู่ที่เยอรมันเขาเป็นนางแบบถ่ายโฆษณาอยู่แล้วด้วย สำหรับเขาง่ายกว่าเราอีก”

“ส่วนจะให้เข้าวงการมั้ยต้องให้พูดไทยให้ได้ก่อน ตอนนี้เขากำลังไปเข้าคอร์สเรียน พูดได้ 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่เขาฟังรู้เรื่องสัก 70 เปอร์เซ็นต์ และฝึกจากการพูดคุยกันด้วยเพราะมีแฟนเป็นคนไทยและต้องคุยกับพ่อแม่เราเป็นภาษาไทยด้วย แต่เราก็สื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษครับ”

พบรักที่ยิมเมื่อ 5 ปีก่อน เห็นปุ๊บปิ๊งเลย

“คบกันมา 3 ปีครึ่งแล้วครับ ผมเจอเขาเมื่อ 5 ปีที่แล้วครั้งแรกเจอกันที่เมืองไทยนี่แหละ ที่ยิมแห่งหนึ่ง เจอเขาเดินผ่านที่ยิมปีกว่าแต่ไม่กล้าทักเขา ผู้หญิงคนนี้สวยมาก เขามาออกกำลังกายแต่เราไม่กล้าเข้าไปคุย มันเป็นช่วงที่เขาบินไปบินมาไทยเยอรมันเพราะเขาชอบเมืองไทย จนเวลาผ่านไปปีกว่า มีวันหนึ่งเจอเขายืนคุยกับรุ่นพี่เรา ผมรีบเข้าไปไหว้ทักทายรุ่นพี่เลย เพราะยังไงก็รู้ว่าเขาต้องแนะนำเราให้เขารู้จัก และเขากำลังคุยกันเรื่องคอร์สโยคะ ผมเจ็บหลังขึ้นมาทันทีเลย หมอบอกว่าหมอนรองกระดูกไม่ดีเพราะเจออุบัติเหตุระหว่างถ่ายละคร หมอบอกให้ไปเล่นโยคะ ซึ่งไม่เคยไปสักครั้ง”

“แต่วันนั้นอยากเล่นโยคะทันทีเพราะเขาคุยกันเรื่องคอร์สโยคะอยู่ ตอนแรกทำเนียนไม่ขอเบอร์ด้วย พอจะเดินหนี เขาบอกว่าเอาไลน์มาเดี๋ยวจะบอกว่ามีคอร์สโยคะวันไหนกี่โมง เสร็จเราเลย (ยิ้ม) ก็เลยได้คุย ชวนไปออกกำลังกายก่อนกลายเป็นว่าเราก็ชอบโยคะเหมือนเขาด้วย”

“ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเราเป็นดาราครับ จนตอนเราพาเขาไปเที่ยวพัทยาแล้วมีคนมาขอถ่ายรูป มั่นใจเลยว่านักแสดงช่อง 7 ออกนอกกรุงเทพฯ มีคนรู้จักเราหมด ตอนนั้นเขามาถ่ายโฆษณาที่เมืองไทยครับ ช่วงนั้นเขาอยู่ไทยนาน อยู่เป็นเดือนเพราะงานสัญญายาว เราก็เลยเห็นเขาที่ยิมทุกวันเลย เพราะเขาเป็นคนออกกำลังกายดีมาก ตอนนั้นเราก็เข้ายิมทุกวันเหมือนกัน”

ยอมรับมีปัญหาเรื่องวัฒนธรรม คนเยอรมันมีวินัยและเป็นระเบียบ เคยขอห่างกัน 1 เดือน

“วัฒนธรรมอย่างเดียวครับ คนเยอรมันและด้วยความเป็นเขาด้วยจะมีวินัยสูง เรื่องความเป็นระเบียบในบ้าน ซึ่งเราก็นิสัยเสียเพราะเรามีแม่บ้าน เข้ามาบ้านทุกอย่างมีคนตามเก็บให้ เราเป็นคนทำงานเป๊ะละเอียดมาก แต่พออยู่ในบ้านเหมือนกับว่าอยากจะทิ้งตัวเพราะมันเหนื่อยเวลาอยู่ข้างนอก เลยมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กระทบกระทั่งกัน อย่างเรื่องทานข้าวไม่รอ ซึ่งเราชินกับการอยู่กองละครต้องรีบทานข้าวเพื่อไปแต่งหน้า หรือว่านั่งทานข้าวแล้วลืมดันเก้าอี้กลับเข้าที่เดิม จะต้องจัดเก้าอี้ให้เรียบร้อยเหมือนเดิม เวลาปัสสาวะต้องยกโถขึ้น มันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา ตอนนั้นเราเหนื่อยจากการทำงานแล้วต้องมาเจออย่างนี้อีกหรอ เลยขอห่างกับเขาไปเดือนหนึ่ง”

“ถามว่าเลิกกันแค่เรื่องแค่นี้เหรอ แต่มันคือละเอียดยิบย่อยทุกวันๆ เราถ่ายละครเสร็จเที่ยงคืนตีหนึ่ง เหนื่อยบางทีก็ลืม เขาก็ถามว่าทำไมทำแบบนี้อีกแล้ว ก็ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่ได้ถึงกับทะเลาะกันแต่มันหยุมหยิมเลยขอห่างแต่ไม่ได้เลิกกันนะ ขอไปทบทวนตัวเองหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนเรามานั่งคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นมันดีอยู่แล้ว เราก็ไปบอกเขาว่าสิ่งที่เขาเป็นมันดีอยู่แล้ว เขาไม่ต้องเปลี่ยน เราสัญญาว่าเราจะเปลี่ยนให้ขึ้นไปเท่ามาตรฐานของเขาเอง แต่เราไม่สามารถทำได้เลยในชั่วข้ามคืนเพราะเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก มีแม่บ้านคอยดูแล”

“เพราะฉะนั้นขอเวลาแค่ว่าอย่าบ่นเรา ณ ตอนนั้นทันที หาวิธีพูดน่ารักๆ แล้วเราสัญญาว่าจะพัฒนาความมีระเบียบวินัยในบ้านให้มากขึ้น และเราก็ทำได้เพราะสิ่งที่เขาเป็นมันดีอยู่แล้วและมันก็เป็นประโยชน์กับเราด้วย”

บอกห่างกัน 1 เดือนเฮิร์ตกว่าฝ่ายหญิง คิดถึงอีกฝ่ายมาก ถึงขนาดต้องนั่งทบทวนตัวเอง

“เราดูเสียใจมากกว่าเขาอีก (หัวเราะ) เพราะผู้หญิงต่างชาติเขามีความชัดเจน ให้เกียรติ ตอนที่ห่างกันเป็นช่วงที่คบกันเดือนหนึ่งแล้วก็ห่างกันเดือนหนึ่งเลยครับ ช่วงแรกๆ ที่คบกันเลยประมาณเดือนสองเดือนแล้วก็งงเลยและเป็นช่วงที่เขากลับประเทศไป เราก็รู้สึกคิดถึงเขามาก และมานั่งทบทวนตัวเองแบบไม่มีอคติ ถ้าเราทำได้มันเป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์เราทั้งคู่ด้วย”

“ตอนนี้ทำได้ 65 เปอร์เซ็นต์แล้ว จากเมื่อก่อนทำได้แค่ 20 เปอร์เซ็นต์จากที่เขาต้องการ คนเยอรมันชั่วโมงการทำงานน้อยกว่าเกือบที่สุดในโลกแต่เศรษฐกิจเขาใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของยุโรป เป็นที่สามของโลก คนไทยทำงานเยอะเกือบที่สุดในโลก แต่เราจนเกือบที่สุดในโลก เขาทำงานน้อยแต่เขารวยกว่าเราเยอะ แสดงว่าระบบเขาดี ซึ่งเราเอาข้อดีของเขาหลายอย่างมาใช้ในการทำงาน”

สองครอบครัวแฮปปี้ ถามเมื่อไหร่จะแต่งซะที

“เจอทั้งพ่อแม่เขา พ่อแม่เราแล้วครับ บินไปอยู่กับที่บ้านเขาเกือบสองเดือน ปีที่แล้วคุณพ่อคุณแม่เขาก็บินมาอยู่เป็นเดือนกว่า ครอบครัวเราเข้ากันได้ดี ครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็มีแต่ถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน แต่เหลือแค่เราสองคนนี่แหละว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ เขาพร้อมเลยทันที เราขอทำงานก่อน ยังมีงานหลายอย่างที่สนุกอยู่”

หมดยุคซุกแฟน มีแฟนปุ๊บเปิดปั๊บ ยันจะสร้างตัวให้เร็วที่สุดก่อนวิวาห์ ต้องสร้างฐานะด้วยตัวเองให้เหมือนพ่อ

“ถามว่าอยากเป็นพระเอกมั้ยก็ไม่นะ พอผมมีแฟน ผมก็พูดเลย ผมไม่ปิดเลย ถ้าเราชัดเจนมันไม่ได้มีผลต่อการทำงาน ผมเชื่อว่าแฟนๆ สมัยนี้ดูผลงานมากกว่า เรายังทำธุรกิจร้านอาหารที่เวียดนาม และธุรกิจในไทยด้วย มีหลายอย่างที่ต้องทำ ถ้ามีครอบครัวมีลูกแล้วหมายความว่าต้องให้เวลาครอบครัว เราอยากจะทำตามฝันให้ได้หลายอย่างก่อน”

“เรามีคุณพ่อเป็นไอดอล เขาสร้างตัวมาเองจากไม่มีอะไรเลยจนมีทุกอย่าง เราจะมาขอเงินพ่อแต่งงานได้ยังไง เราจะขอเงินพ่อซื้อบ้าน สินสอดได้ไง มันควรจะต้องเป็นของเราเอง มันเป็นความภูมิใจ รุ่นพ่อทำได้แล้วทำไมรุ่นเราจะทำไม่ได้ ผมก็ตั้งใจ อยากให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ให้พร้อมที่สุด ผมบอกเขาว่าให้เขาเรียนจบก่อน ผมว่าอย่างน้อยก็ต้องมีสองปีขึ้นไป”

โอดอีกฝ่ายไม่หึง ไม่โทร.ตาม ไม่โทร. ถามสักอย่าง นิสัยฝรั่งเหมือนกัน ให้เกียรติกัน ยันเป็นคนที่ใช่ที่สุด ไม่ได้มองคนอื่นเลย

“เขาเป็นคนไม่ขี้หึงเลยครับ เป็นคนเข้าใจ ให้เกียรติ ไม่เคยโทร.ตาม โทร.ถาม มีแต่เราโทร.ไปหาว่าไม่โทร.ถามบ้างเหรอทำไมถึงกลับดึก ผมก็ไม่หึงเขา เรานิสัยคล้ายๆ กัน นิสัยฝรั่งเหมือนกัน ตรงไปตรงมา ไว้ใจให้เกียรติกัน ไม่มีการหึงหวง แค่เป็นห่วงเวลาทำงานดึกกลับบ้านดึก”

“ณ ตอนนี้ก็ใช่ที่สุด และไม่ได้มองคนอื่นด้วย ใช่ที่สุดไม่ได้หมายความว่าดูคนอื่น ผมมีเขาคนเดียวไม่ได้มองคนอื่นเลย”