Inside Dara
พ่อคนที่2ชี้''เอ๋''เครียด!มึนเงินเป็นสิบล้านไปไหน

''นฤชา เพ่งผล'' นักจัดรายการจิ๊กโก๋ยามบ่าย ผู้ผลักดัน ''เอ๋'' พัชรา แวงวรรณ เข้าสู่วงการ จนถูกยกให้เป็นพ่อคนที่ 2 เชื่อนักร้องสาวอาจมีเรื่องเครียดทำให้คิดสั้น เผยเคยมาขอยืมเงิน 2 พันไปจ่ายค่าไฟ คาใจเงินเป็นสิบล้านที่ได้จากการร้องเพลงหายไปไหน เตรียมจับมือนิธิทัศน์จัดคอนเสิร์ตใหญ่ช่วยเหลือครอบครัว กงสุลใหญ่ลอสแอนเจลีส เผยผลชันสูตรศพ ''พัชรา แวงวรรณ'' ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดรอผลการตรวจสอบ แต่ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันไม่ใช่การฆาตกรรม และสามารถรับศพได้บ่ายวันจันทร์นี้ แต่ต้องรอหนังสือมอบอำนาจจากมารดา โดยวันอังคารกงสุลเตรียมพบตำรวจหารือสาเหตุที่แท้จริงถึงข้อมูลที่สรุปเร็วว่าไม่มีการฆาตกรรม

ความคืบหน้าการเสียชีวิตของ น.ส.ผดุงศรี แวงวรรณ หรือ ''เอ๋'' พัชรา แวงวรรณ วัย 48 ปี อดีตนักร้องชื่อดังวงโอเวชั่นในสภาพแขวนคอกับขื่อรถบ้านเช่าในเมืองเมริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาสถาบันนิติเวชเมืองริเวอร์ไซด์ แจ้งกับสถานกงสุลใหญ่ นครลอสแอนเจลีส ระบุเป็นการแขวนคอตาย แต่พ่อแม่และพี่ชายของนักร้องชื่อดังในอดีต ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะก่อนเสียชีวิต ''เอ๋-พัชรา'' เพิ่งติดต่อกลับมาให้ค้นหลักฐานการศึกษาส่งไปให้เพื่อใช้สอบพยาบาล มีรายงานข่าวว่า โดยนายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ พี่ชายของพัชรา ได้เปิดเผยว่า น้องสาวมักเล่าประจำว่าช่วงที่พักอยู่ที่บ้านในที่เกิดเหตุ ได้เช่าบ้านอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันผิวดำชายอายุ 80 ปี ที่ภรรยาเสียชีวิตแล้ว และมีลูกชายผิวดำอายุกว่า 40 ปี อาศัยอยู่ด้วย โดย ''เอ๋-พัชรา'' เล่าประจำว่ามีปัญหาและมีปากเสียง เดือนละหลายครั้ง และมีปากเสียงกับ 2 พ่อลูกอยู่เสมอ แต่ก็ต้องทนอยู่ เพราะหาที่อยู่ลำบาก และบ่นไม่สบายใจมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อคลายข้อสงสัยในประเด็นนี้ จึงทำเรื่องยื่นไปขอผ่าพิสูจน์จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้ถูกฆาตกรรมแล้วจัดฉากแขวนคอตายอำพรางคดี คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน จึงจะทราบผลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 55 นายบรรณา วังวิวัฒน์ กงสุลประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยความคืบหน้าการเสียชีวิตของอดีตนักร้องดังวงโอเวชั่น ว่าผลการชันสูตรศพยังไม่สามารถระบุในรายละเอียดได้ เพราะยังรอผลการตรวจสอบของตำรวจสหรัฐฯ แต่สามารถรับศพได้ในช่วงบ่ายวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ และจากการสอบถามคนไทยที่นั่นส่วนใหญ่ไม่ทราบว่า ''พัชรา แวงวรรณ'' อาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนียแม้ว่าจะเป็นรัฐที่คนไทยอาศัยอยู่มาก และคนไทยส่วนใหญ่จะพบปะทำกิจกรรมร่วมกันที่วัดไทย

ขณะที่นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ ''เอ๋-พัชรา'' ว่า กงสุลฝ่ายคุ้มครองดูแลคนไทย สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลีส ประเทศสหรัฐฯ ได้รับแจ้งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของสหรัฐฯ หลังจากการชันสูตรพลิกศพ เพียงว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่ใช่สาเหตุฆาตกรรม ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น สถานกงสุลใหญ่ไทยกำลังรอหนังสือแจ้งข้อมูลอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ ถ้าญาติของ น.ส.พัชรา มีข้อสงสัยในเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต ก็มีสิทธิ์ยื่นเรื่องผ่านมายังกรมการกงสุล เพื่อดำเนินการร้องขอให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ สอบสวนหรือพิสูจน์ศพอีกครั้งได้

สำหรับการประสานงานในการนำศพผู้เสียชีวิตกลับไทยนั้น ทางญาติของผู้เสียชีวิตแจ้งว่าจะขอนำศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศไทย กรมการกงสุลจึงให้ทางญาติดำเนินการส่งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ยังคงเป็นไปตามการดำเนินการดังกล่าว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสัมภาษณ์ นายนฤชา เพ่งผล นักจัดรายการจิ๊กโก๋ยามบ่าย ซึ่งเป็นผู้ผลักดัน ''เอ๋-พัชรา'' เข้าสู่วงการ และนักร้องสาวยกให้เป็นพ่อคนที่สอง ถึงการเตรียมการจัดงานศพนักร้องสาวชื่อดังผู้ล่วงลับ ที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัว ''เอ๋-พัชรา'' โดยนักจัดรายการชื่อดังขวัญใจวัยโจ๋ยุค 80 กล่าวว่าตนได้ติดต่อวัดสายไหม จ.ปทุมธานี ไว้เรียบร้อยแล้ว

โดยในวันที่ 15 ต.ค. 55 ครอบครัวของ ''เอ๋-พัชรา'' จะนำเอกสารการขอรับศพจากสหรัฐฯ มาทำพิธีทางศาสนามามอบให้กับสถานกงสุลเพื่อให้ช่วยดำเนินการในการรับศพนักร้องสาวกลับมาโดยเร็ว

ทั้งนี้ นายนฤชา กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกช็อกมากกับการเสียชีวิตของ ''เอ๋-พัชรา'' พร้อมกับเผยด้วยว่า ที่ผ่านมานักร้องสาวชื่อดังในอดีตเคยมาขอยืมเงินตนจำนวน 2,000บาท เพื่อนำไปจ่ายค่าไฟ จนตนรู้สึกคาใจว่า เงินส่วนแบ่งจากการร้องเพลงออกอัลบั้มที่ได้รับจากค่านิธิทัศน์ โปรโมชั่น เป็นสิบๆ ล้าน หายไปไหนหมด

''พอผมทราบข่าวก็ช็อกเลยครับ การเจอกับเอ๋ครั้งล่าสุดเนี่ย เขามาขอตังค์ผม 2 พันบาท บอกว่าจะเอาไปจ่ายค่าไฟ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ตอนนั้นเขาติดต่อผมมาบอกผมว่ามาหาได้ไหม เขาบอกผมว่าพี่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง เป็นพี่ เป็นเพื่อนของหนู เวลามีความทุกข์เขาจะนึกถึงผมเป็นคนแรก พอเขามาหาผมก็ถามว่าเอ๋เป็นอะไร เขาบอกว่าเอ๋กำลังจะโดนตัดไฟ ขอตังค์ 2 พันได้ไหม ผมก็ให้ไป แล้วบอกว่าเอาไปเลยรีบเอาไปจ่ายเขาเลย แล้วก็หายไปไม่เจอกันอีกเลย จนมาทราบข่าวการเสียชีวิตของเขา มีคนโทร.มาบอกผม ผมก็โทร.ไปถามแม่เอ๋ให้แน่ใจ พอคุณแม่ยืนยันผมใจหายเลย คุณแม่เองก็บอกผมว่าเงินทองจะไปรับศพลูกสาวก็ไม่มี ผมก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ แล้วผมก็ติดต่อคุณวิเชียร อัศว์ศิวะกุล เจ้าของค่ายนิธิทัศน์ฯ ก็ตกลงกันว่าจะช่วยนำศพกลับเมืองไทย ถ้านำกลับมาเป็นกระดูกค่าใช้จ่ายอยู่ที่แสนกว่าบาท ถ้านำกลับมาเป็นร่างอยู่ที่ 2-3 แสนบาท คุณวิเชียรก็บอกว่ายังไงก็ต้องนำเอ๋กลับมาเป็นร่าง เพื่อให้แฟนเพลงของเอ๋ได้ร่วมแสดงความอาลัย พรุ่งนี้พี่ชายของเอ๋จะนำหลักฐานไปยื่นให้กงสุลที่เมืองไทย ผมนำเรื่องไปเรียนท่านส.ส.อนุสรณ์ ปั้นทอง ให้ช่วย ท่านก็ประสานหน้าห้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้ เพื่อให้ช่วยดำเนินเการนำศพนักร้องสาวกลับมาโดยเร็ว ผมเสียใจกับการจากไปของเขามาก ก็รู้สึกคาใจเหมือนกันว่า เงินที่เอ๋มีเป็นสิบๆ ล้านจากการร้องเพลงหายไปไหน ทำไมเขาต้องมายืมเงินผม 2 พันไปจ่ายค่าไฟที่กำลังจะโดนตัด ทำไมเขาถึงต้องตกยากอีก ทำไมเขาต้องลำบากขนาดนี้ เขาน่าจะสุขสบายได้แล้ว ผมเสียใจจริงๆ เพราะเวลาที่เขาลำบากจะมาหาผมตลอด ดึกดื่นยังไงก็ต้องเรียก''

นายนฤชากล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนพร้อมกับ นายวิเชียร อัศว์ศิวะกุล เตรียมการที่จะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ช่วยศิลปินยามฉุกเฉิน โดยมีศิลปินจากจิ๊กโก๋ยามบ่าย และศิลปินจากค่ายนิธิทัศน์มาช่วยกัน หาเงินรายได้ช่วยเหลือนักร้องที่ตกทุกข์ได้ยาก อย่างรายของเอ๋ ซึ่งเวลานี้คุณแม่เองยังมีความวิตกกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะนำศพลูกสาวกลับมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ ''เอ๋-พัชรา'' จะมีปัญหากวนใจทำให้รู้สึกเครียดจนคิดสั้น นายนฤชากล่าว่า ไม่แน่ใจ แต่ก็มีความเป็นไปได้ แต่เขาก็ห่วงพ่อแม่ห่วงครอบครัว แม้เอ๋เขาจะเป็นคนร่าเริง แต่ก็มีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เขาเครียดพอสมควร เหมือนที่ตนยังรู้สึกคาใจอยู่ว่าทำไมนักร้องสาวถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากไม่มีเงิน 2 พันบาท ไปจ่ายค่าไฟ

ขณะที่ นายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ พี่ชาย "เอ๋-พัชรา" เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่15 ตุลาคมนี้ จะเดินทางไปยังกรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำหนังสือมอบอำนาจให้จัดการเรื่องคดีและเรื่องการรับศพน้องสาวกลับมา สำหรับเรื่องคดีและเรื่องการรับศพกลับมา

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวด้วยว่า นางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ ยังติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว โดยไม่เชื่อว่า ''เอ๋-พัชรา'' ฆ่าตัวตายแน่นอน โดยได้ให้นายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ ลูกชายและเพื่อนทนาย ประสานกับเพื่อนของลูกสาว ให้ทำหน้าที่ในด้านการประสานขอตรวจสอบด้วยการผ่าพิสูจน์ศพ และมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และพิสูจน์หลักฐานทุกด้านโดยใกล้ชิด แม้จะลำบาก และต้องใช้เวลา รวมถึงมีค่าใช้จ่ายก็พร้อมที่จะพิสูจน์ เพื่อให้หายสงสัย และหากผ่าพิสูจน์แล้วมีความชัดเจนว่า ฆ่าตัวตาย จึงจะยอมรับ จะได้สบายใจก่อนประสานให้นำศพส่งกลับมาประเทศไทย เพื่อบำเพ็ญกุศลต่อไป ซึ่งในวันที่ 15 ต.ค. 55 ตนและนายผดุงศักดิ์ ลูกชายจะเดินทางไปที่สำนักงานกงสุลที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อยื่นหนังสือที่เป็นเอกสารยืนยันแสดงสิทธิในฐานะญาติ ให้เสนอไปยังกงสุลใหญ่ลอสแอนเจลีส เพื่อขอทำการนำศพไปผ่าพิสูจน์ เผื่อหาสาเหตุการตายให้เป็นที่ชัดเจนให้ได้