Inside Dara
"หญิง"ชีวิตฟ้าหลังฝน ผวาอะไรมาเร็ว-มักน่ากลัว

กลายเป็นคนดังไปชั่วพริบตา สำหรับ นักแสดงสาว "หญิง"รฐา โพธิ์งาม หลังไปเดินพรมแดงในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 66 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะหนึ่งในนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง "Only God Forgives" ของ ผู้กำกับฯ "นิโคลาส วินดิง เรเฟิน"

แถมยังเอาวัฒนธรรมไทยคือการไหว้ไปเผยแพร่ต่อสื่อต่างประเทศจนเป็นกระแสฮือฮา

ตอนนี้หญิงมีผลงานอะไรบ้าง

หญิง - "มีหนังเรื่อง "นางฟ้า" ที่กำกับฯโดย "ตั๊ก-บงกช" จะเข้าฉาย 6 มิ.ย. นี้ หญิงรับบทรุ้ง เป็นนางโชว์ทำงานกลางคืน บทเรื่องนี้ไม่ได้แรงในเรื่องเลิฟซีนเท่า "จันดารา" แต่แรงในเรื่องอารมณ์ เป็นผู้หญิงคิดตรง พูดตรง พูดจาขวานผ่าซาก ซึ่งเรื่องนี้นางเอกมี 3 คน คือ หญิง, ตั๊ก, อมยิ้ม (จุฬาลักษณ์ จุฬานนท์) โดยตั๊กเล่นเป็นผู้หญิงใบ้ อมยิ้มรับบทเป็นผู้หญิงที่ฟังเพื่อน คอยให้กำลังใจเพื่อน ตัวรุ้งที่หญิงแสดงเป็นคนปากร้ายใจดี ทุกตัวมีสีสันหมด"

นอกจากหนังไทยแล้ว ยังได้แสดงหนังต่างประเทศเรื่อง "Only God Forgives" ด้วย

หญิง - "หญิงถ่ายเรื่องนี้ก่อน "จันดารา" บทนำมี 3 คนคือ ไรอัน กอสลิ่ง, คริสติน สก็อตต์ โธมัส และนักแสดงคนไทยอีกคนคือ พี่ปู (วิทยา ปานศรีงาม) ตัวหญิงเล่นเป็นแฟนพระเอก มีบท 50-60% ดีใจที่ได้ทำงานตรงนี้"

"ซึ่งการร่วมงานกับทีมงานต่างประเทศนั้น ในความยากมีความง่าย ในความง่ายมีความยาก ทั้งหน้ากล้องหลังกล้องต้องพูดอังกฤษหมด โอเคการติดต่อสื่อสารไม่ยาก แต่พอต้องลงรายละเอียดในเรื่องคาแร็กเตอร์ เวลาเราแสดงกับผู้กำกับฯ ไทย เรารู้เลยว่าเลวแค่ไหนเป็นตัวละคร ขณะที่บ้านเขา GOOD กับ BAD มันกว้างมาก บางทีต้องคุยกันก่อนถ่ายเป็นชั่วโมง"

กับหนัง "Only God Forgives" ได้ไปเดินพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์ด้วย รู้สึกอย่างไร

หญิง - "ตื่นเต้นค่ะ ในฐานะที่เป็นนักแสดงไทยก็อยากเอาความเป็นไทยไป ก็เลือกแบรนด์ไทยหมดเลย อย่างชุดเช้าเป็นแบรนด์ Vatanika ของ แพร (วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) งานกลางคืนเลือกผ้าไหมไทย ออกแบบโดย พี่โจ้ เซอร์เฟซ ที่ทำเสื้อผ้าหนัง "จันดารา" ก็พยายามสื่อสารที่เป็นไทย อย่างรอยยิ้มหรือการเคารพ"

"ตอนโฟโต้คอลล์ที่ใส่ชุดขาว หญิงตื่นเต้นตั้งแต่นั่งรถไปเลย พอรถจอดเห็นกล้องเต็มไปหมด ใจเต้นไม่หยุดเลย หญิงเดินกับคริสติน สก็อตต์ โธมัส และผู้กำกับฯ สักพัก คริสติน สก็อตต์ เดินลงจากรถมาถ่ายรูปกับหญิง จับมือให้กำลังใจแล้วพูดว่า "ตื่นเต้นไหม" หญิงก็บอก "ตื่นเต้นค่ะ" แล้วเขาก็พูดว่า "ฉันจำไม่ได้แล้วว่าฉันทำแบบนี้มากี่ร้อยครั้ง" แล้วเขาก็บอกอีกว่า "แต่ฉันยังจำครั้งแรกได้อยู่เลย" มันเป็นความรู้สึกที่เขาทั้งเอ็นดูและให้กำลังใจ ให้ความหวังอะไรบางอย่าง เหมือนมีพลังในคำพูดเขาบางอย่างทำให้เรารู้สึกว่ามีความหมายกับเรามาก"

นอกจากชุดที่ออกมาสวยแล้ว คนยังฮือฮาที่หญิงพรีเซ็นต์การไหว้

หญิง - "พอไปถึงตรงนั้น เราเป็นนักแสดงไทยก็อยากพรีเซ็นต์อะไรให้ต่างชาติเห็นเลยว่าไทยแน่ๆ ก็ได้รับความสนใจพอสมควร ตอนนั้นทั้งตื้นตัน ตื่นเต้น กลัวสะดุด กลัวไปหมด กอดกับพี่ปูน้ำตาคลอมีความรู้สึกว่ายิ่งกว่าเแค่เดินพรมแดง เหมือนได้มาในฐานะคนไทย 2 คน ในฐานะนักแสดง ณ วันนั้น ณ คืนนั้น ณ ตอนนั้นนะ รู้สึกมันยิ่งใหญ่ เป็นภาพแรกและอาจเป็นภาพเดียวในชีวิตที่ได้เดินพรมแดงในฐานะนักแสดงไทยในงานต่างชาติ รู้สึกเป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูล เป็นการพิสูจน์ว่าวันนี้เราทำได้แล้ว"

แม่น้อยปลื้มเลยสิ

หญิง - "แม่ไปกับหญิงตั้งแต่วันแรกจะปลื้มน้ำตาคลอตลอด แม่อิ่มเอมมาก จะพูดตลอดเลยว่าไม่น่าเชื่อว่าไอ้หมูตัวเล็กๆ ตอนสมัยเด็กๆ ตอนนี้มันจะได้มาอยู่ตรงนี้ ซึ่งเราก็รู้สึกดีที่เราทำเรื่องที่ทำให้แม่มีความสุข"

คิดไหมว่าการไหว้จะทำให้สื่อต่างชาติสนใจ รู้จักเรา

หญิง - "มันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง รู้สึกภูมิใจ ว่าหญิงได้ทำหน้าที่ของการได้เป็นคนไทยอย่างภาคภูมิเต็มตัว ให้เขาได้เห็นถึงเสน่ห์ของเรา เราตั้งใจให้คนได้เห็นว่าสยามเมืองยิ้มยังมีอยู่"

จากการไหว้ตรงนี้ ทำให้มีกระแสการเปรียบเทียบกับ "ชมพู่-อารยา" ที่ไปเดินพรมแดงเหมือนกัน

หญิง - "หญิงอยากให้มองกันที่เหตุและผล ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ตัดสิน เราไปกันคนละฐานะ แต่ละคนมีบอสอยู่ ในแต่ละงานถูกบรีฟมาอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไร บางอย่างอยากทำแต่อาจไม่ได้ทำเพราะเป็นความจำเป็นบางอย่าง ดังนั้นอยากให้เข้าใจถึงหน้าที่ของแต่ละคน"

"ซึ่งถ้ามองผลลัพธ์ แต่ละคนก็สร้างชื่อเสียงให้เมืองไทยไม่น้อยไปกว่ากันเลย เราต้องภูมิใจในผลของมัน อย่าไปคิดอะไรมากไปกว่านั้น ไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่าๆ เราทำหน้าที่กันดีที่สุดแล้ว เชื่อว่าทุกคนก็ได้เห็นผล ได้การตอบรับคำชมจากสื่อทั้งในและนอกประเทศ เชื่อว่าในเวทีโลกคงไม่มีบ่อยครั้งหรอกเพราะฉะนั้นหญิงว่ามันคือความภูมิใจ ความดีใจของคนไทย แค่ตรงนั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว"

ชีวิตทุกวันนี้ถือว่าลงตัวหรือยัง

หญิง - "ลงตัวนะคะ หญิงและแม่มีความสุขแล้ว หนี้ปลดเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่ 5 แสน คิดว่าเคลียร์หมดปีนี้ค่ะ หญิงใช้หนี้อยู่เกือบ 8 ปี เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ทุกข์มากในวันที่เราไม่มีเงินไม่มีงาน วันนี้ที่คนเห็นเราประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเรื่องอะไร คนก็จะยินดีกับเรา แต่วันที่เราไม่มี ไม่มีคนเห็น คนจะเห็นเราในวันที่เรามีแล้ว ต้องขอบคุณวันนั้นที่ทำให้เราแกร่งและอดทนมาได้ หญิงโชคดีที่รู้จักความทุกข์ตั้งแต่อายุยังน้อย หญิงเลยรู้จักวาง รู้จักคิด เข้าใจการมองชีวิตมากขึ้น ทุกอย่างในชีวิตเป็นเข็มนาฬิกา ไม่มีใครทุกข์ที่สุดหรือสุขที่สุด ไม่มีหรอกที่มีความสุขทุกวัน"

ทุกวันนี้ยึดใครเป็นไอดอล

หญิง - "คุณแม่ค่ะ แม่เป็นกำลังใจ เป็นประสบการณ์ มองเขาแล้วได้หลายอย่าง ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตที่ดีและที่ผิดพลาด ทุกครั้งที่เห็นเขาหญิงจะคิดว่าเป็นตัวเรา เตือนสติเรา เป็นกำลังใจหลัก เพราะเวลาที่เขาเจออะไรเขาไม่เคยท้อ ไม่เคยหยุดทำ หญิงคิดว่าหญิงต้องทำให้ได้เท่าเขา"

แล้วคุณพ่อล่ะ

หญิง - "คุณพ่อเสียตั้งแต่หญิงอายุ 19 พ่อกับแม่หย่ากันตั้งแต่หญิงยังเด็ก แม่ยังบอกตอนที่ไปเมืองคานส์ว่า เสียดายที่พ่อไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นพ่อเขาจะได้เห็น พ่อรักและหวงหญิงมาก พ่อกับแม่มีปัญหา เลิกกันก็ไม่ค่อยดี แต่คุณแม่ก็ไม่ได้ห้ามให้มาเจอ คุณพ่อมีครอบครัวใหม่ด้วย"

ตอนนี้อยากทำอะไรให้คุณแม่อีกบ้าง

หญิง - "สิ่งที่อยากให้แม่คือเรื่องธรรมะค่ะ ด้วยเขาเจออะไรมาเยอะ ชีวิตเขาวิ่งเร็วมาก ทำอะไรเร็วแล้วขาดสติ ทำให้เจอแต่เรื่องไม่ดี คิดว่าธรรมะจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาช้าลงและมีสติมากขึ้น ดังนั้นถ้ามีโอกาสหญิงอยากพาเขาเข้าวัดนั่งวิปัสสนา สุขในเรื่องของโลกแม่มีแล้ว แต่สุขในเรื่องทางธรรมแม่ยังไม่มี"

เรื่องความรักเป็นอย่างไรบ้าง

หญิง - "ยังไม่มีค่ะ ตั้งแต่เลิกกับคริสมาก็ 4 ปีแล้ว ตอนเลิกไม่เกี่ยวกับคุณแม่ที่ว่าแม่หวง เอาเข้าจริงเวลาหญิงมีความรัก แม่จะเข้าข้างแฟนตลอด เพราะแม่จะรู้ว่าหญิงมีความเป็นตัวเองสูงมาก คิดทำอะไรก็ทำเลย อะไรที่รู้ว่าไม่ใช่จะไม่เสียเวลาเลย หลายๆ ครั้งที่ล้มเหลวกับความรัก มันเกิดจากตัวเราเองทั้งนั้น"

"กับคริสถือเป็นความรักครั้งที่ดีที่สุด เขาอายุมากกว่า 6 ปีกำลังดีแต่อยู่ไกลกัน เรื่องเวลาเป็นหลักรวมถึงจุดมุ่งหมายชีวิตต่างกัน หญิงอยากแต่งงานแต่เขาไม่อยากแต่ง ตอนนั้นเราอยู่คนละประเทศ ถ้าจะอยู่ด้วยกันคือต้องแต่งงานกัน แต่เขายังไม่พร้อม เมื่อเขาไม่พร้อมปุ๊บ นิสัยเรามาทันที"

"เมื่อสิ่งที่หญิงกำลังจะทำคืออาจทิ้งวงการซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักมากที่สุดเพื่อไปเจอสิ่งใหม่ๆ เราพร้อมเปิดรับ รู้สึกว่าเราแมนและกล้าลองทำอะไรใหม่ๆ แต่ขณะที่คุณเองไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย แต่คุณบอกไม่พร้อม เลยรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่เรารออยู่ ก็ตัดสินใจเลิก เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของหญิงที่ไม่ไป ทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเรื่องการแสดงค่ะ"

ตอนนี้มองเรื่องความรักบ้างหรือยัง

หญิง - "มองค่ะ ตอนนี้เวลาของหญิงเหลือน้อย (หัวเราะ) ถ้ามีครอบครัวตอนนี้ต้องมีลูกแล้วค่ะ เพราะอายุ 30 ปีแล้ว ถ้าคบใครคงจริงจังให้เวลาคบกัน 2-3 ปีแล้วแต่งเลย แต่ถ้าไม่มีหรือไม่แต่งก็ไม่คิดแล้ว อยู่กับแม่ไปแบบนี้ และถ้ามีใครเข้ามาระหว่างนี้คงคบกันเพื่อความสบายใจ ความรู้สึกดีๆ ที่จะมีวันดีๆ อยู่ด้วยกัน ไม่ได้มองยาวถึงขั้นแต่งงานมีครอบครัว"

"ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาให้ศึกษาบ้าง แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีทั้งในและนอกวงการก็คบกันเหมือนเพื่อน สำหรับคนที่อยากได้คือใครก็ตามที่ทำให้เราเห็นว่าเขามีมุมที่ดูแลแม่หญิงได้ก็จะได้รับการพิจารณาค่ะ หญิงต้องการคนที่รักเราและครอบครัวเราด้วย 2 ปีนี้ต้องหาให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่แล้วค่ะ (หัวเราะ)"

ถือเป็นฟ้าหลังฝนไหม

หญิง - "ได้ค่ะ แต่ชีวิตคนเราไม่มีอะไรง่ายหรือว่าแน่นอน หญิงคิดเสมอว่าอะไรที่มาเร็วมักน่ากลัวเสมอ แม้แต่โอกาสต่างๆ ที่เข้ามา หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่หญิงมีงานต่อเนื่อง ได้ไปเดินพรมแดง แต่ความรู้สึกลึกๆ เชื่อว่ามันไม่มีอะไรดีตลอดไป มันทำให้หญิงกลัวตลอดเลยเวลาที่มีอะไรดีๆเข้ามา เพราะจะคิดว่าแล้วสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามามันคืออะไร"

วางอนาคตอย่างไรต่อไป

หญิง - "ตอนนี้ก็มุ่งกับงานแสดง พยายามพัฒนาตัวเองต่อไป สายงานในเมืองไทยทุกงานเราเต็มที่ ส่วนในสายเมืองนอกตอนนี้เซ็นงานกับเอเยนซี่ที่อังกฤษไว้ ได้แคสต์งานไปแล้ว 2 เรื่อง มีหนึ่งเรื่องที่ไม่ได้แล้วแน่ๆ ช่วงนั้นร้องไห้เลยเพราะเราได้แล้ว แต่เราดันรับละครที่นี่ไว้แล้ว 3 เรื่อง หนังอีก 1 เรื่อง"

"หนังที่ได้เป็นฝั่งอเมริกา เป็นตัวนำด้วย ถ้าเล่นเรื่องเดียวชีวิตสบายเลย ตอนนั้นร้องไห้เลยที่ปฏิเสธไป ได้แล้วและเขาจะให้บินไปตั้งแต่ 13 พ.ค. ไปอยู่ 3-4 เดือน แต่ก็คิดว่าถ้ามันใช่ของๆ เรามันต้องมาในช่วงเวลาที่ใช่จริงๆ เรารับงานที่นี่ไว้ก่อนแล้วต้องรับผิดชอบ เลยส่งเมล์ให้เขาว่าเราไปได้ช่วงไหน ถ้ารอได้ก็โอเค ถ้าไม่ได้ก็เป็นโอกาสหน้า เขาก็เงียบไป คิดว่าคงไม่ได้แล้ว แต่เราก็หวังต่อไป ไม่หยุดหวังค่ะ"

เพราะหวังทำให้มีพลังฮึดสู้